บุพกรรมของพระจุลลปันถกเถระ [จุลลปันถกเถราปทาน]

 
Idoitforyou
วันที่  16 มี.ค. 2551
หมายเลข  7933
อ่าน  1,933

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้าที่ 18

จุลลปันถกเถราปทานที่ ๔

ว่าด้วยบุพกรรมของพระจุลลปันถกเถระ

[๑๖] เวลานั้น พระชินเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ทรงรับเครื่อง

บูชาแล้ว พระองค์เสด็จหลีกออกจากหมู่ ประทับอยู่ ณ ภูเขา

หิมวันต์.

แม้เวลานั้นเราก็อยู่ในอาศรมใกล้ภูเขาหิมวันต์ เราได้เข้า

ไปเฝ้าพระมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ผู้เสด็จมาไม่นาน.

เราถือเอาฉัตรอันประดับด้วยดอกไม้ เข้าไปเฝ้าพระ-

นราสภ เราได้ทำอันตรายแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าซึ่งกำลังเข้า

สมาธิ.

เราประคองฉัตรดอกไม้ด้วยมือทั้งสองถวายแด่พระผู้มีพระ-

ภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้ามหามุนีพระนามว่าปทุมุตตระ

ทรงรับแล้ว.

เทวดาทั้งปวงมีใจชื่นบาน เข้ามาสู่ภูเขาหินวันต์ ยังสาธุ-

การให้เป็นไปว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีจักษุทรงอนุโมทนา.

ครั้นเทวดาเหล่านี้กล่าวเช่นนี้แล้ว ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-

พระภาคเจ้าผู้สูงสุดกว่านระ เมื่อเรากั้นฉัตรดอกบัวอันอุดม

อยู่ในอากาศ.

(พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า) ดาบสได้ประคองฉัตรดอกบัว

ให้แก่เรา เราจักพยากรณ์ดาบสนั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรา

กล่าว.

ดาบสนี้จักเสวยเทวรัชสมบัติอยู่ตลอด ๒๕ กัป และจัก

เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๕ ครั้ง. จะท่องเที่ยวสู่กำเนิดใดๆ

คือความเป็นเทวดาหรือมนุษย์ในกำเนิดนั้นๆ จักทรงไว้ซึ่ง

ดอกปทุมอันตั้งอยู่ในอากาศ.

ในแสนกัป พระศาสดาพระนามว่าโคดมโดยพระโคตร

ซึ่งมีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก.

เมื่อพระศาสดาทรงประกาศพระศาสนา ดาบสผู้นี้จักได้

ความเป็นมนุษย์ เขาจักเป็นผู้อุดมในกายอันบังเกิดแล้วด้วย

ฤทธิ์อันสำเร็จด้วยใจ.

จักมีพี่น้องชายสองคนมีชื่อว่าปันถก แม้ทั้งสองคนเสวย

ประโยชน์อันสูงสุดแล้ว จักยังพระศาสนาให้รุ่งเรือง.

เรานั้นมีอายุ ๑๘ ปี ออกบวชเป็นบรรพชิต เรายังไม่ได้

คุณวิเศษในศาสนาของพระศากยบุตร.

เรามีปัญญาเขลา เพราะเราอบรมอยู่ในบุรี พระพี่ชาย

จึงขับไล่เราว่า จงไปสู่เรือนเดี๋ยวนี้.

เราถูกพระพี่ชายขับไล่แล้วน้อยใจ ได้ยืนอยู่ที่ซุ้มประตู

สังฆาราม ไม่หวังในความเป็นสมณะ.

ลำดับนั้น พระศาสดาเสด็จมา ณ ที่นั้น ทรงลูบศีรษะเรา

ทรงจับเราที่แขน พาเข้ารูปในสังฆาราม.

พระศาสดาคุ้มทรงอนุเคราะห์ ประทานผ้าเช็ดพระบาท

ให้แก่เราว่า จงอธิฐานผ้าอันสะอาดอย่างนี้วางไว้ ณ ส่วน

ข้างหนึ่ง.

เราจับผ้านั้นด้วยมือทั้งสองแล้วจึงระลึกถึงดอกบัวได้ จิต

ของเราปล่อยไปในดอกบัวนั้น เราจึงได้บรรลุพระอรหัต.

เราถึงที่สุดในฌานทั้งปวง ในกายอันบังเกิดแล้วแต่ฤทธิ์

อันสำเร็จด้วยใจ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว ไม่มีอาสวะอยู่.

คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ

อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า

เราได้ทำเสร็จแล้ว ฉะนี้แล.

ทราบว่า ท่านพระจุลลปันถกะได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ

ฉะนี้แล.

จบจุลลปันถกเถราปทาน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ajarnkruo
วันที่ 16 มี.ค. 2551
เรามีปัญญาเขลา เพราะเราอบรมอยู่ในบุรี พระพี่ชายจึงขับไล่เราว่า จงไปสู่เรือนเดี๋ยวนี้.ในพระสูตรมีการแสดงกรรมที่ทำให้ท่านจุลลปันถกเถระมีปัญญาเขลา ทั้งๆ ที่ท่านปฏิสนธิด้วยปัญญา คือ เป็นติเหตุกบุคคลไว้ไหมครับ ...อนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 16 มี.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑-หน้าที่ 328

จูฬปันถกบวชแล้วกลายเป็นคนโง่

พระเถระให้จูฬปันถกบวชแล้ว ให้ตั้งอยู่ในศีลทั้งหลาย. แม้

จูฬปันถกนั้นพอบวชแล้ว ได้เป็นคนโง่เขลา.

พระเถระเมื่อพร่ำสอนเธอ กล่าวคาถานี้ว่า

"ดอกบัวโกกุนท มีกลิ่นหอม บานแต่เช้า

พึงมีกลิ่นไม่ไปปราศฉันใด, เธอจงเห็นพระอังคีรส

ผู้ไพโรจน์อยู่ ดุจพระอาทิตย์ส่องแสงในกลางหาว

ฉันนั้น."

คาถาเดียวเท่านั้น โดย ๔ เดือน เธอก็ไม่สามารถจะเรียนได้.

บุรพกรรมของพระจูฬปันถก

ถามว่า " เพราะอะไร?"

แก้ว่า "ได้ยินว่า เธอบวชในกาลพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า

ผู้มีปัญญา ได้ทำการหัวเราะเยาะ ในเวลาที่ภิกษุเขลารูปใดรูปหนึ่ง

เรียนอุเทศ, ภิกษุนั้นละอายเพราะการหัวเราะนั้น เลยเลิกเรียนอุเทศ ไม่

ทำการสาธยาย.

เพราะกรรมนั้น จูฬปันถกนี้ พอบวชแล้ว จึงเป็นคนโง่, บทที่

เรียนแล้วๆ เมื่อเธอเรียนบทต่อๆ ไป ก็เลือนหายไป. เมื่อเธอพยายาม

เพื่อเรียนคาถานี้แล. สี่เดือนล่วงไปแล้ว. ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ