เรียนถามเกี่ยวกับนิยตมิจฉาทิฏฐิ
ได้เคยเรียนถามทางมูลนิธิฯ ไว้นานแล้วเกี่ยวกับ วีติกกมกิเลส และ ปริยุฏฐานกิเลส ว่าขณะที่เป็นอภิชฌาหรือพยาปาทะ ซึ่งล่วงอกุศลกรรมบถ (มโนทุจริตกรรม) แล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นแสดงออกมาทางกายหรือวาจาให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน จะจัดเป็นวีติกกมกิเลสหรือ เป็นเพียงปริยุฏฐานกิเลส (นิวรณ์) ที่กลุ้มรุมจิตใจ ซึ่งได้รับคำตอบเป็นแนวทางว่าควรเป็นวีติกกมกิเลส เพราะแม้จะยังไม่ล่วงออกมาทางกาย วาจา ให้ผู้อื่นเดือดร้อนก็จริง แต่ก็มีกำลังถึงขั้นล่วงอกุศลกรรมบถแล้ว (ทางใจ) จึงควรเป็นกิเลสอย่างหยาบ แต่กระทู้นั้นได้หายไปแล้ว จึงขออนุญาตโพสท์กระทู้นี้เรียนถามเพิ่มเติมว่า สำหรับมิจฉาทิฏฐินั้นซึ่งมีหลากหลาย หากเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งเป็นทิฏฐิอย่างหยาบ เป็นมิจฉาทิฏฐิอันดิ่ง ซึ่งจัดเป็นมโนทุจริตที่ล่วงอกุศลกรรมบถอย่างหนึ่งด้วย เช่นนี้ แล้วนิยตมิจฉาทิฏฐิก็ควรเป็นวีติกกมกิเลสเช่นกัน ส่วนมิจฉาทิฏฐิประการอื่นที่ยังไม่ถึงขั้นล่วงอกุศลกรรมบถ ถือเป็นปริยุฏฐานกิเลส เช่นนี้ใช่หรือไม่ครับ
นิยตมิจฉาทิฏฐิเป็นวีติกกมกิเลสแน่นอน ส่วนมิจฉาทิฏฐิประการอื่นๆ ก็น่าพิจารณาเหมือนกันว่า ก้าวล่วงออกมาทางกาย ทางวาจาหรือไม่ คือบางคนมีความเห็นเรื่องลัทธิศาสนา ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงนิยตมิจฉาทิฏฐิ แต่เขามีความยึดถือความเชื่อความเห็นของเขาอย่างมั่นคงมาก ลักษณะนี้ควรจะเป็นวีติกกมกิเลสหรือไม่
พอดีไปค้นคำถามตอบที่ได้เซฟไว้ จากกระทู้เดิมที่หายไป ..
กิเลสอย่างละเอียด อย่างกลาง อย่างหยาบ *
* ขออนุญาติทำลิงค์ให้ท่านเจ้าของกระทู้นะครับ .. บ้านธัมมะ
จากความเห็นของคุณ study
คือ บางคนมีความเห็นเรื่องลัทธิศาสนา ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงนิยตมิจฉาทิฏฐิ แต่เขามีความยึดถือความเชื่อความเห็นของเขาอย่างมั่นคงมาก ลักษณะนี้ควรจะเป็นวีติกกมกิเลสหรือไม่ถ้ายังไม่ถึงกับแสดงออกทางกาย วาจา เบียดเบียนให้ผู้อื่นเดือดร้อน (ล่วงศีล) หรือยังไม่ล่วงอกุศลกรรมบถทั้ง ๓ ทาง กาย วาจา ใจ (อภิชชา พยาปาทะ นิยตมิจฉาทิฏฐิ) ก็น่าจะเป็นปริยุฏฐานกิเลสไหมครับ
และรบกวนช่วยตอบกระทู้นี้ต่อด้วยครับ ได้ถามคุณ study ไว้ เหตุที่ถามในกระทู้นั้น เพราะว่าตนเองได้ติดตามฟังท่านอาจารย์สุจินต์มานาน ได้ความรู้จากท่านมากและเมื่อมีเว็บไซท์ของมูลนิธิฯ ก็คงเปรียบได้กับตัวแทนของท่านอาจารย์ฯ ดังนั้นคำถามเกี่ยวกับข้อธรรมที่สงสัยซึ่งได้เรียนถามมายังทางมูลนิธิฯ จึงอยากได้รับคำตอบจากทางมูลนิธิฯ อันเป็นเสมือนตัวแทนท่านอาจารย์ฯ ด้วยครับ และต้องขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมตอบคำถาม ทุกคำตอบเป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ
ลืมให้ลิ้งค์ที่ได้ถามคุณ study ไว้ในกระทู้ก่อน ตรงความเห็นสุดท้ายครับ
ขอตอบความเห็นที่ ๕ ครับ ในความเห็นของผม ผู้ที่เห็นไม่ตรงตามความเห็นจริง ก้าวล่วงมาทางกาย ทางวาจาคือ แสดงออกท่าทาง การแต่งกาย การไหว้ การสวดสาธยาย เป็นต้น กิเลสมีกำลังมากแล้วจึงแสดงออกมาได้ถึงขนาดนั้น ควรจะเป็นวีติกกมกิเลส แต่ยังไม่พบหลักฐานการจำแนกกิเลส ๓ ระดับอย่างละเอียด และตัวอย่างครับ
เรียนถามเพิ่มเติม จากความเห็นที่ 7 แสดงว่าถ้ามีการล่วงออกมาทางกาย วาจา แม้จะยังไม่ล่วงศีลหรือล่วงอกุศลกรรมบถ หรือยังไม่มีการเบียดเบียนให้ผู้อื่นเดือดร้อน ก็ถือเป็นวีติกกมกิเลสแล้วหรือครับ เพราะตามความเข้าใจ จะต้องเป็นการล่วงกายทุจริตวจีทุจริต คือ มีการล่วงศีลหรือล่วงอกุศลกรรมบถทางกาย วาจา หรือมีการกระทำเบียดเบียนให้ผู้อื่นเดือดร้อน จึงน่าจะเป็นวีติกกมกิเลส กรณีนี้แสดงว่า การแต่งกาย การไหว้การสวดสาธายาย ถือเป็นกายทุจริต วจีทุจริต ที่ล่วงศีลหรืออกุศลกรรมบถแล้วหรือครับ
ตอบความเห็นที่ ๙ จริงๆ แล้วเส้นแบ่งระหว่างวีติกกมกิเลสกับปริยุฏฐานกิเลส ยังหาข้อยุติยากเหมือนกันเพราะความหมายปริยุฏฐานกิเลส คือ กิเลสที่คอบงำ กลุ้มรุมจิต ซึ่งถ้าไม่มีกำลังจะล่วงทางกายวาจาหรือ ดังนั้น กิเลสที่มีกำลังล่วงทางกาย วาจา ที่ไม่ถึงกรรมบถก็มีอยู่ดังตัวอย่างที่กล่าวกันมาตั้งแต่ต้นในเรื่องลัทธิภายนอกที่ไม่ถึงนิยตมิจฉาทิฏฐิ
ตอบความเห็นที่ ๑๐ มโนกรรม ท่านแสดงไว้ว่า ล่วงได้ ๓ ทวารครับ
เห็นพ้องกับคุณ study ที่ว่า เส้นแบ่งระหว่างวีติกกมกิเลสและปริยุฏฐานกิเลสนั้นบางทีก็เหมือนคาบเกี่ยวกันอยู่ บ้างก็ว่าต้องถึงขั้นล่วงอกุศลกรรมบถทางกาย วาจาจึงเป็นวีติกกมกิเลส แต่ถ้าการล่วงอาการออกมาทางกายวาจานั้นหากยังไม่ถึงขั้นล่วงอกุศลกรรมบถ ยังไม่เป็นการเบียดเบียนผู้อื่น บ้างก็ว่ายังไม่เป็นวีติกมกิเลส แต่หากพิจารณาถึงความหยาบ แม้ยังไม่ล่วงอกุศลกรรมบถทางกาย วาจา แต่ถ้าล่วงอกุศลกรรมบถทางใจ ก็น่าจะเป็นวีติกกมกิเลส