พระรับเงินแล้วปลงอาบัติทุกครั้ง
แล้วกรณีพระรับเงินทุกครั้ง เพื่อเหตุต่างๆ แต่ท่านบอกว่าปลงอาบัติทุกครั้ง อย่างนี้เมื่อเกิดตาย ตอนที่ปลงอาบัติแล้ว ก็ไม่ไปทุคติใช่หรือไม่ (หากประพฤติศีลข้ออื่นๆ ดีหมดไม่ด่างพร้อย เสียแค่ 1 ข้อ)
ขออนุโมทนา
เวลาที่พระภิกษุทำผิดพระวินัยแล้วปลงอาบัติ และการปลงอาบัติหมายถึง จะสำรวมระวังต่อไป คือ จะไม่ทำอีก มีความตั้งใจที่จะงดเว้นค่ะ
ควรทราบว่า การออกจากอาบัติ ที่เป็นนิสสัคคียปาจิตตีย์นั้น ไม่ใช่เพียงการปลงอาบัติเท่านั้น คือ ต้องสละวัตถุนั้นเสียก่อน จึงจะปลงอาบัติได้ ถ้ายังครอบครองเงินทองอยู่ แม้ว่าจะปลงอาบัติตั้งร้อยครั้ง พันครั้ง ก็ไม่ชื่อว่าปลงอาบัติ คือการปลงอาบัตินั้นใช้ไม่ได้ ชื่อว่ายังมีอาบัติอยู่ อนึ่ง ท่านแสดงว่า อาบัติทั้งหมดแม้เล็กน้อย เป็นเครื่องกั้นทั้งหมด ดังนั้นอย่างอื่นบริสุทธิ์หมด แต่มีอาบัติ ๑ ข้อ ก็ชื่อว่า ไม่บริสุทธิ์นั่นเอง ทุคติ พึงหวังได้ ไม่ต้องสงสัย
พระท่านอ้างเรื่องยุคสมัย ก็ถูกของท่าน คือเป็นยุคสมัยของ พระทุศีลไงครับ ผู้ถวายเงินพระเป็นบุญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ประกอบด้วยปัญญา เพราะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย อยากถวายเงินพระก็อ้างโน่น อ้างนี่ ความจริงเห็นแก่ตัวมาก ถือเอาความสบายส่วนตัวเป็นหลัก แถมยังโลภในบุญ เพราะคิดว่า ถวายเงินพระแล้วได้บุญมาก พระศาสนาจะเป็นไงก็ช่าง ฉันไม่สนใจ เพราะได้ทำบุญกับพระแล้วได้บุญมากกว่าทำบุญอย่างอื่น ศาสนาจะเสื่อมก็เพราพวกเรากันเองนี่แหละ ไม่ควรไปโทษศาสนาอื่น ไม่ควรกระเสือกกระสนไปบรรจุพระพุทธศาสนาในรัฐธรรมนูญด้วย จะไปบังคับเขาทำไม ในเมื่อตัวเองก็ยัง
ไม่เข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าห้ามพระรับเงิน