อยากทราบผลแห่งการสร้างพระเจดีย์?

 
เจริญในธรรม
วันที่  12 มี.ค. 2551
หมายเลข  7851
อ่าน  1,586

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและเป็นที่พึ่งอันสูงสุด

๑. ขอความรู้เรื่องผลแห่งการสร้างพระเจดีย์ และ ผู้ร่วมสร้างพระเจดีย์ด้วยครับ ว่ามีอานิสงส์ เช่นไร ทั้งผู้สร้างและผู้ร่วมสร้าง มีในพระไตรปิฏกหน้าไหนครับ?

๒. ปกติเจดีย์ ควรต้องมีการสร้างในที่ใดได้บ้างครับ? สร้างในที่ส่วนตัวได้หรือไม่? หรือสร้าง ในที่ส่วนตัวแต่ให้เป็นที่สาธารณเช่น มูลนิธิได้หรือไม่?

๓. ผลและอานิสงค์ของการบูชาพระเจดีย์เป็นเช่นไรครับ?

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 12 มี.ค. 2551

๑.ขอเชิญอ่านข้อความจากพระสูตรที่ยกมา (ความเห็นที่ ๒)

๒.ในพระสูตรกล่าวถึงควรสร้างพระสถูปเจดีย์ ของพระอรหันต์ไว้ที่หนทางสี่แพร่ง

๓.ทำให้เกิดในสุคติภูมิ และรับอารมณ์ที่ดี และเป็นอุปนิสัยแก่มรรคผลได้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 12 มี.ค. 2551

08409

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ ๔๒

บุรพกรรมของกุกกุฏมิตรพรอมดวยบุตรและสะใภ

โดยสมัยอื่น พวกภิกษุสนทนากันวา " อะไรหนอแลเปนอุปนิสัย แหงโสดาปตติมรรค ของนายพรานกุกกุฏมิตร ทั้งบุตร และสะใภ? นายพรานกุกกุฏมิตรนี้ เกิดในตระกูลของพรานเนื้อเพราะเหตุอะไร? "

พระศาสดาเสด็จมาแลว ตรัสถามวา " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวก เธอนั่งสนทนากันดวยเรื่องอะไรหนอ? " เมื่อภิกษุเหลานั้นกราบทูลวา " ดวยเรื่องชื่อนี้. " ตรัสวา " ภิกษุทั้งหลาย ในอดีตกาล หมูชนจัดสราง เจดียบรรจุพระธาตุของพระกัสสปทสพล กลาวกันอยางนี้วา " อะไรหนอ จักเปนดินเหนียว? อะไรหนอ จักเปนน้ําเชื้อ แหงเจดียนี้? 

การสรางเจดียในสมัยกอน

ทีนั้น พวกเขาไดมีปริวิตกนี้วา " หรดาลและมโนสิลาจักเปนดินเหนียว. น้ํามันงาจักเปนน้ําเชื้อ. " พวกเขาตําหรดาลและมโนสิลาแลว ผสมกับน้ํามันงา กอดวยอิฐ ปดดวยทองคํา แลวเขียนลวดลายขางใน. แตที่มุขภายนอกมีอิฐเปนทองทั้งแทงเทียว. อิฐแผนหนึ่งๆ ไดมีคาแสน หนึ่ง. พวกเขาเมื่อเจดียสําเร็จแลว จนถึงกาลจะบรรจุพระธาตุ คิดกัน วา " ในกาลบรรจุพระธาตุ ตองการทรัพยมาก. พวกเราจักทําใครหนอ แล ใหเปนหัวหนา? " แยงกันเปนหัวหนาในการบรรจุพระธาตุ

ขณะนั้น เศรษฐีบานนอกคนหนึ่ง กลาววา " ขาพเจา จักเปน หัวหนา " ไดใสเงิน ๑ โกฏิในที่บรรจุพระธาตุ. ชาวแวนแควนเห็นกิริยา นั้น ติเตียนวา " เศรษฐีในกรุงนี้ ยอมรวบรวมทรัพยไวถายเดียว, ไม อาจเปนหัวหนาในเจดียเห็นปานนี้ได. สวนเศรษฐีบานนอก ใสทรัพย ๑ โกฏิ เปนหัวหนาทีเดียว."

เศรษฐีในกรุงนั้น ไดยินถอยคําของชนเหลานั้นแลว กลาววา " เราจักใหทรัพย๒ โกฏิแลวเปนหัวหนา " ไดใหทรัพย๒ โกฏิแลว.

เศรษฐีบานนอกคิดวา " เราเองจักเปนหัวหนา " ไดใหทรัพย๓ โกฎิ. ครั้นเศรษฐีทั้ง ๒ เพิ่มทรัพยกันดวยอาการอยางนั้น. เศรษฐีในกรุง ไดใหทรัพย๘ โกฏิแลว.

สวนเศรษฐีบานนอก มีทรัพย๙ โกฏิเทานั้นในเรือน. เศรษฐีใน กรุงมีทรัพย ๔๐ โกฏิ. เพราะฉะนั้น เศรษฐีบานนอก จึงคิดวา " ถา เราใหทรัพย๙ โกฏิไซร. เศรษฐีนี้จักกลาววา " เราจักให๑๐ โกฏิ."

เมื่อเปนเชนนั้น ความหมดทรัพยของเราจักปรากฏ " เธอจึงกลาวอยางนั้น วา " เราจักใหทรัพยประมาณเทานี้, และเราทั้งลูกและเมียจักเปนทาสของ เจดีย ดังนี้แลว พาบุตรทั้ง ๗ คน สะใภทั้ง ๗ คนและภริยา มอบ แกเจดียพรอมกับตน.

เศรษฐีบานนอกไดเปนหัวหนา

ชาวแวนแควนทําเศรษฐีบานนอกนั้นใหเปนหัวหนา ดวยอางวา "ชื่อวาทรัพยใครๆ ก็อาจใหเกิดขึ้นได, แตเศรษฐีบานนอกนี้พรอมทั้ง บุตรและภริยา มอบตัว (เฉพาะเจดีย) . เศรษฐีนี้แหละจงเปนหัวหนา." ชนทั้ง ๑๖ คนนั้น ไดเปนทาสของเจดียดวยประการฉะนี้. แตชาวแวนแควนไดทําพวกเขาใหเปนไท. แตเมื่อเปนเชนนั้น พวกเขาก็ปฏิบัติเจดีย นั้นแล ดํารงอยูตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้นแลว บังเกิดในเทวโลก. เมื่อชนเหลานั้น อยูในเทวโลกตลอด ๑ พุทธันดรในพุทธุปบาทนี้ภริยา จุติจากเทวโลกนั้น บังเกิดเปนธิดาเศรษฐีในกรุงราชคฤห.

คติของผูไมเห็นสัจจะไมแนนอน

นางยังเปนเด็กหญิงเทียว บรรลุโสดาปตติผลแลว. ก็ชื่อวาปฏิสนธิ ของสัตวผูยังไมเห็นสัจจะ เปนภาระหนัก เพราะฉะนั้น สามีของนาง จึงเวียนกลับไปเกิดในสกุลพรานเนื้อ. ความสิเนหาในกอนไดครอบงํา ธิดาของเศรษฐี พรอมกับการเห็นนายพรานกุกกุฏมิตรนั้นแล. จริงอยู แมพระผูมีพระภาคเจา ก็ตรัสคํานี้ไววา

" ความรักนั้น ยอมเกิด เพราะอาศัยเหตุ๒ ประการ อยางนี้ คือ เพราะการอยูรวมกันในกาลกอน ๑ เพราะการเกื้อกูลกันในปจจุบัน ๑ ดุจดอกบัว เกิดในน้ํา (เพราะอาศัยเปอกตมและน้ํา) ฉะนั้น." ธิดาของเศรษฐีนั้น ไดไปสูตระกูลของพรานเนื้อเพราะความสิเนหา ในปางกอน, แมพวกบุตรของนางก็จุติจากเทวโลก ถือปฏิสนธิในทอง ของนางนั้นแล. แมเหลาสะใภของนาง บังเกิดในที่นั้นๆ เจริญวัยแลว ไดไป สูเรือนของชนเหลานั้นนั่นแหละ. ชนเหลานั้นทั้งหมด ปฏิบัติเจดียในกาล นั้น ดวยประการฉะนี้แลว จึงไดบรรลุโสดาปตติผล ดวยอานุภาพแหง กรรมนั้น ดังนี้แล.

เรื่องนายพรานกุกกุฏมิตร จบ.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 12 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 12 มี.ค. 2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 1 โดย มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

๑.ขอเชิญอ่านข้อความจากพระสูตรที่ยกมา (ความเห็นที่ ๒)

๒.ในพระสูตรกล่าวถึงควรสร้างพระสถูปเจดีย์ของพระอรหันต์ไว้ที่หนทางสี่แพร่ง

๓.ทำให้เกิดในสุคติภูมิ และรับอารมณ์ที่ดี และเป็นอุปนิสัยแก่มรรคผลได้

จากข้อ ๒ อธิบายหนทางสี่แพร่งไว้อย่างไรครับ ในพระไตรปิฏก

เพราะมีฆราวาสท่านหนึ่งมีจิตกุศล กำลังคิดที่จะสร้างพระเจดีย์ ด้วยเงินประมาณ ๒ พันล้านครับ โดยรวบรวมจากผู้มีจิตศรัทธาครับ

เผื่อมีโอกาสจะได้แนะนำได้ครับ เพื่อเป็นกุศลบุญต่อไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Komsan
วันที่ 12 มี.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 13 มี.ค. 2551

00476 ท่านมีเสบียงหรือยัง

"บัดนี้ ท่านเป็นผู้มีวัยอันชรานำเข้าไปแล้ว, เป็นผู้เตรียมพร้อม เพื่อจะไปสำนักของพระยายม, อนึ่ง แม้ที่พัก ในระหว่างทางของท่าน ก็ยังไม่มี, อนึ่ง ถึงเสบียงทางของท่าน ก็หามีไม่, ท่านนั้นจงทำที่พึ่งแก่ตน, จงรีบพยายาม จงเป็นบัณฑิต ท่านเป็นผู้มีมลทินอันกำจัดได้แล้ว ไม่มีกิเลสเพียงดังเนินจักไม่เข้าถึงชาติชราอีก."

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท

เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ ๑๑


ธรรมเตือนใจวันที่ : 28-02-2551

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
olive
วันที่ 23 เม.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
บักกะปอม
วันที่ 26 เม.ย. 2551

ขอแนะนำให้ทำความเข้าใจความเห็นที่ ๖ โดย wannee.s ก่อนแล้วค่อยเจริญกุศล (เช่น สร้างเจดีย์) ถ้ายังไม่เข้าใจ ข้อ ๖ ก็ถามมาได้ อย่าเพิ่งไปทำอะไรก่อนที่จะศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร...ใจเย็นๆ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ