ถามว่าขณะนั้นเป็นมานะหรือไม่
ขณะฟังรายการธรรมะทางวิทยุ แล้วรู้ว่าท่านสอนไม่ถูกจึงปิดวิทยุ
ถามว่าขณะนั้นเป็นมานะหรือไม่ .. จากคุณเธียร
ไม่มีใครจะรู้สภาพจิตของท่านได้ดีเท่ากับตัวท่านเองค่ะ ลองพิจารณาและเทียบเคียงดูเองนะคะ จากลักษณะของมานะ 9 ประเภท ดังที่ยกมาค่ะ
มานะ 9 (ความถือตัว, ความสำคัญตนเป็นอย่างนั้นอย่างนี้)
1. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา
2. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา
3. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา
4. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา
5. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา
6. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา
7. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา
8. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา
9. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา
การไม่ฟังไม่ยินดีในอสัทธรรม จิตในขณะนั้นต้องเป็นกุศลค่ะ เพราะเห็นโทษแต่จิตก็เกิดดับสลับกันไปอย่างรวดเร็วมาก ทั้งกุศลและอกุศล จึงต้องเป็นผู้ที่ละเอียดและตรงต่อสภาพธรรมค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การจะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิดขึ้น คือ ขณะที่สภาพธรรมนั้นเกิด สติจึง
เกิดระลึกรู้สภาพธรรมนั้น ไม่ใช่นึกเทียบเคียงเป็นเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์
นั้นได้ดับไปแล้ว สภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก กุศลสลับกับอกุศล จึงต้องเป็นผู้มี
ปรกติอบรมเจริญสติปัฏฐานในชีวิตประจำวัน ซึ่งการจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม
ใดว่าเป็นอะไรนั้นก็คือขณะที่สภาพธรรมนั้นเกิดขึ้นในขณะนั้นนั่นเอง ขออนุโมทนาครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ถึงแม้สภาพธรรมนั้นๆ จะดับไปแล้ว แต่สัญญาก็ยังจำสภาพธรรมนั้นๆ ได้ค่ะ
จึงเป็นการศึกษาด้วยการพิจารณาแต่ไมใช่การระลึก
การฟังพระธรรมเพื่อการน้อมพิจารณาไม่ได้ห้ามไม่ให้คิด หรือ ห้ามไม่ให้เทียบเคียงถ้าคิดถูก ตรงตามความเป็นจริงของธรรมะนั้น...จิตก็เป็นกุศลได้แต่ความละเอียดของปัญญาก็ต้องค่อยๆ เป็นไปตามลำดับขั้น...ตามกำลังการสะสมจนกว่ามีปัจจัยให้สติฯ เกิด ระลึกได้แม้ในขณะที่คิดถูกนั้นว่า...เป็นธรรมะครับ...อนุโมทนาครับ...