เป็นอย่างไงครับ?

 
lichinda
วันที่  24 เม.ย. 2551
หมายเลข  8407
อ่าน  1,154

สติปัฏฐาน ไม่ได้เกิดตลอดทุกขณะจิต แม้ในพระอริยบุคคลก็ตาม เพียงแต่ในจิตของพระอรหันต์ดับกิเลสทุกชนิดหมดแล้ว ไม่มีตัวตนต่อไป ไม่ต้องศึกษาอีกต่อไป ท่านเป็นอเสกขบุคคลแล้ว แต่ปุถุชน หรือเสกขบุคคล ย่อมยังมีตัวตนอีกค่ะ จนกว่า จะศึกษาจนสามารถดับกิเลส ดับทิฏฐานุสัย และมานานุสัยได้หมด


Tag  สติ  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ป้าจาย
วันที่ 24 เม.ย. 2551

กรุณาตอบคำถามนี้ก่อนค่ะ ๑. พระอริยบุคคล มีกี่ประเภท แต่ละประเภท ดับกิเลสชนิดใดบ้าง ๒. พระอรหันต์ดับกิเลสอกุศลหมดสิ้นแล้ว จิตที่เกิด เป็นจิตชาติอะไร ประกอบด้วยเจตสิกอะไรบ้าง ๓. เสกขบุคคลและอเสกขบุคคล คือ ใคร ต่างกันอย่างไร

ถ้าตอบไม่ได้ กรุณาค้นหาคำตอบในเว็บบอร์ดนี้ เพื่อให้การศึกษาด้วยตัวเอง มีกำลังมากขึ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
lichinda
วันที่ 24 เม.ย. 2551

กริยาจิตมีสติเกิดร่วมด้วยไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 24 เม.ย. 2551

กิริยาจิตของปุถุชนไม่มีสติเกิดร่วมด้วย แต่สำหรับพระอรหันต์กิริยาจิตของท่านมี ๒ ประเภทคือ ไม่มีสติเกิดร่วมด้วยก็มี มีสติเกิดร่วมด้วยก็มี กิริยาจิตที่เป็นอเหตุกะไม่มีสติเกิดร่วมด้วย กิริยาจิตที่เป็น สเหตุกจิตมีสติเกิดร่วมด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
lichinda
วันที่ 25 เม.ย. 2551

ฉะนั้นสติปัฏฐานเป็นแค่วิธีศึกษาของผู้ที่ต้องศึกษา ผู้ยังมีกิเลสอยู่ เหมือนเรือที่ใช้ข้ามฝั่ง เมื่อถึงฝั่ง จึงลงจากเรือ ผู้ไม่ต้องศึกษาอีกแล้ว ก็ทิ้งเรือเสียได้หรือ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ajarnkruo
วันที่ 25 เม.ย. 2551

ไม่ใช่เพียงแค่วิธีศึกษาครับ แต่เป็นยิ่งกว่าศาสตร์ความรู้ใดๆ ด้วยความที่มีประโยชน์สูงสุด ควรค่าแก่การศึกษา แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติด้วยความเคารพ ถ้าบอกว่าแค่วิธีของผู้ที่ต้องศึกษา คือผู้ที่ยังมีกิเลส ก็เหมือนกับว่าเป็นศาสตร์หนึ่งๆ ที่ใครๆ ก็เรียนได้เพราะต่างก็มีกิเลสเหมือนๆ กัน ซึ่งความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย การจะไปยังฝั่งที่ไม่มีกิเลส เป็นเรื่องที่แสนยาก ด้วยการสะสมกุศล - อกุศลมาเนิ่นนานต่างกันไปในแต่ละบุคคล หากไม่ใช่การฟังพระธรรมที่มาจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว สาวกก็ไม่มีทางที่จะเจริญสติปัฏฐานได้ และการถึงฝั่งพระนิพพานก็ไม่สามารถที่จะเป็นไปได้เช่นกัน (ไม่ทราบคุณ lichinda คิดอย่างไรครับ)

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
lichinda
วันที่ 25 เม.ย. 2551

เห็นว่าเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ คือ มรรคามินีปฏิปทา มีองค์ ๘ เป็นทางเอกทางเดียว และผมเห็นด้วยกับ ajarnkruo ครับ เป็นศาสตร์สูงสุดยากที่จะสำเร็จด้วยการสอบไล่ การนับหน่วยกิต และการทดสอบใดๆ แต่สำเร็จด้วยการสะสมบารมี ศีลสมาธิ ปัญญา ครับ ผมไม่เปรียบเทียบกับสิ่งใดเลย แต่ผมต้องการถามท่านผู้รู้และผมก็เริ่มจะเข้าใจ คือ ผมจะต้องไปอ่านหนังสือที่หลายท่านแนะนำ และที่ถามเรื่องนี้ก็เพราะเคารพพระอรหันต์และสติปัฏฐานว่า ท่านต้องมีสติตลอดเวลา แต่ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นโดยละเอียด ผมจึงเปิดกระทู้ซ้ำกันหลายกระทู้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ป้าจาย
วันที่ 25 เม.ย. 2551

อนุโมทนาค่ะ ที่เริ่มเข้าใจสิ่งที่ถาม ป้าตามไปตอบที่กระทู้บน พอมาพบที่กระทู้นี้ ก็เข้าใจคุณแล้วค่ะ

จริงๆ แล้ว ไม่ใช่คุณ Lichinda คนเดียวที่คิดอย่างนี้นะคะ หลายๆ คน ก็คิดเหมือนกันมาแล้ว เพราะเคยมีถามในการสนทนาธรรมมาหลายครั้ง และท่านอาจารย์ได้พยายามอธิบายเรื่องนี้ ตลอดมา

รวมทั้งเราเองสามารถศึกษาได้จากพระอภิธรรม ที่ได้แสดงไว้หมดแล้วค่ะ พระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละเอียดยิ่ง ลึกซึ้งยิ่ง เกินกว่าพวกเราจะเข้าถึงได้เพียงเดินตามรอยด้วยความเชื่อมั่นในพระองค์ท่านเท่านั้นค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ