ความไม่เที่ยงของนามธรรมนั้น...รู้ยาก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยง ความเสื่อม ความไม่เที่ยงของนามธรรมนั้น รู้ยาก ดังที่พระผู้มีพระภาค ฯ ตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชน ผู้มิได้สดับ จะพึงเบื่อหน่ายบ้าง หลุดพ้นบ้าง ในร่างกายอันเป็นที่ประชุม แห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะว่า ความเจริญก็ดี ความเสื่อมก็ดี การเกิดก็ดี การตายก็ดี ของร่างกายอันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตทั้ง ๔ นี้ ย่อมปรากฏ
แต่ ปุถุชนผู้มิได้สดับ ไม่อาจเบื่อหน่ายคลายกำหนัด หลุดพ้นในจิตเป็นต้นนั้นไม่ได้เลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าจิตเป็นต้นนี้ อันปุถุชนผู้มิได้สดับ รวบถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฏฐิ ว่านั่นของเรา นั่นตัวตนของเรา ดังนี้ ตลอดกาลช้านาน จิต เป็นต้นนั้น ดวงหนึ่งเกิดขึ้น ดวงหนึ่งดับไป ในกลางคืนและกลางวัน
ข้อความบางตอนจากหนังสือ ปรมัตถธรรมสังเขป โดย อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา
นกเพลินพึ่งพุ่มไม้ ใบบัง
ปลาย่อมยินดียัง ย่านกว้าง
จระเข้คิดแสวงวัง เย็นชื่น
น้ำจิตคนบ่ร้าง ร่มเกล้าโพธิ์ทอง
ถ้าเห็นขณะนี้แล้วไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ ขณะนั้นชื่อว่ามืดบอดค่ะ เพราะฉะนั้นแสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มีค่ะ
ทุกคนรู้ว่าไม่เที่ยงแน่นอน เพราะตั้งแต่เกิดมาก็แก่ลงๆ กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แต่รู้ด้วยความเป็นตัวเรา ของเรา เบื่อก็เบื่อได้ชั่วขณะ คลายก็คลายได้ชั่วขณะ แต่กิเลสก็ยังอยู่เต็ม ต่างกันลิบลับกับการรู้ด้วยปัญญาว่าที่ไม่เที่ยงเพราะเป็น "สังขารธรรม" ปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมะที่ปรุงแต่งจึงเกิดขึ้น มีอันแตกสลายไปเป็นธรรมดา แม้ธรรมะส่วนละเอียด เช่น จิตและเจตสิกถ้าไม่ใช่พระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครก็จำแนกโดยละเอียดอย่างนี้ไม่ได้ ผู้ที่จำแนกไม่ได้ ผู้ที่ขาดการศึกษาพระธรรม ผู้ที่มีปัญญาไม่เพียงพอ ธรรมะจึงเป็นสิ่งที่รู้ยาก ว่าขณะนี้ไม่ใช่ตัวตนอย่างไร (แม้แต่ขั้นฟัง) .
อนุโมทนาครับ