ตัดสินไม่ได้ ก็ต้องฟังให้เข้าใจ อย่าตัดสิน
สนทนาธรรมที่มูลนิธิ
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐
ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
วิจิตร เมื่อกี้อาจารย์อธิบายกับคุณนิรันด์พูดถึงคนนอนหลับ ตอนกลางคืนนี้ ถ้ามีขโมยปืนเข้ามา คนที่ตื่นขึ้นมารู้สึกตัว คือที่มีวิบาก อกุศลวิบากทำให้เห็นขโมย อยากจะถามต่อไปว่า คนที่เห็นขโมยหยิบเอาปืนขึ้นมายิงโจรบาด เจ็บ ไม่ถึงตายเพียงบาดเจ็บจะนับเป็นกรรมหรือเปล่า
อาจารย์ คุณวิจิตรจะนับหรือจะเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเห็นอะไร ขณะไหน เป็นผลของกรรมทั้งสิ้น ในขณะที่จักขุวิญญาณจิตเกิดขึ้นเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดวิจิตร ก็ทำร้ายให้คนบาดเจ็บ
อาจารย์ หลังจากนั้นเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต เพราะว่าก็มีกุศลจิต อกุศลจิต วิถีจิต กิริยาจิต ในวันหนึ่งๆ ทำหน้าที่ของจิตนั้นๆ สลับกันไม่ได้ จะเปลี่ยนวิบากให้เป็นกุศล อกุศลไม่ได้ เป็นเหตุที่ทำให้เกิดวิบาก คุณวิจิตรเห็นนะคะ เป็นผลของกรรมเป็นวิบากหรือเปล่า
วิจิตร เป็นครับ
อาจารย์ คุณวิจิตรเห็น คิดว่าเป็นขโมย เป็นโจร เป็นวิบากหรือ เปล่า?
วิจิตร ก็ยังตัดสินไม่ได้
อาจารย์ ตัดสินไม่ได้ ก็ต้องฟังให้เข้าใจ อย่าตัดสิน “วิบาก” คือได้ยินลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกายเท่าที่สามารถที่รู้ได้ แต่ความจริงก็มีจิตที่เป็นวิบากเกิดอีก แต่ถ้าจะกล่าวสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ เห็นขณะใดให้ทราบเลยค่ะ กรรมทำให้เห็น ได้ยิน ถ้าเกิดหูหนวก เสียงก็ไม่ปรากฏอีกแล้ว ตาบอดสีสัน วัณณะก็ไม่ปรากฏ เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า ขณะไหนเห็นอะไร เมื่อไรเป็นวิบาก เป็นผลของกรรม แล้วแต่ว่าสิ่งที่เห็นนั้นจะเป็นสิ่งที่น่าพอใจ เพราะว่าผลของกรรมต้องมี ๒ คือกุศลวิบาก ๑ และอกุศลวิบาก ๑ ต่างขณะ
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงสำคัญที่ใจ ใจประเสริฐสุด สำเร็จมาจากใจ ถ้าใจดีใจผ่องใส การทำ การพูดก็พลอยดีไปด้วยเพราะความดีนั้นเป็นเหตุ ความสุขก็ตามมาเหมือนเงาตามตน