ทำไม...ถึงจะเป็นจะตาย

 
khampan.a
วันที่  8 มี.ค. 2551
หมายเลข  7769
อ่าน  2,055

ได้ฟัง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายในรายการ “แนวทางเจริญวิปัสสนา” เนื้อหาตอนหนึ่ง แสดงถึงว่า มีผู้ฟัง ถามท่านอาจารย์สุจินต์ ว่ามีบุคคลคนหนึ่ง ถูกกลั่นแกล้ง ถูกกีดกันไม่ให้ได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้น เลยทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะได้รับตำแหน่งที่ดีนั้น ทำให้เขาเสียรู้คน จึงเสียใจ น้อยใจ คำถามมีอยู่ว่า แล้วจะอบรมเจริญเมตตาอย่างไร อกุศลจิต หรือ โทสะจึงจะเบาบางลงได้ ซึ่งคำตอบของ ท่านอาจารย์สุจินต์ ลึกซึ้ง เตือนใจได้เป็นอย่างดี จึงขอยกคำตอบของ ท่านอาจารย์อ สุจินต์ มา ณ ที่นี้ เพื่อศึกษาพิจารณาร่วมกันดังนี้ ครับ ทุกคนก็มีโทสะด้วยกันทั้งนั้น ในทุกรูปแบบ ทุกอย่างต้องมีเหตุปัจจัย คือ กรรม ทุกคนหนีไม่พ้น อะไรจะเกิดก็ตามแต่ และถ้ารู้ละเอียดลึกลงไปยิ่งขึ้นว่า ขณะไหนที่เป็นผลของกรรม ก็จะทำให้เรารู้ได้เลยว่า ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรเราได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม เริ่มต้นตั้งแต่เกิดมา เกิดมาไม่มีใครบงการอะไร แม้แต่ขณะเกิด แรกที่เกิดก็เป็นผลของกรรมแล้ว ขณะที่เห็น ก็เป็นผลของกรรม ขณะที่ได้ยินก็เป็นผลของกรรม ถ้าแยกออกมาโดยละเอียด จะเห็นชัดได้เลยว่า นอกจากกรรมแล้ว แม้ขณะอื่นจะเกิดโลภะหรือโทสะก็มีปัจจัยที่จะเกิด เป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติที่จะเป็นอย่างนั้น แต่เพราะมีความเป็นเรา ก็เลยไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น เมื่อยังมีเราอยู่ ก็ต้องมีทุกข์มากๆ หลายกรณี หลายเรื่อง เพียงแต่ไม่ได้ตำแหน่ง กับการที่จะต้องสูญเสียสิ่งที่ใหญ่ยิ่งกว่านั้น จะเลือกเอาอย่างไหน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 8 มี.ค. 2551

แต่ทั้งนี้คนเราไม่เคยจะยอมรับผลของกรรม ที่จะเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ แต่หวังอยู่ตลอดเวลาว่าเราจะต้องมีความสุข เพราะฉะนั้น เวลาที่เรามีความทุกข์ทางหนึ่งทางใดที่เกิดขึ้น ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งมหาศาล แต่ว่าเพียงชั่วขณะแล้วก็หมดไป กาลเวลาก็ผ่านไป ขณะนั้นก็ต้องมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้สภาพธรรมเกิดขึ้น เป็นอย่างอื่นเรื่อยๆ ให้ทราบว่า ทุกอย่างที่เกิดไม่มีอะไรคงที่เลย เกิดแล้วก็ดับไป ยังมีแต่ความทรงจำ ที่เราจำอยู่ก็เฉพาะในชาตินี้ชาติเดียวที่เรายังจะนึกจำได้ แต่พอถึงชาติหน้า เราก็จำว่า เขาเคยมาล่อหลอกให้เราเสียตำแหน่งหรือเปล่า เราก็จำไม่ได้ ชาติก่อน เราก็อาจจะเคยไปล่อหลอกเขาให้เสียตำแหน่ง แต่เราก็จำไม่ได้ พอถึงชาตินี้ พอเขาล่อหลอกเรา ก็จะเป็นจะตาย เราต้องค่อยๆ พิจารณาหลายๆ อย่าง แล้วเราก็จะเข้าใจในเหตุผลยิ่งขึ้น ว่าสิ่งใดที่เกิด ต้องมีเหตุปัจจัย

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 8 มี.ค. 2551

ทุกคนต่างก็สะสมเหตุที่ต่างๆ กันมา ยากที่จะรู้ได้ สภาพธรรมใดก็ตาม ที่จะเกิดก็เพราะมีเหตุมีปัจจัย จึงเป็นไปอย่างนั้น ซึ่งเป็นกิจหน้าที่ของปัญญาที่จะต้องรู้ความจริง ไม่ตกใจ ไม่กลัว ไม่เสียดาย ไม่กังวลใจ ไม่คิดว่ามีเราที่เป็นอย่างนั้น ที่เป็นอย่างนี้ แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น หนทางของการอบรมเจริญปัญญา เป็นหนทางที่ประเสริฐ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
shumporn.t
วันที่ 9 มี.ค. 2551

สิ่งที่ท่านหามา ละเอียด ลึกซึ้ง เตือนใจ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 9 มี.ค. 2551

ซาบซึ้งค่ะ

ผลของกรรม แน่นอน ยุติธรรม คำนวนเวลาให้ผลไม่ได้ ที่แน่ๆ ไม่มีใครเคยหนีพ้นเลย

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ajarnkruo
วันที่ 9 มี.ค. 2551

จริงๆ เลยครับ ไขว่คว้า แก่งแย่งชิงดีกันจะเป็นจะตาย เพราะรู้ผิดๆ จำผิดๆ ว่ามี "เรา" นี่ล่ะโลกมันถึงได้วุ๊น วุ่น แต่โลกที่ไม่มี "เรา" เกิดเพียงชั่วขณะเดียว วุ่นหายแล้วถ้าเกิดบ่อยๆ เนืองๆ จะสงบขึ้นอีกแค่ไหนอบรมเจริญกุศลทุกประการกันเถิดครับ

...อนุโมทนาคุณ Khampan.a ครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
opanayigo
วันที่ 9 มี.ค. 2551

ไม่เสียใจ ไม่ตกใจ ไม่เสียดาย ไม่กังวลใจ ไม่คิดว่า มีเราที่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย

ขออนุโมทนาค่ะ สหายธรรมทุกท่าน ที่คอยเตือนสติเนืองๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดมากๆ จริงแท้ค่ะ...สาธุ สาธุ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
devout
วันที่ 9 มี.ค. 2551

"ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรเราได้" แต่เป็นเพราะกิเลสของเราต่างหาก ที่กลับมาทำร้ายตัวเรา ในรูปแบบใหม่ คือ วิบากกรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 9 มี.ค. 2551

เพราะฉะนั้นกรรมยุติธรรม และเที่ยงตรง ไม่มีกำลังใดแรงเท่ากำลังของกรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Khaeota
วันที่ 9 มี.ค. 2551

นอกจากอบรมหนทางที่ถูกที่ องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเมตตาพร่ำสอนมา ก็ไม่เห็นหนทางที่จะพ้น กิเลส กรรม วิบากได้เลย

ขออนุโมทนา คุณ KHAMPAN.a ที่เมตตานำธัมมะเตือนใจจริงๆ มาฝากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
aiatien
วันที่ 9 มี.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 9 มี.ค. 2551

ไม่มีใครทำเรา เราทำเอง ด้วยกรรมและผลของกรรม ซึ่งไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 10 มี.ค. 2551

ต้องยอมรับผลของกรรมจริงๆ ทุกอย่างกรรมกำหนดไว้หมดแล้วและก็จะยังกำหนดต่อไปอีกแสนชาติ โกฏิชาติ หากยังเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏฏ์นี้หากเป็นผู้ที่มีปัญญาแล้ว ก็ควรที่จะอบรมเจริญปัญญาให้รู้สภาพธรรมทั้งหลายละความชั่วทั้งปวง ทำความดีทั้งปวง และทำจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
suwit02
วันที่ 1 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 1 พ.ย. 2551

"ถ้าแยกออกมาโดยละเอียดจะเห็นชัดได้เลยว่า นอกจากกรรมแล้ว แม้ขณะอื่น จะเกิดโลภะหรือโทสะ ก็มีปัจจัยที่จะเกิด เป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติที่จะเป็นอย่างนั้น แต่เพราะมีความเป็นเรา ก็เลยไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น เมื่อยังมีเราอยู่ ก็ต้องมีทุกข์มากๆ หลายกรณี หลายเรื่อง"

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
คนเจ้าโทสะ
วันที่ 1 พ.ย. 2551

ขอบคุณ คุณคำปั่น มาก มากค่ะ

เห็นจริงทีเดียวว่า การฟังให้เข้าใจ มีคุณหนักหนา รักท่านอาจารย์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
เมตตา
วันที่ 1 พ.ย. 2551

สภาพธรรมใดก็ตาม ที่จะเกิดก็เพราะมีเหตุมีปัจจัยจึงเป็นไปอย่างนั้น ซึ่งเป็นกิจหน้าที่ของปัญญาที่จะต้องรู้ความจริงไม่ตกใจ ไม่กลัว ไม่เสียดาย ไม่กังวลใจ ไม่คิดว่า มีเราที่เป็นอย่างนั้น ที่เป็นอย่างนี้ แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้น ตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น หนทางของการอบรมเจริญปัญญา เป็นหนทางที่ประเสริฐ

ขออนุโมทนาคุณkhampan.a ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
opanayigo
วันที่ 2 พ.ย. 2551

ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรเราได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม ด้วยเหตุและผล ตามที่เราได้กระทำมาแล้วทั้งนั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
orawan.c
วันที่ 4 พ.ย. 2551

ถ้าไม่ได้ฟังสิ่งที่ท่านอาจารย์สุจินต์ นำพระสัทธรรมมาพร่ำสอน จะไม่มีวันเข้าใจเลยว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้ นอกจากกิเลสของเราเอง

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
WS202398
วันที่ 4 พ.ย. 2551

เมื่อไม่เห็นเอง ก็ต้องอาศัยศรัทธาบวกตรรกะสำหรับผมน่ะ แต่มันไม่มั่งคงหรอก ก็พยายามรู้เองเห็นเองกันไป ถึงจะชัวร์

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
Sam
วันที่ 4 พ.ย. 2551

เมื่อขาดความเข้าใจธรรมะ ทำให้มักมีคำตัดพ้อว่า "ไม่ยุติธรรม" และ "ทำไมถึงต้องเป็นเรา" หากมีความเข้าใจเรื่องกรรม และผลของกรรม จะทำให้เข้าใจว่า ความเป็นไปของชีวิต แต่ละขณะยุติธรรมแล้ว และเพราะต้องเป็นเรา (ผู้เป็นทายาทแห่งกรรม ที่ได้ทำไว้แล้ว) ซึ่งความเข้าใจนี้ ต้องเกิดจากการศึกษาโดยละเอียดถึงแต่ละขณะจิต ว่าขณะใดเป็นกรรม ขณะใดเป็นวิบาก (ผลของกรรม) เพราะหากพิจารณาเป็นเรื่องราว ก็มักไม่อาจหาข้อยุติได้

ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
คุณ
วันที่ 4 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 4 พ.ย. 2551

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
aiatien
วันที่ 4 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ