ใครทุกข์กว่าใคร?
ผู้หนึ่ง กำลังจะจากผู้เป็นที่รักไป
ผู้หนึ่ง ผู้เป็นที่รักกำลังจะจากไป
ใครทุกข์กว่าใคร?
แล้วแต่ปัญญาแต่ละคน ไม่มีปัญญาทุกข์มาก มีปัญญามากทุกข์น้อย ขณะนี้กำลังทุกข์จากไปทุกขณะ ใครทุกข์กว่าใคร?
ถ้าเมตตาเกิด ก็ไม่ทุกข์ ถ้ารัก ติดข้อง ยึดถือเกิด ก็ทุกข์...พระพุทธพจน์
"น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ มีประมาณน้อย น้ำตาของคนที่ประสบความทุกข์ ความเศร้าโศกมีมากกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีกเพราะเหตุใดเล่า เธอจึงประมาทอยู่"
รักมากก็ทุกข์มาก ตราบที่ยังเป็นปุถุชนโดยถ้วนทั่ว ใครเลยจะหนีพ้นจากความทุกข์เพราะความรัก "ปัญญา" ที่เกิดจากการฟังและศึกษาธรรมเท่านั้นช่วยผ่อน"หนัก"เป็น"เบา"ได้ ทุกข์นั้นจะ "หนัก"หรือ"เบา" กว่าใคร
ก็ด้วย"ปัญญา" ที่ได้สั่งสมมาเท่านั้น
ใครละครับ? คนไหน? ถ้าไม่ใช่สภาพธรรมที่ยึดถือว่าเป็นตัวเราเอง.
จากการศึกษา มีแต่ธรรมะ ไม่มีใครทุกข์กว่าใคร จากการคิดพิจารณา ก็มีแต่ธรรมะ ไม่มีใครทุกข์กว่าใคร แต่ในความเป็นจริง ลึกๆ มันก็ยังคงรู้สึกเหนียวแน่นว่ามีใครทุกข์กว่าใครจนกว่าจะได้ประสพกับตนเอง จึงจะรู้ว่ามีความหนักแน่นในความเป็นธรรมะมากพอหรือยัง? ส่วนผมเองขอตอบตรงๆ ว่ายังและยังอีกนานครับ
กระทู้คุณปทปรม
ผู้หนึ่ง กำลังจะจากผู้เป็นที่รักไป
ผู้หนึ่ง ผู้เป็นที่รักกำลังจะจากไป
ใครทุกข์กว่าใคร?
----------------------
ผู้หนึ่งไม่มี - เพราะไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน
เห็นคนที่รักไม่มี -เพราะเห็นแต่สิ่งที่ปรากฏทางตา ฯลฯ
ที่มีจริงคือ จิต เจตสิก รูป
ใครทุกข์กว่าใคร อยู่ที่ความยึดมั่นถือมั่น อยู่ที่กิเลส อยู่ที่ปัญญา
ตราบใดที่สังสารวัฏฏ์ยังมี ตราบนั้น การพลัดพรากต้องมี
ทุกคนเกิดมามีใครบ้างที่ไม่ทุกข์ แม้แต่ความหิวก็เป็นทุกข์ บางคนหิวบ่อย ก็ทุกข์บ่อย แล้วแต่ว่าใครจะทุกข์มากทุกข์น้อย ทุกข์กายหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นผลของกรรม แต่ทุกข์ใจเป็นกิเลสที่เราสะสมมา นอกจากการอบรมปัญญาแล้วก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะพ้นทุกข์ค่ะ
เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ถ้าเข้าใจก็จะละคลายความทุกข์ลงได้
ถึงจะเข้าใจ แต่ยังไม่ประจักษ์ จึงยากที่จะเห็นว่าไม่มีตัวตน ดิฉันก็ยังเห็นเป็นตัวตน จึงตอบไม่ได้ว่าใครจะทุกข์กว่าใคร คงแล้วแต่เหตุปัจจัย และการสะสมมาของแต่ละคนว่าถ้าหากเหตุการณ์นั้นมาถึง ใครจะทุกข์กว่าใคร ผู้นั้นคงเป็นผู้ตอบได้ชัดเจนยิ่งกว่าใครอื่น
พระโสดาบัน ท่านละความเห็นผิด ว่ามีตัวตน (มีแต่สภาพธรรม) แต่ท่านก็ยังโศกเศร้าเพราะการสูญเสียบุคคลที่รัก สติเท่านั้น ที่ช่วยได้ (บ้าง) แต่สติก็มีหลายขั้น ตามระดับของปัญญาที่ประกอบด้วย เช่น สติขั้นที่รู้ว่า อกุศล (ความเศร้า) ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น กุศล มีประโยชน์ มีแต่คุณ เช่น เข้าใจเรื่องกรรมและเมตตาผู้ป่วยให้ถูกวิธี เป็นต้น (บุคคลย่อมถึงแก่กรรมเพราะกรรม เพราะกรรมของเขาเอง ไม่มีใครทำ หรือช่วยได้) ควรมีเมตตา ให้กำลังใจ อยู่เป็นเพื่อน พูดในสิ่งที่จะทำให้เขาสบายใจ ไม่กังวลใจแต่ต้องฉลาดพูด (ไม่โกหก) ความจริงบางอย่างเลี่ยงได้ด้วยการไม่กล่าว เป็นต้น.
ผู้หนึ่ง กำลังจะจากผู้เป็นที่รักไป
ผู้หนึ่ง ผู้เป็นที่รักกำลังจะจากไป
ใครทุกข์กว่าใคร?
แล้วแต่ว่า ใครจะมีความยึดติด ความผูกพัน มากกว่ากัน ยึดมาก ผูกพันมากติดมาก ก็ย่อมทุกข์มากกว่าเป็นธรรมดา