ครั้งแรกที่ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์

 
dron
วันที่  10 เม.ย. 2551
หมายเลข  8127
อ่าน  5,365

รีโพสต์กระทู้นี้ที่หายไป

ดึงมาจาก Google โดย dron

กระทู้นี้ ..โดย Pararawee วันที่ : 17-03-2551

ถ้าจะให้กล่าวถึงครั้งแรกของเรานั้นก็คงนานพอดู แต่จำไม่ได้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ เท่าที่รู้ได้ฟังก็เพราะว่าคุณพ่อฟัง เราก็เลยได้ยินเสียงท่านอาจารย์เสมอมาตลอดระยะเวลาเกือบๆ สิบปีพอดี เมื่อได้รับฟังอยู่บ่อยๆ ก็รู้สึกว่า ธรรมะจากท่านอาจารย์นั้นเป็นสิ่งที่สูงที่สุด เพราะว่าท่านอาจารย์สุจินต์เป็นผู้ตรงต่อธรรมะ เมื่อไหร่ที่อยู่ในรถคุณพ่อ เมื่อได้ยินเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มากก็น้อยนั้นก็ (อาจจะ) สะสม (และชาติก่อนๆ ) ทำให้เราเป็นคนเห็นในคุณค่าของพระธรรม

วันหนึ่งไม่กี่เดือนมานี้จึงตัดสินใจบอกคุณพ่อว่า ขอ MP3 ของท่านอาจารย์สักแผ่นได้ไหม จะขอลองมาโหลดฟังใน i-pod แล้วเวลาก็ผ่านล่วงเลยไปตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ก็ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์เลย บางทีคำถามแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ฟังหลายๆ ท่าน

“ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังไหม" ก็ขอทิ้งไว้ให้เป็นประเด็นแก่การสนทนานะคะ ขอเชิญสหายธรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครั้งแรกที่ได้รับฟังธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ (ประทับใจกันแค่ไหนก็เล่าให้ฟังมั่งนะ =D) เจริญในกุศลทุกท่านนะคะ

ความคิดเห็นที่ 1 โดย : ป้าจาย วันที่ : 17-03-2551

เป็นบุญที่ได้สะสมมาก่อนอย่างแน่นอน และเป็นบุญที่มีบิดาแสนดีอย่างนี้ อนุโมทนากับคำพูดที่ว่า ไม่มีวันไหน ที่ไม่ได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ ส่วนตัวป้านั้น เมื่อได้เข้าใจข้ออรรถ ข้อธรรมที่ท่านเมตตาอบรมเราให้เจริญปัญญาแล้ว ป้าก็ไม่สามารถฟังการบรรยายของคนอื่นใดได้อีกเลย เพราะขัดข้อง ไม่ตรงตามที่เราเข้าใจ และได้ศึกษาจากท่าน

ความคิดเห็นที่ 2 โดย : pornpaon วันที่ : 17-03-2551

ตอบได้ ตอนนี้... คนอื่นไม่ฟัง อดีตก่อนโน้น... ฟังใครๆ มามากมายทั้งนั้น เมื่อแรกสะดุดรัก... วิทยุเสีย พยายามจูนหาสถานี ได้ยินเสียงท่านอาจารย์ เวลา 12.30 นาที พอดีฟังแล้วรักเลย เหมือนอย่างเคย มีสหายธรรมท่านหนึ่งเคยพูดไว้ว่า "...ผู้หญิงคนนี้ พูดธรรมะไม่เหมือนคนอื่น...

" เพราะท่านพูดตรงตามพระธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั่นเอง ตลอดห้าปี ค่อยๆ ลดการฟังจากที่อื่นลงไปเรื่อยๆ ปีที่หกนี้ เลิกฟัง เลิกใฝ่ เลิกไปที่ไหนๆ ทั้งหมดมีใจเดียว อยู่ที่นี่เอง

อนุโมทนาน้องพาราระวี นะคะ สะสมกุศลมาดี ได้รับกุศลวิบากอันเหมาะควรแล้วหนอ

(ป.ล. ที่เคยเขียนชวนพี่ให้หาโอกาสมาที่มูลนิธิฯ บ้าง พี่กำลังจะไปนะคะ หวังว่าคงได้พบกัน)

ความคิดเห็นที่ 3 โดย : Pararawee วันที่ : 17-03-2551

มาเลยๆ มาจอยกัน บรรยากาศอบอุ่นมากๆ
ขอบอก.......ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 5 โดย : wannee.s วันที่ : 17-03-2551

ในอดีต ประมาณ ๒๐ กว่าปีมาแล้ว เริ่มต้นได้ยินเสียงสวดมนต์ที่วัดพระแก้ว ชอบเสียงสวดมนต์มาก ก็มาสวดมนต์เป็นประจำอยู่หลายเดือน ต่อมาก็ไปเรียนอภิธรรมที่วัดมหาธาตุ ๑ เดือน และมีคนแนะนำให้ไปทำสมาธิที่วัดสังเวช ทำสมาธิประมาณ ๑ ปีเศษ ภายหลังเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่หนทาง ต่อมาก็มีคนแนะนำให้มาฟังธรรมที่วัดบวรได้ยินว่าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ สอนธรรมะจากพระไตรปิฏก สะดุดใจคำนี้มาก ก็เลยมาฟังธรรมตั้งแต่วันที่ ๒๗ ม.ค. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา ไม่เคยเปลี่ยนไปสำนักอื่นอีกแล้ว เพราะรู้ว่าหนทางนี้แหละที่เราแสวงหาอยู่ ใช่เลยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 6 โดย : Pararawee วันที่ : 17-03-2551

เห็นด้วยกับคุณป้าจายนะ อ้าวนั่น คุณอุดรใช่ไหม อย่าไปนานจนลืมกลับมาเล่านะคุณพี่วรรณีขา อนุโมทนาด้วยค่ะ ยี่สิบกว่าปีมีค่ายิ่งกว่าทอง :D

ความคิดเห็นที่ 7 โดย : suwit02 วันที่ : 18-03-2551

น่าชื่นใจที่เวปเรากำลังรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งในด้านเทคนิคและความหลากหลายแห่งธรรมรส ตอนนี้ นอกจากจะมีกระทู้ถามปัญหาแล้ว ยังมีกระทู้ชวนสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วย ซึ่งผมเห็นว่า เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ เกิดปิติ ปราโมทย์ อีกทั้งละอกุศล และเจริญกุศล ไปในตัวด้วย

สำหรับกระทู้ที่คุณ Pararawee ตั้งขึ้นมานี้ น่าสนใจมาก เพราะผมเดาใจท่านอาจารย์ว่า ที่ท่านยอมตรากตรำเดินทางไปบรรยายธรรมในที่ต่างๆ และบางครั้ง ถึงกับถูกบางคนด่าว่าแรงๆ ท่านก็ไม่หวั่นไหวนั้น ก็เพราะท่านมีความเอ็นดู กรุณาในผู้จะพึงได้รับประโยชน์จากการฟังธรรม

หากท่านอาจารย์ได้รู้ว่า การบรรยายธรรมของท่าน มีผลให้ผู้ฟังได้ละอกุศล เจริญกุศล ท่านคงชื่นใจ คลายเหน็ดเหนื่อยลงไปบ้าง

ท่านทั้งหลาย เชิญเถิดครับ ขอเชิญบอกกล่าวให้ท่านอาจารย์ได้ทราบว่า ความอดทนอดกลั้น ต่อความเหน็ดเหนื่อย, คำด่าว่า ใส่ร้าย ที่ท่านรับภาระไว้ผู้เดียวนั้น ไม่สูญเปล่า มีผู้ได้รับประโยชน์จริงๆ ส่วนจะได้รับประโยชน์มากน้อยอย่างไร ขึ้นอยู่กับท่านทั้งหลายจะแถลงให้พวกเราได้รับทราบโดยทั่วกัน

ผมขอฝากไปถึง ท่านทั้งหลายที่ร่วมกันแสดงความปรารถนาดีต่อท่านอาจารย์ ในโอกาสวันเกิดเมื่อต้นปีนี้ว่า หากในปีหน้า ท่านได้รวบรวมเอาข้อมูลในกระทู้นี้ไปมอบให้ท่าน ท่านคงชื่นใจไม่น้อย และหากเข้าใจในการพูด พูดคำ เป็นต้นว่า "ยังมีผู้จะพึงได้รับประโยชน์จากธรรมบรรยาย หวังการอนุเคราะห์จากท่านอาจารย์ รออยู่อีก" ท่านอาจอธิษฐานจิต เพื่อความมีอายุยืนนาน ก็เป็นได้ นะครับ และเพื่อให้ง่ายต่อการรวบรวม ท่านทั้งหลายอาจโพสต์ขอให้ทีมงานปักหมุดกระทู้นี้ไว้สัก ๓๐ วัน และขอให้ปักหมุดอีกครั้ง ตั้งแต่ปลายปีไปจนถึงวันเกิดท่าน ก็คงมีผู้แสดงความเห็นที่น่าชื่นใจไม่น้อย

ทั้งนี้จะปักหมุดได้หรือไม่ คงขึ้นอยู่กับจำนวนคำขอให้ปักหมุด ว่าจะมีมากเท่าใดกระมังครับ (ช่วยกันโพสต์ขอ และบอกต่อๆ กันไป) ผมได้ฟังมาว่า ครั้งพุทธกาล มีเทวดาหลายพัน มีฉันทะร่วมกัน ไปเฝ้าพระศาสดาเพื่อทูลถามปัญหา ครั้นพระศาสดาทรงตรัสพยากรณ์แล้ว ก็มีใจยินดี แล้วบรรลุอริยผลพร้อมๆ กัน

ผมเคยสงสัยว่า ทำไมเทวดาเหล่านั้นจึงคิดเหมือนๆ กัน มีฉันทะร่วมกัน ทำไมจึงบรรลุพร้อมๆ กัน ด้วยธรรมบทเดียวกัน วันนี้ความสงสัยนั้นคลายลงไป

ท่านทั้งหลายครับ โอกาสมาถึงแล้ว โอกาสนั้น อย่าได้ล่วงเลยไปเสียเปล่า ขอเชิญเถิดครับ เรามาร่วมใจกัน นำความชื่นใจไปมอบให้ท่านอาจารย์กันนะครับ

คุณ Pararawee ครับ กุศลใหญ่คุณได้กระทำแล้ว ผมขออนุโมทนาครับ

ขอพระสัทธรรม ทำให้ใจของคุณเบิกบาน

ความคิดเห็นที่ 8 โดย : JANYAPINPARD วันที่ : 18-03-2551

“ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังไหม เป็นคำถามที่น่าสนใจจาก Pararawee เคยถามกับตัวเองเหมือนกัน..ได้คำตอบว่า ฟังค่ะ..เพราะพระธรรมก็คือพระธรรม.. ท่านอาจารย์เคยพูดว่าท่านเป็นเพียงผู้นำมาบรรยายให้ฟัง การฟังธรรมะไม่ได้ให้เชื่อ ให้ไตร่ตรองและพิจารณา ท่านคงไม่อยากให้ยึดติดในตัวท่าน แต่ผู้ที่มีความสามารถเช่นท่านคงหาได้ยาก..การได้ฟังจากท่านอาจารย์ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศล.สูงสุดในชีวิต จึงต้องพยายามฟังธรรมะจากท่านให้มากที่สุด

ขอกราบท่านอาจารย์และขอบพระคุณท่านที่ได้กรุณาเสียสละเวลา..อดทน.. อนุเคราะห์ถ่ายทอดพระธรรมคะ

ความคิดเห็นที่ 9 โดย : vipanapa วันที่ : 18-03-2551

ฟังพระธรรม ใครแสดงก็ได้ ที่ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎก แต่ยุคสมัยนี้ จะมีใครที่บรรยายธรรม ได้ถูก และตรง เหตุนี้แหละ จึงฟัง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ผลที่ได้รับ คือ เข้าใจธรรม และมี พระธรรม เป็นศาสดาแทนพระองค์

ความคิดเห็นที่ 10 โดย : prapan วันที่ : 18-03-2551

ถ้าอาจารย์คนอื่นจะฟังไหม ไม่กล้าตอบว่าไม่ฟังครับ รู้แต่ว่าทุกวันนี้ ฟังแต่อาจารย์สุจินต์ทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ไม่ได้ยินเสียงท่านเลยครับ ท่านอยู่ในชีวิตประจำวันผมทุกวัน ไม่เสียดายเลยถ้าหากว่าจะต้องตายเร็วๆ นี้ เพราะชีวิตนี้ ได้พบคำสอนที่ตรงตามพระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ

มั่นใจได้เลยครับ ว่าเราต้องสั่งสมการฟังธรรมมา นานหลายภพหลายชาติแล้วครับเพราะว่าพี่น้องแท้ๆ ของผม อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ไม่มีใครสนใจฟังเลย นี่ก็แสดงให้เห็นถึงผลของการสั่งสมจริงๆ ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์จริงๆ ครับ

ความคิดเห็นที่ 11 โดย : K วันที่ : 18-03-2551

อาจเป็นด้วยการสะสมในอดีตที่ทำให้ต้องการทราบว่าพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ประเสริฐที่สุดอย่างไร แต่คำสอนที่พบโดยทั่วไปมักเป็นไปในเรื่องศีล ทาน และสมาธิซึ่งไม่ทำให้เกิดความเข้าใจเท่าที่ควร

และอาจเป็นด้วยการสะสมมาในอดีตที่ได้มาพบกับการบรรยายของท่านอาจารย์ ที่บอกกับตัวเองว่า ใช่เลย นี่แหละคือการบรรยายที่ทำให้เกิดความเข้าใจได้อย่างแท้จริง เป็นเหตุเป็นผลในตัวเอง และสอดคล้องกันโดยตลอด

สำหรับคำถามที่ว่าถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์จะฟังไหม ในใจคิดว่า พระธรรม คือพระธรรม ไม่ว่าใครจะเป็นผู้บรรยาย หากเป็นพระสัทธรรมก็ควรฟังทั้งสิ้น ซึ่งในอดีตสมัยพุทธกาล มีพระผู้มีพระภาคเป็นผู้เลิศที่สุดในแสดงธรรม และยังมีอัครสาวก มหาสาวก และสาวกผู้เลิศด้วยประการต่างๆ มากมาย แต่ในยุคสมัยนี้ ผมก็ยังไม่พบใครที่จะแสดงธรรมอันละเอียดลึกซึ้ง ให้ผู้มีปัญญาเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ เช่นกับตัวเอง ได้พอเข้าใจถึงแก่นแห่งพระธรรม ดังเช่นการบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ฯ เลย

ความคิดเห็นที่ 12 โดย : วันชัย๒๕๐๔ วันที่ : 18-03-2551

ขอตอบก่อนว่า ไม่คิดจะอ่าน หรือ ฟังการบรรยายธรรมจากใครอีกในชาตินี้ ด้วยเหตุว่า ได้ฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้อ่านหนังสือจากหลายท่าน ที่เรียกว่า ถ้าบอกชื่อออกไป ไม่มีใครไม่รู้จัก ด้วยว่าเป็นผู้ได้รับการยกย่อง หนังสือธรรมที่โด่งดังทั้งหลายกองเป็นตั้งๆ ไม่ต้องพูดว่าราคาเท่าไหร่ หนาบางเท่าไหร่ แต่ว่า ปัญหาคือ ไม่มีใคร ที่แสดงได้ตรง และชัดเจน เท่าท่านอาจารย์

ท่านพูดเสมอ ประโยชน์ของการศึกษาธรรมะ คือ ความเข้าใจถูก เห็นถูก คำที่ผมติดใจ ประทับใจ สว่างในใจ ครั้งแรกและแม้เดี๋ยวนี้ คือคำ "ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล" โธ่...อ่านและศึกษาธรรมมานาน วนอยู่ หาทางไม่เจอ บอกกันชัดๆ อย่างนี้ แทงจนทะลุไปเลย ตัวตนเราเขาไม่มี แต่มี......

ครับ ท่านเยี่ยมและตรงอย่างนี้ ไม่มีอ้อมค้อม แต่ทุกคำ นุ่มนวล ชัดเจน มั่นคง ใครก็ได้ครับอธิบาย บรรยายธรรมได้ถูกและตรงทุกคำ ไม่มีลังเลสงสัย มีความอ่อนน้อมต่อพระรัตนตรัย รู้ได้ถึงความอ่อนน้อมต่อธรรม ที่น่าสรรเสริญยิ่ง ไม่ต้องชื่อท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ หรอกครับ ชื่อไหนก็ได้ ไม่สำคัญเลย

ความคิดเห็นที่ 13 โดย : majweerasak วันที่ : 18-03-2551

ปกติผมมักเข้ามาอ่านอย่างเดียว เพราะเป็นคนพิมพ์ช้า หากกระทู้นี้จะเป็นปัจจัยให้ท่านอาจารย์เกิดปิติโสมนัส มีกำลังใจที่จะบรรยายธรรมต่อไป ผมเป็นคนหนึ่งที่ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

เมื่อประมาณปี พ.ศ.2538 ผมได้มีโอกาสฟังเพื่อนท่านหนึ่ง (คุณ k) กล่าวธรรมะให้ฟัง ขณะที่กำลังง่วงนอน (ขณะนั้นดึกมากแล้ว และก็เหนื่อยมากด้วย) แต่ต้องทนฟังด้วยความเกรงใจ จนกระทั่งเผลอหลับไป พอตื่นเช้ามา ฉุกนึกขึ้นได้ ก็รู้สึกสนใจอย่างมากในสิ่งที่เพื่อนกล่าวไว้เมื่อคืน เป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงสอบถามว่าศึกษามาจากไหน ก็ทราบว่าได้ศึกษา ฟังและอ่านจากการบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ ซึ่งท่านพลเอกสพรั่งฯ กรุณานำเทปและหนังสือวางไว้ในห้องนั่งเล่นของตึกนอนโรงเรียนนายร้อย (จปร.) ตั้งแต่นั้นก็สนใจศึกษามาตลอด (แต่ไม่ทุกวันนะครับ) ความเข้าใจค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ช่วยให้ผมได้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษา ได้พิจารณา และได้เข้าใจธรรมะมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ

ส่วนประเด็นที่ว่า “ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังไหม” ตอบว่า ฟังครับ เพราะเราเองก็มีสิทธิที่จะฟัง และไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ฟัง การยึดติดกับตัวบุคคลคงจะไม่สมควรแต่ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน (ตามความเข้าใจของผมเอง) ผมยังหาผู้ (ที่ยังมีชีวิต) ที่เข้าใจธรรมได้ลึกซึ้ง และบรรยายธรรมได้ดีเหมือนท่านอาจารย์ ไม่ได้ ขอนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย และขอนอบน้อมต่อท่านอาจารย์ครับ

ความคิดเห็นที่ 14 โดย : Khaeota วันที่ : 18-03-2551

ถ้าไม่ใช่ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังไหม ไม่ใช่เพราะท่านชื่อนี้ แต่เป็นธรรมที่ท่านแสดงตรงไม่บิดพริ้วไปจากธรรมที่องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงแสดง ท่านได้สอนให้ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม ด้วยสัมมาทิฏฐิท่านสอนให้เข้าใจการอบรมเจริญสติ โดยมีปกติระลึกลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เฉพาะฟังธรรมที่ท่านแสดงเพื่อทำความเข้าใจซ้ำแล้วซ้ำอีกยังไม่สามารถแม้แต่นึกคิดได้บ้างว่าทุกอย่างเป็นธัมมะแล้วจะหาเวลาใดเพื่อฟังผู้อื่นได้ท่านเป็นหนึ่งเดียวในโลกสำหรับผู้ที่แสดงธรรมขององค์พระศาสดาด้วยสัมมาทิฏฐิ ท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กราบเท้าท่านอาจารย์ และกราบอนุโมทนาค่ะ

ความคิดเห็นที่ 15 โดย : Khaeota วันที่ : 18-03-2551

ขออนุโมทนาคุณบิดา ที่หล่อหลอม และขัดเกลาคุณลูก จนสามารถไม่ละโอกาสที่หาได้ยากคือการฟังธรรมที่ป็นสัมมาทิฏฐิ

ขออนุโมทนาคุณลูก ที่มีกัลยาณมิตรเฉกเช่นคุณบิดา

ความคิดเห็นที่ 16 โดย : pornchai.s วันที่ : 18-03-2551

ผมได้ฟังธรรมจากสถานีวิทยุ ยานเกราะ AM 792 เมื่อปี ๒๕๓๓ ซึ่ง ปัจจุบันนี้ คือ สถานีวิทยุ พล.ม.2 AM 963 สมัยนั้น สถานีวิทยุแห่งนี้จะมีรายการธรรมทางพุทธศาสนาตลอดทั้งวันเลยครับ จนได้มาเจอรายการ ของมูลนิธิ แนบ มหานีรานนท์ (ท่านอาจารย์แนบ คืออาจารย์ที่สอนพระอภิธรรมให้ท่านอาจารย์สุจินต์ ครับ) แต่ธรรมที่บรรยายโดยวิทยากรของมูลนิธิแนบนั้น ถ้าเป็นพระอภิธรรมจะไม่ผิดจากพระไตรปิฎก แต่พอพูดถึง แนวทางการปฏิบัติธรรมแล้ว ก็จะยึดตามแนวของท่าน อ.แนบ เป็นหลัก คือให้ผู้ปฏิบัติ พิจารณารูปนั่ง นอน ยืน เดิน และการปฏิบัติธรรมต้องไปเข้าห้องเข้าสำนักปฏิบัติ ๗ วัน บ้าง ๑๐ วันบ้าง หรือถ้าใครมีเวลา ก็ไปเข้าเป็นเดือนๆ ซึ่งผมฟังไปก็ไม่ทราบว่า ผิดหรือถูก จนกระทั่งได้มาเจอท่าน อ.สุจินต์ ที่ คลื่น สทร. AM 675 นี่แหละครับ

และท่านได้บรรยายตรงข้ามกันเลย เพราะบอกว่า รูปนั่ง ฯ ไม่มี การปฏิบัติธรรม (วิปัสสนา) ไม่ต้องไปเข้าสำนัก ในตอนแรก ผมก็ฟัง ทั้ง ๒ รายการ คู่กันไป เมื่อเข้าใจมากขึ้น จึงไม่ได้ไปฟังของมูลนิธิแนบ อีกเลย ผมเห็นด้วยกับทุกท่านครับ ที่ว่า พระธรรมของพุทธองค์นั้น ใครแสดงก็เหมือนกัน สมควรน้อมมาสู่ตนและนำไปประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนนั้น และจุดมุ่งหมายของท่าน อ.สุจินต์ ก็พยายามที่จะให้ ม.ศ.พ. เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่พระธรรม โดยไม่ให้ผู้ฟังมาติดที่ตัวบุคคล คือ ท่านอาจารย์เอง

แต่ความเป็นจริงในปัจจุบัน มีอาจารย์สอนธรรม บางท่านที่บรรยายธรรมตามพระไตรปิฎกได้ถูกต้องเหมือนกัน แต่พอไปกล่าวถึง แนวปฏิบัติธรรม ก็มักจะไม่ตรง ไม่ถูก (ซึ่งเพื่อนสมาชิกผู้ที่เข้าใจพระธรรมทุกท่านคงเป็นพยานยืนยันได้)

ความคิดเห็นที่ 17 โดย : วันชัย๒๕๐๔ วันที่ : 18-03-2551

เมื่อแรกฟังท่านอาจารย์ ได้ทราบว่าท่านเป็นศิษย์ อ.แนบ (ซึ่งเคยได้ยินชื่อ) จึงไปเสาะหาหนังสือ แนะแนวทางปฏิบัติวิปัสสนา ที่บรรยายโดยอ.แนบมาหนึ่งเล่ม (อีกแล้ว) พอเริ่มอ่านไปนิดเดียว (ไม่ถึงหน้า) ก็วางและไม่อ่านอีกเลยจนบัดนี้ ครับเมื่อเริ่มด้วยความมีตัวตน ที่จะดู ที่จะเข้า (กรรมฐาน) ที่จะอะไรๆ ก็ผิดแต่ต้น

ธรรมเป็นเรื่องละเอียด ลึกซึ้ง รู้เห็นตามได้ยาก ความถูกและตรง สอดคล้องต้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ทั้งๆ ที่กล่าวว่าธรรมทั้งปวงอนัตตา แต่กลับมีตัวตนไปปฏิบัติ ไปจดจ้อง ไปดู ไปอยาก โลภะละเอียดนัก ยากไถ่ถอน พึงสังวรให้ดี ขออภัย คำสุดท้าย ผมเตือนตัวเอง

ความคิดเห็นที่ 18 โดย : prissna วันที่ : 19-03-2551

ผู้มีปัญญา ท่านจะเคารพธรรมเหนือสิ่งอื่นใด การศึกษาอยู่คนเดียว โดยไม่มีกัลยาณมิตร ความคลาดเคลื่อน เข้าใจผิดย่อมมีได้ เพราะความด้อยปัญญา หนึ่งในกัลยาณมิตรที่มีความมั่นคงเสมอต้นเสมอปลาย ด้วยความเคารพธรรมไม่เคยหวั่นไหวย่อท้อ ไม่ใช่เพื่อหวังผลแก่ตนเอง ยิ่งศึกษาก็ยิ่งเห็นในพระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณ ขององค์พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมอันเป็นไปเพื่อการละขัดเลากิเลสจริงๆ

ท่านอาจารสุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นหนึ่งในกัลยาณมิตร ที่สอนให้รู้จัก พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งพระธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ จนถึงแก่นแห่งธรรม อันลึกซึ้ง รู้ตามได้ยากนัก ท่านอุทิศตนเพื่อผู้อื่น ด้วยความเมตตา กรุณา ด้วยความเคารพนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยอย่างยิ่ง

จากศิษย์คนหนึ่ง
ขออนุโมทนาท่านอาจารย์
มา ณ ที่นี้.

ความคิดเห็นที่ 19 โดย : ajarnkruo วันที่ : 19-03-2551

"ไม่มีใครในโลกมนุษย์ยุคนี้ ที่จะสอนได้ถูกที่สุดแบบนี้ได้อีกแล้ว "

"ถึงสอนได้ ก็สอนได้ไม่ละเอียด สอนได้ไม่ลึกซึ้งเท่ากับกัลยาณมิตร ท่านนี้ " ขอกราบแทบเท้าอนุโมทนาด้วยความนอบน้อมในพระคุณอย่างสูง แด่ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ความคิดเห็นที่ 20 โดย : devout วันที่ : 19-03-2551

ชอบค่ะ ที่ท่านบรรยายธรรมได้ไม่เหมือนใคร ท่านเป็นผู้ที่ละเอียดรอบคอบ ฉะฉานและมีปฏิภาณดีมาก บางครั้งยังแอบลุ้นอยู่ในใจ แต่ไม่มีคำถามใดเลยที่ท่านตอบไม่ได้ หรือตอบแบบขอไปที หรือตอบแบบเดาเอาเอง ท่านบรรยายธรรมด้วยความเคารพธรรม และเพื่อเกื้อกูลประโยชน์จริงๆ ไม่ใช่เพื่อลาภสักการะ คำสรรเสริญเยินยอ หรือเอาใจคนฟังเลยสักนิด อีกทั้งน้ำเสียงของท่านก็ช่างไพเราะจับใจนุ่มนวลชวนฟังที่สุด ถ้าหากมีใครสามารถอธิบายธรรมให้เข้าใจอย่างท่านได้ ก็จะไม่ปฏิเสธที่จะฟังค่ะ แต่ยุคนี้สมัยนี้ ยังไม่พบเลย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อ่านดูแล้วแต่ละท่านก็ฟังกันมาน้านนานนะคะ พรรษาคงเยอะ ส่วนตัวดิฉันเองนั้นเริ่มได้ยินเสียงท่านอาจารย์เมื่อปี ๔๖ นี่เอง (เนื่องจากอยู่ต่างประเทศ และยังไม่รู้จัก มศพ. แต่อาศัยยืมเทปจากผู้ที่เมตตา) ได้มาฟังอย่างจริงๆ จังๆ ก็ต้นปี ๔๘ ตอนที่พบเวบบ้านธัมมะโดยบังเอิญ เป็นวันที่ดีใจมากที่สุดเลยค่ะ เพราะเบื่อความไร้สาระของชีวิตเต็มทีแล้ว จากนั้นก็ฟังมาโดยตลอด และก็เริ่มหัดพิมพ์ภาษาไทย เพื่อที่จะได้เข้ามา สนทนาธรรมกับทุกท่านยังไงล่ะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราจะมีส่วนร่วมในการศึกษาและเผยแพร่พระธรรมอย่างถูกต้องนี้ค่ะ

ขอกราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มา ณ ที่นี้ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 21 โดย : dron วันที่ : 20-03-2551

ครั้งแรกที่ได้ศึกษาธรรมะจากท่านอาจารย์สุจินต์ ก็ประมาณ ๓๐ ปีมาแล้ว ช่วงนั้นศึกษาหลายสำนักและปฏิบัติไปด้วย เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่และพี่สาวชอบศึกษาธรรมะ และไปยังสำนักต่างๆ แล้วก็ขนหนังสือธรรมะ เทปต่างๆ มามากมาย อาจารย์ดังๆ ทั้งถ้าเอ่ยชื่อไปต้องรู้จัก (หลายท่านเป็นจำเลยของสังคม) ใครเอาหนังสือมาวางไว้ในบ้านก็หยิบมาอ่าน เทปก็เอามาฟัง คิดเองไม่ปรึกษาใคร และชอบนั่งสมาธิมากนั่งจนติด จำได้ว่าพี่สาวคนโตไม่ทราบเปิดเทป หรือวิทยุของอาจารย์ฯ ให้ได้ยิน ฟังแล้วรู้สึกเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เพราะบอกให้ศึกษาธรรมะให้เข้าใจก่อน ก่อนที่จะปฏิบัติ ฟังแล้วมีเหตุผล ช่วงนั้นก็ฟังท่านอาจารย์ฯไปด้วย แล้วก็ปฏิบัติไปด้วย คิดจะเลิกปฏิบัติแต่ทำไม่ได้เพราะปฏิบัติมานาน ขณะนั่งธรรมดา หรือฟังเทปของ ท่านอาจารย์ยังกำหนดลมหายใจเลย (กำหนดหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ) ไม่น่าเชื่อว่าเลิกนั่งไม่ได้ นี่แหละครับหนทางที่ไม่ถูกต้องมีโทษภัยมากจริงๆ จนต้องตัดสินใจเลิกศึกษาธรรมะ สาเหตุที่ต้องเลิกศึกษาธรรมะด้วยเพราะไม่สามารถเลิกปฏิบัติได้ ขณะฟังท่านอาจารย์อย่างเดียว เดี๋ยวก็กลับมานั่งสมาธิอีกแล้ว จึงต้องตัดสินใจเลิกทั้งสองอย่าง ก็คิดว่าถ้าเลิกนึกถึงอารมณ์สมาธิเมื่อไหร่จะกลับมาศึกษาธรรมะกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์คนเดียวเท่านั้น ไม่ศึกษาจากท่านอื่นอีกเพราะคิดว่าไม่มีใครแสดงธรรมะได้ตรงเท่ากับท่านอาจารย์อีกแล้ว (ผู้แสดงพระสัทธรรมหาได้ยากยิ่งในโลก)

ประมาณปี พ.ศ.๒๕๔๗ ก็มีเหตุปัจจัยให้ได้กลับมาฟัง และศึกษาธรรมะกับท่านอาจารย์สุจินต์อีก ก็ยังเป็นบุญที่ทำไว้แต่ปางก่อนทำให้กลับมาศึกษาธรรมะได้

สำหรับผมถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังธรรมะไหม ไม่รู้จะตอบอย่างไร และถ้าฟังธรรมะจากท่านอื่นจะเข้าใจเหมือนกับฟังจากท่านอาจารย์หรือเปล่าก็ไม่รู้ เป็นธรรมะหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความรู้ความเข้าใจต่างๆ ก็เกิดจากการฟังธรรมะจากท่านอาจารย์ฯ ดังที่กล่าว (ผู้แสดงพระสัทธรรมหาได้ยากในโลก) ไม่ขอตอบดีกว่า เพราะก็ได้ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์แล้ว

ขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็นที่ 22 โดย : Pararawee วันที่ : 20-03-2551

กราบอนุโมทนาทุกท่านที่เป็นผู้ตรงต่อพระธรรม ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ธรรมะที่บรรยายคงไม่กระจ่างเพียงนี้ จริงๆ และกราบเท้าท่านอาจารย์ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 23 โดย : วันชัย๒๕๐๔ วันที่ : 20-03-2551

ขออนุโมทนา ผู้ศึกษาธรรม เป็นผู้ตรง ใช่คือใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่มีลังเล ไม่มีเกรงใจ ไม่มีสงสัย

ความคิดเห็นที่ 24 โดย : openUeye วันที่ : 20-03-2551

ความเข้าใจสะสมอยู่ที่จิต เคยสะสมมาอย่างไรก็ไปทางนั้น ตามการสะสม ไม่ว่าตอนไหนและเมื่อไหร่เพราะเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา

ความคิดเห็นที่ 25 โดย : พุทธรักษา วันที่ : 21-03-2551

ขออนุโมทนาทุกท่าน โดยเฉพาะคุณ pararawee.

ความคิดเห็นที่ 26 โดย : patiwat วันที่ : 22-03-2551

ผมเองก็เป็นผู้ฟังอีกคนหนึ่งครับ และได้สดับฟังธรรมะจากอาจารย์ท่านฯ มาเป็นระยะเวลาได้ ๑๐ ปีแล้ว ในเบื้องต้นที่ได้ฟังนั้นตนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ เพราะอาจยังอยู่ในวัยที่ยังอ่อนต่อการศึกษาพระธรรมครับ ผมเองตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถมปีที่ ๒ เท่าที่จำความได้คุณปู่ก็สอนให้ภาวนาสวดมนต์และทำสมถกรรมฐาน (เริ่มต้นด้วยการปฏิบัติเลย) ซึ่งก็ได้ยินได้ฟังธรรมต่างๆ จากคุณปู่ และจากการอ่านจากคู่มือปฏิบัติบ้างมาเป็นระยะครับ

จนกระทั่งมาได้ฟังธรรมจากอาจารย์จากทางวิทยุ จึงทราบว่าธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะว่ายิ่งฟังก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่แตกฉานหรือเข้าใจอย่างถ่องแท้ทีเดียว ถึงอย่างไร จวบจนปัจจุบันนี้ ผมก็ยังค่อยๆ ขัดเกลากิเลสอยู่เรื่อยๆ ในการฟังธรรมจากอาจารย์ และประกอบกับพิจารณาไปพร้อมๆ กันครับ

ความคิดเห็นที่ 27 โดย : Tanakrit วันที่ : 22-03-2551

การฟังธรรม สิ่งสำคัญ คืออรรถที่ผู้นั้นแสดง มิใช่ผู้แสดง ดังนั้น แม้ว่าผู้แสดงมีข้อประพฤติที่ไม่ดี แต่ถ้าหากสิ่งที่เขาแสดงมาจากพระไตรปิฎกโดยความเป็นเหตุเป็นผล ก็เป็นสิ่งที่ควรฟัง

ความคิดเห็นที่ 28 โดย : dhammafellow วันที่ : 24-03-2551

ธรรม คือสิ่งที่มีจริงและสามารถประจักษ์ด้วยปัญญา ที่ชีวิตวนอยู่ในสงสารวัฏ เพราะจิตที่ยังยึดมั่นถือเอาว่าเป็นตัวตน เกิดทั้งสุขและทุกข์จนกลายเป็นความเคยชิน และอาจไม่ได้รู้ถึงสภาพธรรมที่เป็นจริงในชีวิตนี้เลย การได้เกิดเป็นมนุษย์คือสัตว์โลกประเภทหนึ่ง (ด้วยกุศลกรรม) แต่มนุษย์ที่ได้อบรมแล้วนั้นได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐจากการที่เคยศึกษา (ด้วยตัวเอง) มาบ้างนั้น เคยคิดแค่ว่าพระพุทธศาสนาคือ การที่ได้ทําในกุศลผลบุญ ซึ่งไม่เคยได้รู้เลยว่าพระพุทธศาสนา ลึกๆ จริงๆ แล้วนั้น คือการรู้และเข้าใจในสภาพธรรมที่ปรากฏ เพื่อให้ละคลายความเป็นตัวตน ด้วยปัญญาที่ถูกต้อง

ผู้ถ่ายทอดพระธรรมมีส่วนสําคัญในการเป็นผู้นําแนวทาง ของมนุษย์ทั้งหลายที่ยังมีความไม่รู้จริงๆ ผู้ถ่ายทอดที่เป็นผู้ตรง (ต่อพระธรรม) นั้น จะสามารถนํามนุษย์ผู้ไม่รู้ ได้เกิดปัญญาที่ถูกต้องและเข้าใจได้จริง ถึงแม้จะต้องอาศัยเวลา ด้วยความเมตตาและขันติ จนสามารถที่จะถ่ายทอดถึงผู้รับให้รู้และได้เห็น จนสามารถที่จะละคลายกิเลส แม้แค่บางขณะแต่นั้นคือความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ที่สามารถทําให้เรามั่นคงในแนวทางแห่งปัญญานี้

ขอกราบขอบพระคุณต่อ อ. ที่ถ่ายทอดแนวทางที่ถูกต้องและตรงต่อพระธรรมนี้ เพื่อความพ้นต่ออวิชชา แต่การที่จะได้เข้าใจในสภาพธรรมที่ปรากฏ และเป็นหนทางให้เกิดปัญญานั้นมีไม่มาก เป็นเรื่องยากและละเอียด

ขออนุโมทนาทุกท่านที่มั่นคงในการเจริญแนวทางแห่งปัญญานี้

ความคิดเห็นที่ 29 โดย : pornchai.s วันที่ : 24-03-2551

ก่อนที่ กระผมจะมาเป็น เจ้าหน้าที่ มศพ. เมื่อ ปี ๒๕๓๕ นั้น มีเจ้าหน้าที่ก่อนหน้ากระผมท่านหนึ่ง คือ พี่ณรงค์ หอมจันทร์ ได้เปรียบเทียบไว้น่าฟังที่เดียวว่า การรับฟังพระธรรมจากท่าน อ.สุจินต์ เปรียบเหมือน การรับประทานอาหารที่ไม่มีก้อนกรวด ไม่มีสิ่งที่จะเป็นโทษต่อร่างกายเจือปนเลย แต่การรับฟังพระธรรม จาก อ. ท่านอื่นอาจจะได้รับสิ่งที่เป็นโทษต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัว กระผมได้จำอย่างขึ้นใจมาจนบัดนี้

ขออนุโมทนา กับพี่ ณรงค์ มา ณ ที่นี้

รวมทั้งขออนุโมทนา กับคำตอบในปัญหาธรรมที่กระผมสงสัย และถามจู้จี้ พี่ณรงค์ด้วย นะครับ กระผมมั่นใจว่า พี่ณรงค์ ยังไม่ทิ้ง พระธรรม แน่นอน ครับ

สาธุ......

ความคิดเห็นที่ 30 โดย : Pararawee วันที่ : 24-03-2551

แน่นอนที่สุดค่ะ การรับประทานอาหารที่ไม่มีก้อนกรวด เป็นการอุปมาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

อนุโมทนา

ความคิดเห็นที่ 31 โดย : dieuderouge วันที่ : 24-03-2551

เมื่อยังเด็กมากๆ เคยได้ยินคุณแม่เปิดฟังบทสวดมนต์ตอนกลับบ้าน ฟังไปแล้วก็ไม่เข้าใจเริ่มฟังจากที่พระเทศน์ เปลี่ยนแปลงเป็นบทพระสวด จนกระทั่งมาฟังเปิดเวอร์ชั่นที่มีทั้งคนอินเดีย หญิงชายร่วมกันสวด ณ ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจอะไร นอกจากว่า เป็นเสียงแปลกๆ ที่ฟังไม่ได้ศัพท์มากระทบหู จนกระทั่ง มาได้ฟังเสียงผู้หญิงท่านหนึ่ง ในตอนเช้า เกือบ ๖ โมงทุกวันเสียงที่เป็นภาษาไทย เสียงที่ฟังแล้วเพราะหู ฟังข้อความต่างๆ ที่เป็นภาษาไทยเข้าใจง่าย (ในบางที) และไม่สามารถจะเข้าใจได้ (ส่วนใหญ่)

ณ เวลานั้น เรามีความพร้อมและมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนามากขึ้นเป็นเวลาล่วงมา เกือบ ๑๐ ปี กิเลสก็ยังคงหนาเหมือนเดิม (แหะๆ ) เป็นผลบุญที่ได้ทำเอาไว้ และเป็นผลพลอยได้จากคุณแม่ ที่ในที่สุดได้ฟังธรรมะที่ละเอียดอ่อน และถูกต้องค่ะ

ความคิดเห็นที่ 32 โดย : dieuderouge วันที่ : 24-03-2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 31 โดย dieuderouge

เมื่อยังเด็กมากๆ เคยได้ยินคุณแม่เปิดฟังบทสวดมนต์ตอนกลับบ้าน ฟังไปแล้วก็ไม่เข้าใจ เริ่มฟังจากที่พระเทศน์ เปลี่ยนแปลงเป็นบทพระสวด จนกระทั่งมาฟังเปิดเวอร์ชั่นที่มีทั้งคนอินเดีย หญิงชายร่วมกันสวด ณ ตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจอะไรนอกจากว่า เป็นเสียงแปลกๆ ที่ฟังไม่ได้ศัพท์มากระทบหู

จนกระทั่ง มาได้ฟังเสียงผู้หญิงท่านหนึ่ง ในตอนเช้า เกือบ ๖ โมงทุกวันเสียงที่เป็นภาษาไทย เสียงที่ฟังแล้วเพราะหู ฟังข้อความต่างๆ ที่เป็นภาษาไทยเข้าใจง่าย (ในบางที) และไม่สามารถจะเข้าใจได้ (ส่วนใหญ่)

ณ เวลานั้น เรามีความพร้อมและมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนามากขึ้นเป็นเวลาล่วงมา เกือบ ๑๐ ปี กิเลสก็ยังคงหนาเหมือนเดิม (แหะๆ ) เป็นผลบุญที่ได้ทำเอาไว้ และเป็นผลพลอยได้จากคุณแม่ ที่ในที่สุดได้ฟังธรรมะที่ละเอียดอ่อน และถูกต้องค่ะ

ขอเพิ่มค่ะ ว่า ณ ตอนนี้ ก็ยังเพียรพยายามที่จะเข้าใจธรรมะอันลึกซึ้งนี้ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 33 โดย : happyindy วันที่ : 24-03-2551

อนุโมทนาคุณพาราระวีที่ตั้งกระทู้หัวข้อนี้จริงๆ ค่ะ ทุกคนได้มีโอกาสเปิดใจ แบ่งปันประสบการณ์ให้กันและกันฟัง

ขออนุโมทนาทุกท่านด้วยค่ะ

ความคิดเห็นที่ 34 โดย : ตุลา วันที่ : 25-03-2551

ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย

“ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังไหม” เท่าที่จำได้ ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันเป็นคนที่ชอบฟังธรรม แต่ไม่เคยได้ยินคำบรรยายธรรมที่ไหนที่เหมือนกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายเลย จึงนับว่าโชคดีและเป็นบุญที่ได้ไปอินเดียกับพี่สาว ทำให้วิถีชีวิตในการศึกษาธรรมได้เปลี่ยนแปลงมาตามแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อได้ฟังคำบรรยายธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์บ่อยครั้งเข้าจึงทำให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นในการเข้าใจกำลังของกิเลส และอกุศลจิตที่ตัวเองสะสมมาทีละเล็กทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว

ท่านอาจารย์สุจินต์ เป็นผู้ที่นำคำสอน การปฏิบัติตามแนวทางขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเผยแพร่ให้บุคคลรุ่นปัจจุบันได้ศึกษาและเรียนรู้ธรรม ด้วยความเพียร ความอดทน ต่ออุปสรรคนานับประการ

ด้วยอานุภาพแห่งบุญกุศลและคุณงามความดีทุกประการที่ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอจงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้ท่านอาจารย์สุจินต์ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตลอดกาลนานเทอญฯ

ขอกราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ค่ะ

ความคิดเห็นที่ 35 โดย : narong.p วันที่ : 27-03-2551

นอกเหนือจากปัญญาความเข้าใจในพระธรรมของท่านอ.สุจินต์ ที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนนั้นยังไม่พบแล้ว วิธีคิดและแนวทางในการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน สหายธรรมที่มีโอกาสได้พบท่านก็คงจะเห็นเหมือนๆ กันว่า ท่านมีความเมตตากับทุกๆ คนที่ได้พูดคุยด้วย การเข้าพบท่านเพื่อขอคำปรึกษาหรือเพื่อแสดงความเคารพและสำนึกในพระคุณก็ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรเลย ท่านปฏิบัติตนเรียบง่ายจริงๆ ทุกท่านที่เคยประสพก็คงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้เช่นเดียวกัน ครับ

ขอกราบนอบน้อมในพระคุณและกุศลจิตของท่านอ.สุจินต์ เป็นอย่างสูง มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ

ความคิดเห็นที่ 36 โดย : เจริญในธรรม วันที่ : 27-03-2551

“ถ้าไม่ใช่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านจะฟังไหม” ก่อนหน้านั้นตัวผมเองก็ศึกษาธรรมจากพระสูตร จนมาวันหนึ่งเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว น้องชายแท้ๆ ของผม ที่ผมพยามยามมอบธรรมทานให้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งให้ cd, mp3 จากหลวงพ่อรูปหนึ่ง ที่ศึกษาธรรมจากพระไตรปิฏก

วันหนึ่งผมได้คุยกับน้องชายทางโทรศัพท์ น้องชายได้บอกว่าได้เคยฟังธรรมะจากอาจารย์ สุจินต์ น้องชายบอกว่าท่านบรรยายธรรมได้ดีมาก ดีมากยังไง? ทำให้ผมอยากรู้ อยากได้ยินว่าธรรมะที่บรรยายได้ดีมาก เป็นอย่างไร?

วันหนึ่ง! ผมพยายามเปิดวิทยุที่รถหาดู เพราะน้องชายบอกว่ามีบรรยายช่วงตี ๕ เคยเปิดฟังตอนขับรถไปส่งของที่ต่างจังหวัดที่ภาคใต้ ผมก็พยามจูนคลื่นหา ตอนนั้นตอนตี ๕ ผมกำลังจะเดินทางจากต่างจังหวัดมา กทม. ก็ได้มาเจอคลื่น FM. 88.5

ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง น่าจะอายุประมาณ ๔๐-๕๐ปี ซึ่งก็คือเสียงของ อ. สุจินต์ เป็นครั้งแรก เสียงที่ท่านบรรยาย นุ่มลึก น่าฟัง ไม่ติดขัด แม้ว่าการบรรยายจะราบเรียบ ซึ่งดูเหมือนจะธรรมดา แต่ผมก็พอจะสัมผัสเสียงของท่านเหมือนผู้ที่มีเมตตาจิตจริงๆ ไม่เหมือนกับผู้ใดที่ผมเคยได้ยินมา

ครั้งแรกที่ได้ยิน ได้ยินคำว่า เจตสิก เป็นคำที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต เลยเริ่มอยากรู้ว่าคืออะไร และก็อยากรู้ว่าพระอภิธรรมคืออะไร เพิ่งจะมารู้ว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ทำให้อยากที่จะศึกษาพระอภิธรรมมากขึ้น

ต้องเคยสะสมบุญมาจริงๆ จึงมาเจอพระธรรม และยิ่งมาเจอผู้ที่สามารถจะบรรยายธรรมของพระพุทธองค์ โดยเฉพาะพระอภิธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องนั้นก็ยาก แต่การที่ได้มาเจอ อ.สุจินต์ นับว่าผมโชคดีมากๆ จนผมไม่อาจคลอนแคลนหรือไปฟังธรรมที่ไหนได้อีก ทุกวันนี้นับว่าได้ศึกษาธรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการฟังจากวิทยุตอนขับรถกลับบ้าน ฟังจาก MP3 ตอนออกต่างจังหวัด และเปิดดูเนื้อหาใน web แห่งนี้ครับ

ขอกราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ครับ

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีส่วนร่วมในธรรมทุกท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
dron
วันที่ 10 เม.ย. 2551

ด้วยพอจะทราบว่าทาง google มีการสำรองข้อมูลเก็บเอาไว้ จึงทดลองกู้ข้อมูลที่หายไปกลับคืนมาได้บางส่วน โดยการใส่หัวข้อเรื่องแล้วคลิกเข้าไปก็จะเจอเรื่องที่ทาง google เก็บเอาไว้ แล้วคลิก หน้าที่ถูกเก็บเอาไว้ ก็จะพบข้อมุล ทางบ้านธัมมะก็จะ สามารถกู้ข้อมูลที่หายไป และเป็นประโยชน์กลับมาครับ แม้จะเป็นบางส่วนก็ตาม

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 10 เม.ย. 2551
ยอดเยี่ยมมากครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 10 เม.ย. 2551

สาธุ สาธุ สาธุ โปรโมตครับ โปรโมต กระทู้นี้ต้องโปรโมต

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 10 เม.ย. 2551

คุณ dron ครับ

ผมลองทำแล้ว แต่ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น กระทู้ จดหมายจากท่านผู้ฟัง [4] โดย คุณ สารธรรม ก็ดีนะครับ ช่วยเอากลับมาให้หน่อยนะครับ

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 10 เม.ย. 2551

ดีจริงๆ เลยค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
dron
วันที่ 11 เม.ย. 2551

คุณ suwit02

เมื่อพบข้อความที่จะรีโพสต์แล้ว ให้คลิกซ้ายของmouseค้างไว้แล้วลากตั้งแต่ต้นขอข้อมูล จนจบข้อมูล จะปรากฎแถบสีฟ้าที่ข้อมูลทั้งหมด แล้วคลิกขวาของ mouse จะปรากฎคำว่า copy ให้คลิกซ้ายคำว่า copy แล้วนำไปลงในหัวข้อสนทนาใหม่ ตรงส่วนรายละเอียดโดยคลิกขวาของ mouse จะปรากฏคำว่า pasteให้คลิกซ้าย ข้อมูลทั้งหมดก็จะปรากฎในส่วนของรายละเอียด ลองดูใหม่นะครับไม่ทราบเข้าใจหรือเปล่าอธิบายไม่ค่อยเก่ง ผมไม่ทราบหัวข้อที่หายไป ส่วนกระทู้จดหมายจากท่านผู้ฟัง [4] รีโพสต์ให้แล้วครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 11 เม.ย. 2551
ขอบคุณ คุณ Dron และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ajarnkruo
วันที่ 11 เม.ย. 2551

อย่างนี้ไม่ต้องทดลองแล้วครับ...ใช้เป็นกระทู้จริงได้เลย...เพราะเยี่ยมจริงๆ ครับ...

..ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 11 เม.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
happyindy
วันที่ 11 เม.ย. 2551

ดีใจมากเลยค่ะที่ได้กระทู้นี้กลับมา

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Pararawee
วันที่ 11 เม.ย. 2551

โอ้โห.....อนุโมทนาค่ะ คุณ Dron เก่งจังเลย ดีแล้วนะคะเป็นตัวอย่างที่ดี คนอื่นจะได้ทำได้ด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
suwit02
วันที่ 11 เม.ย. 2551

คุณ Dron ครับ การกุศลใหญ่ คุณได้กระทำแล้ว

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pornchai.s
วันที่ 11 เม.ย. 2551

อนุโมทนา อย่างยิ่ง กับ คุณอุดร เปรมเจริญ (dron) ครับ สามารถกู้กลับมาได้ทั้งหมด... สาธุ สาธุ สาธุ สหายธรรมยอดฝีมือของเวป บธม.

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
opanayigo
วันที่ 11 เม.ย. 2551

มีพี่สาวทางธรรมท่านหนึ่งเป็นผู้ส่งซีดีของท่านอ.สุจินต์มาให้ในบางตอนเมื่อปีกว่าที่ผ่านมา จากนั้นก็ต่อยอด ติดตาม และฟังตลอดมา ด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง ชัดเจน ทำให้สติตื่นตัว ข้อความพระธรรมที่น้อมนำมาพิจารณา ค่อยๆ เข้าใจทีละเล็กละน้อยตามสติปัญญาและกำลัง และยังคงฟังเรื่อยๆ ไป มีความสุขที่ได้ฟังพระธรรม (พี่สาวทางธรรมท่านนี แกตั้งนาฬิกาปลุกตอนเช้าเป็นเสียงท่าน อ.สุจินต์ค่ะ) ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ฟังท่านอาจารย์ ได้ระลึกรู้เข้าใจในพระธรรม ได้เห็นอกุศลของตนเองและเพียรที่จะขัดเกลาไปเรื่อยๆ

อนุโมทนาเจ้าของกระทู้ที่ทำให้มีโอกาสแบ่งปันการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์

กราบเท้าท่านอ.สุจินต์ด้วยความเคารพค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
ป้าจาย
วันที่ 11 เม.ย. 2551
อนุโมทนาค่ะ คุณ Dron กู้ได้อย่างยอดเยี่ยมเลย
 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
dron
วันที่ 12 เม.ย. 2551

คุณwerayut.s

ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า กระทู้นี้ทำไมกู้มาได้จนครบ (ไม่ทราบว่าครบหรือเปล่าเดาๆ ว่าครบ) ครั้งแรกที่เข้าไปใน google พิมพ์คำว่า "ครั้งแรกที่มีโอกาสฟังธรรมะฯ" ปรากฎว่าพบข้อมูลเพียง ความคิดเห็นที่ 6 ซึ่งตรงกับวันที่ 17-03-2551 แต่พอครั้งหลังพิมพ์คำว่า "บ้านธัมมะ 07947" ปรากฎว่าพบข้อมูลจนถึง ความคิดเห็นที่ 35 ซึ่งตรงวันที่ 25-03-2551 ส่วนวิธีกู้ไฟล์ลงให้แล้วในกระทู้นี้ตามความคิดเห็นที่ 1 และความ คิดเห็นที่ 6

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
prissna
วันที่ 12 เม.ย. 2551

ดีใจด้วย....จริงๆ นะ....

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
suwit02
วันที่ 12 เม.ย. 2551

คุณ อุดร ครับ

ข้อมูลที่ได้คืนมานี้มีค่ามากสำหรับหลายๆ คนเลยครับ แต่ยังไม่ครบเสียทีเดียวขาดไป 2 ครับ คือ ของคุณเจริญในธรรม กับอีก 1 ท่าน จำชื่อไม่ได้ ผมรู้เพราะผมเชียร์กระทู้นี้มากๆ ดูแทบทุกวัน กะจะเชียร์ข้ามปีเลย เฉพาะของคุณเจริญในธรรมนั้น ผมก็อปไว้ เพราะจะเอาไปตอบกระทู้ของเค้าพอดี ขอโพสต์ไว้ในคห.นี้เลยครับ ส่วนอีก 1 นั้น จำได้ว่าเป็น คำอนุโมทนา ของใครสักคน ที่มีต่อทุกท่านซึ่งโพสต์ตอบกระทู้ ดังนั้น พอถือได้ว่าเราได้กระทู้นี้กลับมาเข้าใกล้ความสมบูรณ์อย่างมาก ทั้งนี้เพราะวิทยาการที่คุณนำมาเสนอ นั่นเอง

ขออนุโมทนาอีกครั้งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
arin
วันที่ 12 เม.ย. 2551

ขออนุโมทนากับกุศลธรรมของทุก ทุกท่านในกระทู้นี้ เมื่อได้อ่านแล้ว พิจารณาแล้วเกิดปิติอย่างมากเลยครับ

ขอขอบพระคุณอย่างยิ่งครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
C.pongsiri
วันที่ 13 เม.ย. 2551

ดิฉัน... มีความรู้สึกเดียวกับหลายๆ ท่าน

เวลานี้ไม่ได้ฟังธรรมะจากท่านอื่นๆ อีก หากมีใครเปิดธรรมะในแนวอื่นก็มักจะคอยจ้องจับดูว่าสอนอย่างนี้ตรงหรือไม่ตรง พอรู้สึกว่าไม่ตรงก็ไม่ฟังอีก ทั้งยังเกิดโทสะเล็กๆ ในคำสอนที่ไม่ตรงนั้น (ห้ามไม่ได้จริงๆ ) ก็ดิฉันยังเป็นพลเมืองเต็มขั้นของวัฎฏะนครอยู่ ได้แต่พยายามเกาะชายเสื้อของท่านอาจารย์สุจินต์ไว้ให้แน่น อย่างน้อยเวลาที่ท่านอาจารย์แสดงธรรมะ เราที่ห้อยอยู่ชายเสื้อของท่านต้องได้ยินแน่ๆ และยังเห็นแก่ตัวมากๆ เลยที่ตั้งความปรารถนาให้ท่านอาจารย์มีอายุยืนนานมากๆ เพราะสวรรค์ชั้นดุสิตคงเกินเอื้อมสำหรับดิฉันทุกถ้อยคำที่ท่านบรรยาย การอุปมา ยกตัวอย่างต่างๆ ช่างสร้างความกระจ่างใจแก่ดิฉันอย่างที่สุดและอีกหลากหลายความรู้สึกดีๆ ที่บรรยายได้ไม่หมด กราบงาม งาม แทบเท้าท่านอาจารย์ผู้เป็น ครู ทางจิตวิญญาณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
Pararawee
วันที่ 15 เม.ย. 2551

บางท่านก็อาจจะบอกว่าไม่ให้ยึดติดในตัวบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวท่านอาจารย์สุจินต์ แต่ว่าใครจะไปทำได้..... ไม่ยึดติด คน สัตว์ สิ่งของ เพราะว่าท่านอาจารย์ก็เป็นบุคคลเดียวที่ไม่มีใครเปรียบบนโลกใบนี้จึงยังติดอยู่ และยอมรับ..... เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงคิดเหมือนกัน ทางนี้เป็นทางสายเอกท่านอาจารย์มีเมตตาแก่พวกเรามากเหลือเกิน อย่างนี้จะไม่ให้ติดในตัวบุคคลได้อย่างไร ก็เราก็ยังเป็นเราอยู่.... แต่เวลาที่เหลืออยู่ของชีวิต สามารถเข้าใจพระธรรมที่ท่านบรรยาย ได้มากแค่ไหนเท่านั้นก็คงเพียงพอ....

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
orawan.c
วันที่ 11 ม.ค. 2552

ฟังให้เข้าใจเพื่อละความไม่รู้ ไม่ใช่ฟังเพื่ออยากรู้ การฟังพระธรรมนั้น ไม่ใช่ยึดติดที่ตัวบุคคลผู้กล่าวสอน แต่ให้พิจารณา ไตร่ตรองในสิ่งที่ฟังว่าเป็นความจริงและเป็นเหตุผลหรือไม่ ฟังแล้วให้เป็นปัญญาของตัวเอง ไม่ใช่ใครบอกอะไรก็เชื่อตามแต่ในกาลสมัยนี้ ก่อนมีโอกาสได้ฟังท่านอาจารย์สุจินต์ ฯ แสวงหาธรรมะจากหลายสำนักและเป็นเวลาหลายปี ก็ยังไม่ใช่ซักที จนกระทั่งเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๕ จึงมีโอกาสได้ฟังท่านอาจารย์ทางวิทยุ เอเอ็ม. ๑๔๒๒ และตามไปหาแผ่นเอ็มพี ๓ ที่มูลนิธิ ฯ มาฟัง แล้วก็ฟังมาตลอดจนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มไปสนทนาธรรมที่มูลนิธิ ฯ ทุกวันเสาร์อาทิตย์ และวันสำคัญทางพุทธศาสนาเมื่อช่วงตอนสงกรานต์ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ยิ่งฟังยิ่งสนทนาก็ค่อยๆ สะสมความเห็นถูก เข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ และเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ของเราไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด (เข้าใจขั้นฟัง) ถ้ามีใครสอนแล้วทำให้เข้าใจความจริงเช่นนี้ก็จะฟัง แต่ในยุคนี้พบว่า มีแต่ท่านอาจารย์สุจินต์ ฯ เท่านั้นที่สอนตรงตามพระไตรปิฎก และทำให้ผู้ฟังสามารถเข้าใจความจริงของเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส และคิดนึกในชีวิตประจำวัน จึงขอกราบบูชาพระคุณในพระรัตนตรัย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูง และขออนุโมทนาผู้ตั้งและกู้กระทู้พร้้อมทั้งผู้ที่มีส่วนทำให้เข้าใจธรรมะทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
narong.p
วันที่ 12 ม.ค. 2552

ฟังท่านอ.สุจินต์แล้วพิจารณาตามข้อความที่ได้ยินได้ฟังก็พอเข้าใจได้ว่าเป็นคำอธิบายที่มีเหตุมีผล แต่จะตรงตามพระไตรปิฏกหรือไม่ ขอบอกตามตรงว่า ไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่เคยอ่านและไม่คุ้นสำนวน การเขียนในพระไตรปิฏก แม้แต่พระสูตรที่ทางมูลนิธิฯนำมาสนทนากันทุกเช้าวันเสาร์ หากอ่านเอง ก็คงจะเข้าใจผิดมากมาย และไม่เข้าใจด้วยก็มากเช่นกัน ผมจึงไม่ได้กังวลอะไรมากมายว่าถูกหรือไม่ แต่รู้ว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้น น่าสนใจ เป็นประโยชน์ และมีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ครับ สิ่งที่ท่านบรรยายทั้งหมด เรายังไม่สามารถเข้าใจได้ครบถ้วน จึงสนใจที่จะเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง มากกว่าที่จะค้นหาอาจารย์ท่านอื่น หรือแนวทางการศึกษาอื่นๆ ส่วนในโลกนี้จะมีผู้สอนได้ถูกต้องเท่าหรือ มากกว่าท่านอ.สุจินต์หรือไม่ ก็เรียนตามตรงว่าไม่ทราบและไม่สามารถ ค้นหาได้ เพียงแต่รู้ว่าขณะนี้ได้ยินได้ฟังธรรมที่มีเหตุมีผลจากอาจารย์หนึ่งท่านในโลกนี้ ผมก็พอใจ และที่ได้มาพบก็ไม่ได้ขนขวายอะไรเลย จึงยิ่งมั่นคงในความเป็นบุญแต่ชาติปางก่อนของทุกๆ คน จริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 26  
 
chaiyakit
วันที่ 13 ธ.ค. 2552
ทำไมผมเจอ อ.สุจินต์ ช้าจัง น่าจะเร็วกว่านี้ ผมชอบการบรรยายของ อ. มาก
 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
peem
วันที่ 16 ม.ค. 2559

ขออนุโมทนากับทุกๆ ๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
Nataya
วันที่ 12 ก.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 30  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 14 ก.ค. 2563

ได้อ่านกระทู้นี้ก็อยากจะเล่าประสบการณ์ของดิฉันบ้างว่าได้พบท่านอาจารย์สุจินต์อย่างไรค่ะ ช่วงเวลานั้นอายุประมาณร่วม 30 ปี ดิฉันชอบนั่งดื่มกาแฟตอนเช้าที่สนามนอกบ้านพร้อมทั้งเปิดฟังธรรมจากสถานีวิทยุไปด้วย วันหนึ่งเปิดเปิดวิทยุและหมุนไปได้ยินการกล่าวธรรมของผู้หญิงคนหนึ่ง จึงหยุดฟังเพราะเสียงดีและก็นึกว่ามีผู้หญิงกล่าวธรรมด้วย ฟังต่อว่าจะกล่าวอะไรบ้าง ฟังไปก็ไม่ค่อยเข้าใจเพราะมีภาษาบาลีปนกับภาษาไทย แต่ก็น่าสนใจ วันต่อมาก็ทำกิจวัตรแบบเดิมแต่เปิดวิทยุหาสถานีไม่เจอจึงไม่ได้ฟัง เพราะวิทยุสมัยก่อนต้องหมุนหาคลื่นซึ่งคลื่นวิทยุก็อยู่ใกล้ๆ กัน รายการแทรกกันอยู่บ่อยๆ บางวันก็ตื่นสาย ไม่ได้ฟังประกอบกับไม่รู้เวลาที่แน่นอน สถานีไหน

สรุปมีเหตุหลายอย่างที่ทำให้ไม่ได้ฟัง แต่ก้ยังติดใจอยู่ผ่านไปหลายปี ไปร้านหมอรักษาผิว นั่งรอหมอและอ่านนิตยสารของทางร้าน มีบทความหนึ่งได้สัมภาษณ์คุณธงไชยซึ่งเป็นทหาร จึงรู้ว่าเขาศึกษาธรรมอยู่กับอาจารย์สุจินต์และให้ที่อยู่เพื่อติดต่อขอหนังสือธรรม จึงเขียนไปขอหนังสือ ท่านกรุณาส่งหนังสือมาให้ จึงรู้ว่ามีการเผยแพร่สถานีไหนบ้าง แต่ดิฉันไม่ได้ติดต่อไปอีกเลย เพราะไม่ทราบว่ามีการสนทนาธรรมกันเป็นกลุ่มด้วย แต่มาทราบได้อย่างไรไม่ทราบว่ามีการสนทนาที่วัดบวรฯ ก็เดินทางไปวัดบวรวันอาทิตย์ช่วงบ่ายวันหนึ่ง ไปถึงที่แล้วไม่พบใครเลย เห็นผู้หนญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่โพเดียมก้มหน้าทำอะไรอยู่ไม่ทราบ ก็ไม่กล้าเดินไปถาม แต่เดินออกจากวัดกลับบ้านไป ต่อมาก็ไปวัดบวรอีกครั้ง ไม่พบใครเลย ไปถามพระที่ศาลานั้นก็ทราบว่าเขาย้ายไปที่อื่นไม่ทราบที่ไหน

ต่อมานานหลายปีทราบว่าไปสนทนาที่บ้านคุณหญิงนพรัตน์ที่หมู่บ้านเมืองทอง ก็เดินทางไปเพื่อจะร่วมฟัง ได้พบผู้ชายคนหนึ่งให้การต้อนรับ นำไปนั่งข้างใน ท่านผู้นี้ค่อยบริการน้ำดื่มแก่ผู้ฟัง (ทราบภายหลังว่าคือ อ.สกล) ไปอีกเป้นครั้งที่สอง เขาก็ย้ายไปไหนอีกไม่ทราบเพราะไม่พบใครเลย จึงไม่ได้พบอาจารย์และไม่ได้ฟังธรรมที่อาจารย์เผยแพร่ทางวิทยุอีกเลย จนทำงานไปอายุได้ 55 ปี ก็ทราบว่าย้านมาที่เจริญนคร 78 จึงเดินทางมา ได้ร่วมฟังธรรมกับคนอื่นๆ ในห้องมากมาย จึงได้พบเพื่อนที่เรียนนักเรียนที่ไม่ได้พบกันหลังจากโรงเรียนคนหนึ่ง แม่เขาเป็นกรรมการมูลนิธิฯ ก็มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งนำเอกสารแนวทางเจริญวิปัสนามาให้ 2 ฉบับ (ต้องขอบพระคุณป็นอย่างยิ่ง) ดิฉันไปได้ไม่กี่ครั้ง ก็ไม่ได้ไปอีก เพราะมีงานต้องทำวันเสาร์และอาทิตย์ จนเกษียณ์ก็ยุ่งอยู่กับลูกหลานอีกหลายปี ปี 2558 เริ่มจะว่างจากงานและลูกหลาน จึงไปที่มูลนิธิอีกและไปฟังอย่างสม่ำเสมอจนถึงปีนี้ (2563)

สรุปได้ฟังอย่างจริงจังเพียง 5 ปีเท่านั้น แสดงถึงความไม่แน่นอนแม้จะได้รู้จักท่านอาจารย์สุจินต์มานานมากแต่ก็มีโอกาสพบและฟังธรรมเมื่อใกล้วัยชราแล้ว จะเห็นถึงโอกาสที่จะสะสมการฟังของแต่ละคนนั้นต่างกัน ดิฉันคงเหมือนเต่าที่อยู่ในทะเลที่พันปีจะมีโอกาสโผล่ขึ้นหนึ่งครั้งมาเพื่อคล้องห่วงที่ลอยอยู่เพื่อมีโอกาสลอยคออยู่ได้เห็นแสงสว่างข้างบน โชคดีที่ยังมีโอกาสที่จะคล้องห่วงไว้ได้ ก็จะไม่ทิ้งโอกาสนี้ที่ได้ฟังธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ทุมเทแรงกายแรงใจเผยแพร่ธรรมตลอด 60 กว่าปีมานี้ ขอกราบท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 31  
 
chatchai.k
วันที่ 14 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ