ความรู้ทางด้านจิตใจของคนทางพุทธศาสนา

 
ผู้แสวงหา
วันที่  20 เม.ย. 2551
หมายเลข  8358
อ่าน  1,248

ถือว่าได้พัฒนาจนถึงที่สุดแล้วใช่หรือไม่

ผมสงสัยว่าความรู้ทางด้านวัตถุได้พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งยังมีหลายสิ่งมากมาย

ที่มนุษยชาติยังรู้ไม่หมด แต่ความรู้ทางด้านจิตวิญญานที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบถือว่าเป็นที่สุดของการค้นพบด้านจิตใจของมนุษย์แล้วหรือยัง


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 21 เม.ย. 2551

ความรู้ทางด้านจิตตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คือการรู้ชัดจิตของตนเองตามความจริง จนละกิเลสทั้งหมดบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ชื่อว่าการพัฒนาจิตของตนเองถึงที่สูงสุดแล้ว ไม่มีกิจที่จะต้องพัฒนาไปให้ยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นพระพุทธองค์ทรงแสดงจำแนกจิตเป็นประเภทต่างๆ โดยจำนวน ๘๙ หรือ๑๒๑ ดวง เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่าจิตไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เกิดเพราะปัจจัย

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 21 เม.ย. 2551

พระพุทธองค์ทรงค้นพบความจริงที่ลึกซึ้งที่สุด หยั่งรู้ได้ยากที่สุด ทั้งรูปและนามด้วยการตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงทุกประการโดยละเอียด พระองค์ทรงเห็นแม้ในสิ่งที่ตาของมนุษย์มองไม่เห็น แม้เทวดา พรหม หรือผู้ที่ได้อภิญญา มีทิพยจักขุก็ยังไม่เห็นทรงเห็นสิ่งที่เล็กละเอียด ยิบย่อย ยิ่งยวดลงไปกว่าการเห็นของผู้ใด ทรงเห็นแม้กระทั่งการเกิด - ดับรวมทั้งเหตุที่ทำให้สิ่งนั้นต้องเป็นไปตามปัจจัยต่างๆ มากมาย ที่เราใช้คำว่า พัฒนาไปอย่างไม่สิ้นสุดนั้น แท้ที่จริง เป็นเพราะเรายังไม่เห็นความจริงของสิ่งที่เรานำมาพัฒนาว่าหน่วยที่เล็กที่สุดของสิ่งนั้น มีความจริงแท้มากมายแฝงอยู่ ที่ถ้ารู้

แล้วจะไม่ควรแก่การยึดถือเอาเสียเลย แต่เมื่อยังมีความไม่รู้ ยังมีกิเลส ก็ไม่พ้นจะต้องยึดถือต่อไปด้วยความสำคัญว่าเที่ยงบ้าง เป็นสุขบ้าง เป็นตัวตนบ้าง งามบ้าง ทั้งๆ ที่หาสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารให้ยึดถือไม่ได้แม้เพียงน้อย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Sam
วันที่ 21 เม.ย. 2551

ความรู้ทางด้านวัตถุ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ ย่อมไม่มีที่สิ้นสุด ความรู้ในพระพุทธศาสนา สามารถนำไปสู่ความดับทุข์ทั้งมวลได้ ย่อมถือว่าเป็นที่สุด ขออนุญาติเรียถามคุณผู้แสวงหาว่า 1. ความรู้ทั้งสองประการนั้น ประการใดมีประโยชน์มากกว่า? 2. ที่ผ่านมานั้น เราเรียนความรู้ประการใดมามากกว่า? 3. ปัจจุบัน เรามีความรู้ประการใดมากกว่า? 4. เราควรเรียนความรู้ประการใดมากกว่า?

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 21 เม.ย. 2551
ศึกษาธรรมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา เนื่องจากว่าปัญญาเป็นพืชที่โตช้า จึงต้องอาศัยการฟัง การสอบถาม และต้องอบรมสั่งสมไปอีกเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ผู้ที่ได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคลได้นั้น เพราะเหตุว่าท่านได้สั่งสมการฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สั่งสมความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมมา ซึ่งก่อนหน้าที่ท่านจะได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ นั้น ท่านก็เป็นผู้ที่ยังมีกิเลสเต็มเปี่ยม ปัญญาเท่านั้นที่ทำให้ท่านเป็นผู้ละกิเลสได้ครับ "ที่ใดมีปัญญา ที่นั่นจะไม่มีกิเลสทั้งหลาย"
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 21 เม.ย. 2551

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักความจริง ให้รู้จักโลกของตัวเองคือโลกทางตา หู จมูก ลิ้น

กาย ใจ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 21 เม.ย. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 21 เม.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยที่สุดก็คือทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนี้เอง ถ้าไม่มีตา..ใจ

โลกก็ไม่มี ไม่มีวิทยาศาสตร์ ไม่มีคน ไม่มีสัตว์

การดับกิเลสและการดับการเกิดขึ้นของตา..ใจ ชื่อว่าเป็นที่สุดของโลกครับ

เชิญอ่านข้อความในพระไตรปิฎกเพิ่มเติมครับ

โรหิตัสสสูตร .. ที่สุดของโลกคืออะไร

โลกสูตร .. อะไรเกิดขึ้น โลกจึงเกิดขึ้น

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
prissna
วันที่ 22 เม.ย. 2551
ถือว่าถึงที่สุดของที่สุดแล้ว...นับแต่วันที่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งใหญ่กว่านี้...ไม่มีอีกแล้ว
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Pararawee
วันที่ 23 เม.ย. 2551

ใช่ค่ะ ยิ่งใหญ่ไปกว่าปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมไม่มี.....

อนุโมทนาในจิตกุศลของทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
บักกะปอม
วันที่ 25 เม.ย. 2551
พระพุทธสาสนา เป็นที่สุดของความรู้ เพราะความรู้อื่นๆ บ้างก็ไม่มีประโยชน์เช่น ไสยศาสตร์ บ้างก็มีประโยชน์ เช่น ความรู้ในการทำอาชีพสุจริต เป็นต้นทีว่าเป็นที่สุด เพราะ พระพุทธศาสนา ถ้าเรียนจบ ก็ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ไรท์แจกแล้วไง
วันที่ 26 เม.ย. 2551
แต่จิตของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ยังไม่สิ้นสุด
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ