เศษเสี้ยวของ....ผ้าเช็ดธุลี !

 
แล้วเจอกัน
วันที่  11 มี.ค. 2551
หมายเลข  7841
อ่าน  1,229

พึงอนุโมทนาบุญกับสัตว์ทั้งปวง อดทนถ้อยคำด้วยจิตเมตตา หวังประโยชนกับบุคลอื่นโดยไม่เลือกว่าเป็นใคร ไม่กล่าวร้าย อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์

เป็นผู้ไม่โกรธง่าย เมื่อโกรธแล้วบรรเทาโดยเร็ว ไม่ผูกโกรธ ยินดีในความสามัคคี ไม่กล่าวส่อเสียด ว่าง่ายในพระธรรม มิใช่ว่าง่ายเพราะลาภ สักการะ ให้อภัยในผู้ที่มีคุณและไม่มีคุณ เมื่อเขากล่าวติเตียนตนเอง ควรมีจิตเมตตา ไม่โกรธ อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์

เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วแสดงโทษนั้น มักน้อยและสันโดษโดยประการทั้งปวง ติบุคคลที่ควรติด้วยเมตตา สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญเพราะเคารพกุศลธรรม ปรารภความเพียรเพื่อประโยชน์กับสัตว์ทั้งหลายโดยไม่เลือก แนะนำให้ออกจากอกุศล ให้เจริญกุศล คิดถึงความสุขของตนเองน้อยกว่าความสุขของผู้อื่น วางเฉยในความผิดของสัตว์ทั้งหลายทำ แต่ไม่วางเฉยในประโยชน์ของสัตว์ทั้งหลาย ยอมไม่เป็นที่รักแต่ทำให้ผู้อื่นออกจากกอกุศลและเจริญกุศล กตัญญูในสิ่งที่มีคุณ กระตอบแทนด้วยไม่หวังผลแม้สิ่งใด

เจริญกุศลทุกประการและไม่เลือกว่าบุคคลใด กล่าวคำจริง ประกอบด้วยประโยชน์และถูกกาล เห็นโทษของอกุศล ละคลายอกุศลด้วยการฟังพระธรรม ให้ทานไม่จำกัดว่าใครแต่เลือกให้ในสิ่งที่เหมาะสม เป็นผู้ยินดีในพระสัทธรรม ไม่กล่าวกระทบบุคคลใด มุ่งประโยชน์ด้วยเมตตา กล่าวถ้อยคำอ่อนหวานเพราะเป็นกุศล นึกถึงคนฟัง ไม่ใช่เพื่อประจบ

มีตนเสมอในบุคคลอื่น ไม่แบ่งว่าเป็นพวกใคร บุคคลใด ระลึกถึงพระคุณ ตอบแทนพระคุณเท่าที่จะทำได้ ให้อภัยในที่ทั้งปวง ที่กล่าวมาเป็นเพียงเศษเสี้ยวของผ้าเช็ดธุลี ซึ่งบุคคลผู้เป็นดั่งผ้าเช็ดธุลีคือท่านพระสารีบุตร ย่อมมีคุณธรรมมากกว่านี้หาประมาณมิได้ อบรมเป็นผ้าเช็ดธุลีได้ ด้วยเห็นประโยชน์และอาศัยเวลาด้วยการฟังพระธรรมครับ ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 11 มี.ค. 2551

ตัวอย่างความดีของพระสารีบุตรผู้เป็นดั่งผ้าเช็ดธุลี
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๘๗

ข้อความบางตอนจาก...

๙. สุสิมสูตร

[๓๐๔] พ. อย่างนั้นๆ อานนท์ ใครเล่าที่ไม่ใช่คนพาล ไม่ใช่คนมุทะลุ ไม่ใช่คนงมงาย ไม่ใช่คนมีจิตวิปลาส จะไม่ชอบสารีบุตร เพราะสารีบุตรเป็นบัณฑิต มีปัญญามาก มีปัญญาแน่นหนา มีปัญญาชวนร่าเริง มีปัญญาเร็ว มีปัญญาแหลม มีปัญญาคม มักน้อย สันโดษ สงัดกาย สงัดใจ ไม่คลุกคลีด้วยหมู่ ปรารภความเพียร เข้าใจพูด อดทนต่อถ้อยคำ โจทก์ท้วงคนผิด ตำหนิคนชั่ว อานนท์ ใครเล่าที่ไม่ใช่คนพาล ไม่ใช่คนมุทะลุ ไม่ใช่คนมีจิตวิปลาส จะไม่ชอบสารีบุตร

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
devout
วันที่ 11 มี.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่ท่านพระสารีบุตร

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
shumporn.t
วันที่ 12 มี.ค. 2551

ลักษณะของบัณฑิตเปรียบเหมือนผ้าเช็ดธุลี

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 12 มี.ค. 2551

ถ้าเข้าใจธรรมะจริงๆ แล้ว ธรรมะทำให้ดีขึ้นได้เองทั้งหมดครับ...อนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 12 มี.ค. 2551
บัณฑิตแม้ถูกว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่โกรธ กลับเห็นผู้ตักเตือนว่าเป็นผู้มีพระคุณค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 12 มี.ค. 2551

เป็นสุดยอดแห่งธรรมเตือนใจที่สามารถอบรม ขัดเกลากิเลสของตนเองได้ในชีวิตประจำวัน เพราะทุกข้อเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง สั้นๆ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งครับ "เป็นสุขตั้งแต่นาทีแรก ที่ประพฤติปฏิบัติตามได้"

ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 12 มี.ค. 2551

สาธุเดี๋ยวนี้ นอกจากเป็นกุศลแล้ว ยังสวยงามน่าอ่านอีกด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ตุลา
วันที่ 12 มี.ค. 2551

อ่านแล้วรู้สึกเลยว่ากิเลสของตัวเองยังมีอีกมาก แต่จะพยายามละและปรับปรุงตัวเองค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
กุลจิรา
วันที่ 12 มี.ค. 2551

คุณ"แล้วเจอกัน" โพสท์แต่ละเรื่องอ่านแล้วนำไปปฏิบัติได้ยากจัง อาจจะเพราะอ่านแล้วไม่ซึมซับเอง หรืออ่านแล้วไม่เข้า (ไปในจิตใจก็ไม่อาจรู้ได้) ใจ ก็ขอให้เมตตา สงสารผู้อ่านหน้าใหม่ด้วยเถิด

อยากทราบว่าคุณ"แล้วเจอกัน" ปฏิบัติได้ครบตามที่ได้เขียนสั่งสอนคนอื่นหรือเปล่า เพราะคนเรานั้น การสอนด้วยการให้อ่านหรือการพูดให้ฟัง แต่สิ่งที่เรายินดีและเลื่อมใสศรัทธา เต็มใจจะทำตามนั้น เป็นการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่เป็นตัวอย่างมากกว่าสิ่งใดๆ

คนที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา หาเช้ากินค่ำ อยู่ในสังคมที่เร่งรีบ เปิดอ่านสาระเดียวใช้เวลาเป็นชั่วโมง อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง แถมอ่านแล้วเครียด ใครจะอยากอ่าน มีแต่จะพาลเบื่อเสียเปล่าๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 12 มี.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ยังประพฤติ ปฏิบัติตาม ที่กล่าวได้บ้าง ไม่ได้บ้างครับ แต่เพราะเห็นประโยชน์และเมื่อพิจารณาบ่อยๆ สังขารขันธ์คือ สภาพธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่งย่อมปรุงแต่งขึ้นเพราะความเข้าใจขั้นการฟังอันนำมาซึ่งการน้อมประพฤติปฏิบัติตามทีละเล็กละน้อย แต่ต้องอาศัยเวลาครับ..อบรมได้ทีละเล็กละน้อยครับ โดยเริ่มจากการศึกษาขั้นการฟังหรืออ่าน เป็นต้น ดังนั้น จึงไม่ใช่มีเราไปปฏิบัติตาม เพราะทุกอย่างเป็นธรรม แต่เมื่อความเข้าใจเกิดขึ้น (ปัญญา) ปัญญานั้นเองจะทำหน้าที่ปรุงแต่งให้ดีขึ้นทีละเล็กละน้อย และเข้าใจความจริงของสภาพธรรมมากขึ้นครับ จริงๆ ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งที่ยากครับ ไม่ง่ายแต่อาศัยการอบรม การอ่าน การฟังบ่อยๆ ก็สามารถเข้าใจได้แต่ต้องอาศัยเวลาและความอดทนครับ มีไฟล์ฟังธรรมที่เป็นเบื้องต้นอยู่ในเวปนี้มากมายครับ ลองคลิกฟังดูก็ได้ครับ ขออนุโมทนาครับ
เชิญคลิกฟังที่นี่ครับ.............

ธรรมะคือสิ่งที่มีจริงต้องค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริงขณะนี้ว่าเป็นธรรม
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 12 มี.ค. 2551

"คนที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา หาเช้ากินค่ำ อยู่ในสังคมที่เร่งรีบ เปิดอ่านสาระเดียว ใช้เวลาเป็นชั่วโมง อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง แถมอ่านแล้วเครียด ใครจะอยากอ่าน มีแต่จะพาลเบื่อเสียเปล่าๆ "

ข้อความก็แสดงถึงความเพียรพยายามอ่าน เพื่อความเข้าใจ น่าอนุโมทนานะครับ ส่วนที่ว่ายังไม่รู้เรื่อง เครียด เบื่อ ก็ธรรมดาครับ ย่อมเป็นได้ตามเหตุ ตามปัจจัย อย่างไรก็ตาม ก็ขอเป็นกำลังใจให้ท่านศึกษาธรรมต่อไปนะครับ ในเวปนี้นอกจากกระดานสนทนาแล้ว ยังมีไฟล์ให้ฟังธรรม และไฟล์สำหรับอ่านมากมาย ลองเลือกฟัง อ่านได้ตามความสนใจนะครับ

อย่าลืมเข้ามาสนทนาบ่อยๆ นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 13 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
suwit02
วันที่ 13 มี.ค. 2551

คุณกุลจิรา ครับ อย่าเครียดเลยครับ คนเขาเอาทรัพย์มาให้ พอใจรับเท่าไหร่ ก็รับเท่านั้น ที่เหลือก็คืนเขาไปสิครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
A-care
วันที่ 16 มี.ค. 2551

อนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ