ผมสงสัยวินัยทางพระครับ
ตอนผมบวชนั้นมีวินัยข้อหนึ่งที่เป็นอาบัติปาจิตตีย์ว่าห้ามแสดงธรรมอนุสัมปันเกิน ๖ หรือ ๗ คำถ้ากระทำต้องปาจิตตีย์ แล้วตอนที่กระผมอยู่ในเพศบรรพชิตในตอนที่ กระผมบินฑบาตญาติโยมตักบาตรเสร็จแล้วพระก็ ให้พร "อภิวาททะนะศรี ลิสละนิจจัง ... อายุ วรรโน สุขัง พะลัง" ถือว่าต้องอาบัตหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับที่ทำ ให้กระจ่าง
การสวดคำบาลีหรือพูดเสียงดังเมื่ออยู่ในละแวกบ้าน หรือเมื่อตนยืนอยู่แสดงธรรมกับผู้นั่งอยู่ เป็นต้น เป็นอาบัติทุกกฏคือผิดสิกขาบทในเสขิยวัตร
ขอกรุณาอธิบายเพิ่มเติมอาบัติแต่ละอย่างพร้อมความหมายของอาบัตินั้น เช่น อาบัติทุกกฏ อาบัติปาจิตตีย์ หมายถึงอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร และท่านมีการปลงอาบัติหมายถึงอย่างไร หากไม่ปลงอาบัติจะมีผลอย่างไร
ขอบพระคุณครับ
การปลงอาบัติหรือแสดงอาบัติ หมายถึง การแก้ไขโทษในการก้าวล่วงพระบัญญัติถ้าหากไม่แก้ไขเมื่อมีการก้าวล่วงพระบัญญัติ (ไม่ปลงอาบัติ) จะเป็นอันตรายต่อการบรรลุคุณธรรมเบื้องสูงและเป็นอันตรายต่อสวรรค์ คือ กั้นการบรรลุมรรคผลและเป็นเครื่องกั้นการเกิดในสวรรค์และสุคติภพ
กราบเรียน ท่าน อ.สุจินต์
ผมได้บวชเมื่อมีอายุได้ 25 ปี เนื่องจากลางานมาและไม่มีเวลาได้ศึกษาจากพระวินัย จึงไม่แน่ใจว่า ผมอาจจะต้องอาบัติปาราชิกหรือไม่? จึงอยากจะสอบถามจาก อ. ดังนี้
1. หลังจากงานบวชผ่านไปแล้ว ญาติท่านหนึ่งที่เป็นอา ได้นำรูปถ่ายหมู่มาให้ดูและ ผมได้แอบเอาเก็บไว้ดู 1 ใบ อาของผมยังไม่ทราบเลยจนบัดนี้ สาเหตุที่เก็บรูป ไว้เพื่อเอาไว้ดูเป็นที่ระลึก แต่ไม่กล้าขอเพราะกลัวอาไม่ให้ หลังจากนั้นได้มี เวลาศึกษาจากพระไตรปิฎก ผมอ่านแล้วไม่แน่ใจ ว่าตนเองต้องอาบัติปาราชิก ด้วยหรือไม่? มีผลอย่างไร?
2. ถ้าต้องอาบัติปาราชิกแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไรครับ ยังสามารถปฏิบัติสมถะ หรือวิปัสสนาได้หรือไม่?
จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ช่วยตอบเพื่อคลายความสงสัยของผมด้วยครับ
จากเหตุการณ์ที่ท่านเล่ามา อาจจะไม่เป็นอาบัติอะไรเลยก็ได้ เพราะอยู่ที่เจตนาถ้าเก็บเอารูปโดยไม่มีเจตนาขโมย เพราะท่านเป็นผู้มีส่วนเจ้าของรูปภาพนั้นอย่างหนึ่ง หรือถ้ามีเจตนาขโมยจริงๆ รูปภาพนั้นมีมูลค่าเล็กน้อย ไม่ถึงกับต้องอาบัติปาราชิก เป็นเพียงอาบัติเล็กน้อยเท่านั้น อาบัติเล็กน้อยเหล่านี้ ถ้าผู้ต้องไม่อยู่ในเพศบรรพชิต คือ เป็นฆราวาสแล้วก็ไม่มีอาบัติ แต่ถ้ากลับเข้าไปบวชเป็นพระใหม่ ต้องแสดงคืน (ปลงอาบัติ)