เมื่อมีพระธรรมอยู่เสมอๆ ชีวิตท่านเปลี่ยนไปอย่างไร
ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็น ว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงในตัวท่าน เมื่อได้ฟังพระธรรมแ้ล้ว อุปนิสัยท่านเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ ถ้าเปลี่ยน เปลี่ยนอย่างไร
โดยส่วนตัวแล้วแน่นอน จากความเห็นผิดก็เปลี่ยนเป็นความเห็นถูก ยกตัวอย่างง่ายๆ เรื่องคนอื่นโกรธเรา เราก็ไม่โกรธตอบ
ค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ และเรื่องบางอย่างก็ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแบบคาดไม่ถึง แต่ด้วยความที่ยังมีเรา มีโทสะเป็นเพื่อนสนิท น้องๆ รองจากโลภะ ดิฉันจึงยังเป็นผู้โกรธตอบอยู่ เพียงแต่เรียบร้อยขึ้น จบเร็วขึ้น ไม่ผูกโกรธนานค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เข้าใจความจริงมากขึ้น และรู้ว่ากิเลสมีมากและก็ยังมีอยู่เท่าเดิม และที่รู้ว่ามีกิเลสมาก จริงๆ แล้วก็ยังมีมากกว่านั้น แต่ปัญญาน้อยเพียงแต่เริ่มเข้าใจความจริงมากขึ้นว่าเป็นธรรม หากอยากจะแนะนำให้สหายธรรม ฟัง แผ่น ชุดบารมีในชีวิตประจำวันด้วยก็จะช่วยขัดเกลากิเลสได้เป็นอย่างดี แต่ต้องเข้าใจนะ เมื่อปัญญาเกิดจึงทำให้เกิดกุศลจิตมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่ากิเลสยังเต็ม ปัญญาขั้นแรกต้องรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เมื่อปัญญามากขึ้นก็จะรู้จักตัวเองตามเป็นจริงมากขึ้น ขออนุโมทนาครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เปลี่ยนมากค่ะ เปลี่ยนเป็นชาวพุทธหรือพุทธมามกะที่แท้จริง มากขึ้น เพราะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มากขึ้นค่ะ
พี่เองนั้น ไม่รู้จักคุณ pararawee เป็นการส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย เห็นคุณpararaweeศึกษาธรรม ตั้งแต่อายุยังน้อย อยากบอกน้องว่า คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างเขา ศึกษาธรรมไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจ เป็นเด็กดีนะครับ
การศึกษาธรรมะ จะช่วยขัดเกลาอกุศลให้เบาบางลงแม้จะน้อยมาก บุคคลอื่นจะไม่เห็น แต่ตัวเองจะรู้ได้ดี
ต้องบอกว่า เป็นวาสนามากกว่า ที่ได้ฟังพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง จากท่านอาจารย์สุจินต์ เป็นความสัตย์จริงเลยว่า ถ้าไม่เกิดเป็นดีที่สุด
เห็นความไม่ดีของตัวเองมากขึ้นได้ศึกษาความไม่ดีนั้นมากขึ้นขัดเกลาความเห็นผิดว่ามี"เรา"ไม่ดีมากขึ้นเจริญกุศลทุกประการโดยเฉพาะความเห็นถูกมากขึ้น เป็นต้น ขออนุโมทนาครับ
๑. เข้าใจโลกและชีวิตมากขึ้น ในมุมมองที่แท้จริงอันไม่มีผู้อื่นใดจะสามารถแสดงได้ เว้นพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
๒. รู้จักตัวเองมากขึ้นทั้งในแง่ดีและไม่ดี
๓. สำรวมกาย วาจา ใจ มากขึ้น
๔. คิดถึงผู้อื่นด้วยกุศลมากขึ้น
๕. พบความหมายของการมีชีวิตอยู่ และอยู่เพื่ออะไร
๖. สั่งสมอุปนิสัยในทางที่ดีมากขึ้น
๗. เข้าใจความหมายของกัลยาณมิตร และได้พบท่านเหล่านั้นมากขึ้น
๘. รู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่แท้จริงคืออะไร
๙. ได้พบแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่น่าสรรเสริญและทำตาม
ทั้งนี้ไม่ใช่ตลอดเวลา แต่ละข้อจะมากหรือน้อยตามระดับของความเข้าใจ... ในขณะนั้น
เมื่อได้ฟังธรรมใหม่ๆ นั้น ปีติมากที่ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลยรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีความรู้มากกว่าใครๆ ที่ไม่ได้ฟังธรรม รู้สึกว่าดีกว่าคนอื่น เมื่อฟังมากขึ้น ก็รู้ว่าตนเองนั้นมีอกุศลมากกว่ากุศล แต่ก็ยังเป็นตัวตนที่รู้ ยังไม่ประจักษ์ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ยังต้องฟัง ต้องศึกษา ต้องพิจารณา ต้องสังเกต ต่อไปอีกแสนนาน ทำให้เจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้นมีศรัทธาในการเจริญกุศลทุกประการมากขึ้น แล้วเริ่มปลงตกว่า สติและปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่ต้องหวังรอ เพื่ออย่าขาดการฟังธรรม การศึกษาธรรมเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตนี้
รู้ว่ายังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกมากมาย กิเลสตัวเองก็มากมาย และต้องฟังธรรมะอีกนานแสนนาน
อนุโมทนาทุกท่านค่ะ ธรรมะเป็นเรื่องจริงแต่ไม่เคยรู้มาก่อน พอได้ฟังแล้วก็จึงรู้ว่าเอ๊ะ มัวแต่ไปทำอะไรไร้สาระอยู่นั่นตั้งนาน โอ้โ้ห ๙ ข้อของคุณ K นี่สุดยอดเลยนะคะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะข้อ ๕ ถ้าคนเราไม่มีธรรมะก็เหมือนกับคนที่เดินหลงทางไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายไม่มีประโยชน์เลยนะคะ พระธรรมเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดในชีวิตแล้วล่ะค่ะ
อย่างว่านะคะอกุศลคนอื่นเห็นง้ายยยง่าย แต่ของตัวเองมองไม่เห็น :D
เห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยรู้ไม่เคยเข้าใจชัดเจนขึ้น แม้จะยังเปลี่ยนแปลงความบ้าของตัวเองไม่ได้ แต่เวลาที่มีสติก็คิดได้ว่า ธรรมะคือธรรมะทุกอย่างเกิดขึ้นและเป็นไป ตามเหตุปัจจัยที่ได้เคยกระทำไว้แล้ว
อนุโมทนาค่ะ
ภาพรวมดีขึ้นมาก มาก แต่ยังมีโทสะอยู่มากชอบผรุสวาทบางสิ่งบางอย่างที่ไม่พอใจจากนั้นก็ผรุสวาทตัวเองอีกทีว่า โง่อีกแล้ว โง่บ่อยมากเลยนะ