ผลอันเห็นเอง กับ ผลชั่วคราว [สัมพหุลสูตร]
khampan.a
วันที่ 4 มี.ค. 2551
หมายเลข 7696
อ่าน 1,066
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
ว่าด้วยมาร รบกวนพระภิกษุ [สัมพหุลสูตร]
ความคิดเห็นที่ 1
khampan.a
วันที่ 4 มี.ค. 2551
คำพูดที่พระภิกษุทั้งหลายพูดกับมารนั้น มีความลึกซึ้งมาก ที่ว่า “พวกเราไม่ละผลอันเห็นเอง แล้ววิ่งไปสู่ผลอันชั่วคราว แต่พวกเราจะละผลอันชั่วคราวแล้ว วิ่งไปสู่ผลอันเห็นเอง” ผลอันเห็นเอง คือ ปัญญา ที่รู้สภาพธรรมที่ปรากฏ ถูกต้องตามความเป็นจริง จึงชื่อว่าเห็นอย่างแท้จริง ถ้าเห็นเป็นสัตว์บุคคล ตัวตน เป็นทรัพย์สมบัติ หรือเห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ยังไม่ชื่อว่าเห็น
สิ่งที่เป็น รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ เป็นของชั่วคราวเหลือเกิน คือปรากฏเพียงนิดเดียวแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่ประณีตสักเท่าไร ที่กำลังได้รับ ที่กำลังยินดีพอใจอย่างยิ่ง แล้วก็หมดไป ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง ทางใจบ้าง เพราะฉะนั้น ผลอย่างนี้จึงเป็นผลที่ชั่วคราว ไม่ยั่งยืน ไม่ใช่เป็นปัญญาที่รู้จริง แล้วก็รู้แจ้งในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง
ความคิดเห็นที่ 2
khampan.a
วันที่ 4 มี.ค. 2551
โดยมาก ชาวโลกมักจะคิดกันว่า การที่ได้รับผล คือทรัพย์สิน เงิน ทอง รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ เป็นผลที่เห็นกันอยู่ในโลกนี้ (เห็นๆ กันอยู่) แต่แท้ที่จริงแล้ว นั่น เป็นผลชั่วคราวอย่างแท้จริง
ความคิดเห็นที่ 3
shumporn.t
วันที่ 4 มี.ค. 2551
โอกาสเกิดเป็นมนุษย์นั้น ยาก
โอกาสได้ฟังสัทธรรม ก็ยาก
โอกาสมีปัญญาเห็นโทษของกาม ยิ่งยากกว่า....
ขออนุโมทนาค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
wannee.s
วันที่ 4 มี.ค. 2551
การเสื่อมญาติ เสื่อมโภคทรัพย์ เสื่อมยศ เสื่อมคนรัก ก็ไม่ชั่วร้ายเหมือนเสื่อมปัญญา
ขออนุโมทนาค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 มี.ค. 2551
เห็นด้วยตาเนื้อ..กับเห็นด้วยปัญญาจึงต่างกัน..ขออนุโมทนาครับ
ความคิดเห็นที่ 6
ajarnkruo
วันที่ 4 มี.ค. 2551
ผู้มีปัญญาย่อมเห็นความแตกต่างของผลอันชั่วคราวกับผลอันเห็นเอง...อนุโมทนาครับ