ตำรวจจับพระได้ไหมครับ
กระทำได้หรือไม่ เพราะอ่านมาจากข่าวนี้ครับ
จับพระซดเบียร์ อ้างแก้เหนื่อย! รายที่สอง นำทีมเณร เสพยาบ้า
ทนดูไม่ไหวแจ้งตำรวจบุกจับ พบของกลางเบียร์กินหมดแล้ว 7 กระป๋อง แช่อยู่ในตู้เย็นอีก 18 กระป๋อง กับแกล้มอีกเพียบ อ้างทำงานจนเหนื่อยเลยต้องซดเบียร์เย็นๆ แก้เหนื่อย สารภาพแอบซดมาหลายครั้งแล้ว ตร.พาตัวไปทำพิธีสึกแต่พระผู้ใหญ่ไม่สึกให้ อ้างแค่อาบัติเล็กน้อย ขณะที่เจ้าคณะอำเภอลั่น ถึงจะเป็นอาบัติเล็กน้อยแต่ก็ต้องสึกสถานเดียว เพราะถือว่าทำให้ศาสนามัวหมอง
จับพระตั้งวงซดเบียร์แก้เหนื่อยครั้งนี้ เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 20 เม.ย. พ.ต.ท.สุพจน์ รักษ์การ สว.สภ.สระบัว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พร้อมด้วยร.ต.ต.ปรีชาชุมไทย รอง สวป. พร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจ เข้าตรวจสอบภายในวัดหนองนมหนู บ้านหนองนมหนู หมู่ 3 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีพระสงฆ์ตั้งวงซดเบียร์อยู่ภายในวัด เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณหน้ากุฏิเจ้าอาวาส พบพระสงฆ์ 2 รูป กำลังนั่งซดเบียร์กระป๋องกันอย่างเมามัน แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับหน้าถอดสี
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบกระป๋องเบียร์ดื่มหมดแล้ว จำนวน 7 กระป๋อง มีกับแกล้มเป็นต้มยำใส่ปิ่นโตวางอยู่ นอกจากนี้ตู้เย็นในกุฏิยังพบเบียร์กระป๋องแช่อยู่อีก18 กระป๋อง ปลาหมึกตากแห้ง 1 ถุงใหญ่ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนพระทั้ง 2รูป ทราบชื่อคือพระสมศักดิ์ ปภากโร อายุ 45 ปี เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองนมหนู และพระสมทรง ยโสธโร อายุ 55 ปี พระลูกวัดโคกมะม่วง ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน จึงนำตัวมาสอบสวนพร้อมแจ้งพระผู้ใหญ่ให้ช่วยทำพิธีสึก แต่พระผู้ใหญ่ไม่สึกให้ เพียงแต่ว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น โดยอ้างว่าการดื่มสุราเป็นแค่อาบัติปาจิตตีย์ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวบ้านในละแวกทราบข่าวเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้แห่กันมาที่วัด โดยหลายคนต่างแสดงความไม่พอใจการกระทำของพระทั้ง 2 รูป เพราะเห็นว่าเป็นการทำให้วัดต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะพระสมศักดิ์ กำลังจะได้รับเสนอแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองนมหนู แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเสียก่อน
พระสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองกับพระสมทรงเครียดและเหนื่อย จากการช่วยกันทำหอกระจายเสียงภายในวัด จึงชักชวนกันไปซื้อเบียร์ที่ตลาดกบินทร์มานั่งดื่มกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับดังกล่าว พระสมศักดิ์ยังกล่าวว่า โลกนี้ไม่ใช่ของเรา อยู่ไปก็เท่านั้น อาตมาเองเพิ่งมาอยู่วัดนี้ได้แค่ปีเศษๆ มาแทนเจ้าอาวาสองค์เก่าที่มรณภาพไป แต่การดื่มสุรานี้ แอบดื่มมาหลายครั้งแล้ว น้อยบ้างมากบ้างแล้วแต่โอกาส
ด้านพระครูปัญญาวุฒิธรรม วัดอัมพวัน เจ้าคณะอำเภอกบินทร์บุรี กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีพระสมศักดิ์ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจจับขณะกำลังนั่งดื่มเบียร์ในวัด พร้อมกับพระลูกวัดโคกมะม่วงอีก 1 รูป ทั้งนี้ถึงแม้เรื่องดังกล่าวจะเป็นความผิดที่ไม่ร้ายแรง หรือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ และเป็นโลกวัชชะหรือที่เรียกกันว่าโลกติเตียน ดูแล้วไม่สวยงามเหมือนกับพระขับรถยนต์ แต่จะต้องทำการสึกให้พ้นจากความเป็นพระสถานเดียว แถมนี่ยังดื่มเบียร์ในที่โล่งแจ้ง ไม่เกรงกลัวต่อสายตาประชาชนและยังพบของกลางอีกจำนวนมาก หลังจากได้ข้อมูลแล้วจะส่งพระเลขานุการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง และจะขอดูภาพที่นักข่าวบันทึกไว้ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม และเปิดเบียร์ดื่มโชว์อีกด้วย ทั้งนี้น่าจะรู้ผลภายในเร็วๆ นี้ ว่าการสอบสวนเท็จจริงขนาดไหน ถ้าผิดจริงก็เอาไว้ไม่ได้ ต้องสึกออกไป เ พราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ศาสนาต้องมัวหมองไปกับพระพวกนี้
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ขณะด.ต.ศานิตย์ มูลศาร กับด.ต.ยงยุทธ จิ๋วเจียม ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ออกตรวจพื้นที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีพระและสามเณร วัดตำหนักเหนือ ต.บางตะไนย์ จับกลุ่มมั่วสุมเสพยาบ้าในกุฏิวัด จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบกลุ่มชาวบ้านกว่า 50 คน กำลังล้อมกุฏิของพระภัทรพงศ์ บุญสม อายุ 33 ปี พระลูกวัดจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขอกำลังมาสมทบ
จากนั้นเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน จึงเข้าไปในกุฏิพบพระภัทรพงศ์ พระไพรวัลย์กรองสีผิว อายุ 22 ปี สามเณรคุณากร ขาวพรหม อายุ 17 ปี สามเณรวสันต์ บัวคำภา อายุ 17 ปี สามเณรวชิราวุธ ยามี อายุ 17 ปี และสามเณรเล็ก (นามสมมติ) อายุ 15 ปี รวม 6 รูป กำลังนั่งจับกลุ่มมั่วสุมเสพยาบ้า แต่และคนอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ตรวจค้นในกุฏิพบอาวุธมีดสปาร์ตา 2 เล่ม ปืนปลอม 3 กระบอก วีซีดีหนังลามก บ้องกัญชา อุปกรณ์การเสพยาบ้า จึงคุมตัวพระและสามเณรทั้งหมดไปตรวจปัสสาวะที่ร.พ.ปากเกร็ด พบเป็นสีม่วงทุกคน จึงนำตัวทั้งหมดกลับไปที่วัดให้เจ้าอาวาสสึกทันที จากนั้นควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.สุนิตย์ พัฒนสุชัยสารวัตรเวร สภ.ต.คลองข่อย ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด
ตำรวจจับพระได้หรือไม่ ควรพิจารณาตามตัวบทกฏหมายทางบ้านเมืองสำหรับพระวินัย ถ้าพระภิกษุต้องอาบัติเพราะดื่มสุรา ต้องอาบัติปาจิตตีย์อาบัติปาจิตตีย์ไม่มีโทษถึงต้องเปลี่ยนเพศเป็นคฤหัสถ์ อนึ่งพระวินัยแสดงว่า พระภิกษุไม่สามารถให้ภิกษุรูปอื่นลาสิกขาได้ เว้นไว้แต่ผู้ลาสิกขายอมรับและกล่าวคำลาสิกขาเอง สำหรับคฤหัสถ์ในสมัยก่อนจะจับพระไม่ได้ ดังข้อความจากพระวินัยบางตอนว่า
ถ้าบวชมาเป็นพระภิกษุไม่สำรวมอาบัติแล้วไม่ปลงมีโทษมาก ตายไปก็ไปอบายภูมิค่ะ
ตำรวจจับพระภิกษุไม่ได้ นอกจากให้ท่านสึกออกมาก่อน แล้วค่อยจับค่ะ แต่ถ้าประพฤติ
ผิดพระวินัยไม่มีอัธยาศัยใหญ่จริงๆ บอกลาสิกขาเองไปเป็นคฤหัสถ์ยังดีกว่าค่ะ