ยังไม่สาย...สำหรับผู้ที่ตั้งใจ
“ในขณะที่ปักใจโกรธบุคคลหนึ่งบุคคลใด ก็คือคิดเอง ความคิดของตนเองจริงๆ ซึ่งผู้ที่เรากำลังโกรธอยู่นี้ อาจจะกำลังบำเพ็ญกุศลอยู่ ความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็เกิดเพียงชั่วขณะแล้วก็ดับไป แต่สำหรับคนที่โกรธความไม่ดีของบุคคลอื่น ก็ยังคงเป็นอกุศลอยู่ และนานตราบเท่าที่ยังผูกโกรธไว้
ทุกท่านไม่ควรลืมเลยว่า อีกไม่นานก็จะถึงชาติหน้า และชาติหน้าทุกท่านอยากจะเป็นบุคคลประเภทใด อยากมีกิเลสน้อยหรืออยากมีกิเลสมาก ดูเหมือนชาตินี มีกิเลสมาก แต่ชาติหน้าอยากจะเป็นผู้มีกิเลสน้อย นั่นเหตุกับผลไม่ตรงกัน ในเมื่อชาตินี้มีกิเลสมาก แต่ว่าไม่ขัดเกลากิเลส ไม่มีหิริ (ความละอาย) ไม่มีโอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่ออกุศล) ไม่ละคลาย ชาติหน้าก็จะเป็นผู้มีกิเลสน้อยไม่ได้เลย
และสำหรับชาติหน้าทุกคน ก็ต้องเป็นบุคคลใหม่ ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาเป็น บุคคลนี้อีกเลย แต่ว่าถ้าใครสามารถที่จะมีปัญญาถึงขั้นที่จะรู้ถึงอดีตของชาติหน้า ซึ่งก็คือชาตินี้เอง ชาติหน้าอาจจะคิดว่า แหม ... ชาติก่อน เราไม่ควรทำอย่างนี้เลย ไม่ควรผูกโกรธไว้เลย ไม่ควรกล่าววาจาที่ไม่ดีอย่างนั้น เลย แต่ว่าได้กระทำไปแล้ว”
ชาตินี้ วันนี้ (รวมถึงทุกๆ วันด้วย) จึงควรที่จะเป็นโอกาสของการเจริญกุศล อบรมเจริญปัญญาค่อยๆ ศึกษาธรรมให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง สั่งสม ความเข้าใจธรรมไว้ ซึ่งเมื่อมีความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว กิเลส ทั้งหลายก็จะลดน้อยลง ตามระดับขั้นของปัญญา เพราะฉะนั้น จึงยังไม่สายสำหรับ ผู้ที่ตั้งใจจะศึกษาธรรมเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ถึงแม้จะเริ่มต้นช้า ก็ยังดีกว่าที่จะไม่เริ่มศึกษาเลย ครับ
ยังไม่สาย ถ้าตั้งใจศึกษาธรรมะเพื่อละอกุศลเพื่อเป็นคนดี และที่สำคัญเพื่อรู้สัจจธรรมความจริงของธรรมะที่ปรากฏ ๖ ทวารค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ไม่มีคำว่าสายเพราะจิตเกิดดับเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา จิตใหม่ที่เห็นประโยชน์ที่จะขัดเกลากิเลสอันเกิดจากปัญญาก็เกิดขึ้นใหม่ได้ จิตที่ดับไปแล้วที่เป็นอกุศลที่ไม่เห็นประโยชน์ของกุศลก็ดับไปแล้ว เริ่มใหม่ในทางที่ดีเพราะจิตเกิดใหม่อันเกิดจากปัญญาที่ได้ศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องครับ
ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์