บ้านนี้..มีธรรมะ (บ้านคุณหญิง ณพรัตน์ ฯ)
บ้านนี้ ... มีธรรมะ
บ้านคุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
ย้อนหลังไป เมื่อวันเสาร์แรกของเดือน พฤศจิกายน ๒๕๓๘ ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน เมืองทองนิเวศน์ ๑ เป็นครั้งแรกที่ได้มาฟังการสนทนาธรรม ตามคำบอกเล่าของเพื่อนรักว่า ท่านอาจารย์สุจินต์ จะมาสนทนาธรรมที่บ้านนี้ และใครจะไปฟังก็ได้ เมื่อมาถึงหน้าบ้านจึงได้เห็นว่า ประตูใหญ่ของบ้านหลังนี้ เปิดกว้างสำหรับทุกท่านผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และ แสวงหาทางที่ถูก และตรง
ขณะที่เดินเข้าไปในบริเวณบ้านที่มีสนามหญ้ากว้าง และสวนที่จัดไว้อย่างสวยงาม ก็นึกอยู่ในใจว่า ทำไมท่านเจ้าของบ้าน จึง "ให้" ได้มากมายอย่างนี้ ทำไมท่านจึงมีเมตตาต่อคนอื่นได้มากอย่างนี้
ท่านให้ ... โดยไม่มีข้อแม้ หรือเงื่อนไขใดๆ
ให้ ... แม้คนที่ท่านไม่เคยรู้จัก
ให้ ... โดยไม่หวาดระแวง แม้คนแปลกหน้าทุกคนที่เข้ามา
ให้ ... แก่ใครก็ได้ ที่เข้ามาเพื่อแสวงหาปัญญา
ให้ ... เพื่อเขาเหล่านั้นได้มีโอกาสฟังพระธรรม และขัดเกลากิเลส
ก่อน ๙.๐๐ น ถ้าใครมาเช้า อาหารเช้าจะถูกจัดเตรียมไว้พร้อม เพื่อทุกคนได้บริการตนเอง ด้วยบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยเมตตา และอบอุ่น จากการต้อนรับของท่านเจ้าของบ้าน แม้ว่าจะมาเป็นครั้งแรกก็รู้สึกอุ่นใจ
การสนทนาธรรม เริ่ม ๙.๐๐ น ในห้องกว้างที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบ และสัปปายะ ควรแก่การฟังธรรม คุณหญิง ณพรัตน์ กล่าวต้อนรับผู้ที่มาฟังธรรมทุกท่าน และขอให้ได้รับประโยชน์ในการฟังพระธรรม อย่าปล่อยให้ขณะล่วงไป จะเข้าใจมากบ้าง น้อยบ้าง ก็ตามกำลังปัญญาของแต่ละคน นั่นคือ สิ่งที่ท่านตั้งใจ "ให้" และผู้ที่ให้ความรู้ทางธรรมที่นอกจาก ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ก็ยังมีท่านอาจารย์สมพร ศรีวราทิตย์ คุณอดิศักดิ์ และคุณลุงนิภัทร ส่วนวิทยากรดำเนินรายการ ก็ผลัดเปลี่ยนกันไป
ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การฟังธรรมครั้งแรกจะประทับใจ ปีติ โสมนัส ได้มากมายอย่างนี้ ยุคสมัยนี้ แม้มิใช่กาลสมัยที่จะได้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ แต่ทุกถ้อยของพระธรรม ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ และผู้ร่วมสนทนาท่านอื่นได้สนทนากันนั้น ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟังจากที่ใดมาก่อน ยิ่งฟัง ยิ่ง ตรองตาม ก็สมจริงดังคำที่มีกล่าวไว้ใน จังกีสูตร ว่า
"เหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือ ตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุ จักเห็นรูป ฉะนั้น"
ครั้นถึงเวลาพักเที่ยง อาหารกลางวันทั้งคาวและหวาน จัดเตรียมอย่างประณีต พร้อมสำหรับทุกคนรับประทานตามอัธยาศัย ก่อนจะเข้าห้องสนทนาธรรมอีกครั้งในช่วง ๑๓.๐๐ น
การสนทนาธรรมช่วงบ่ายจบลง ด้วยการกล่าวอุทิศกุศลที่บำเพ็ญแล้ว ในวันนั้น เดินออกจากบ้านคุณหญิงฯ ด้วยความสว่าง เบา สบาย เพื่อรอคอยวันเสาร์แรกของเดือนต่อไป
ธรรมทั้งหลาย ไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลาย เป็นทุกข์ ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา
แม้บัดนี้ การสนทนาธรรมที่บ้าน คุณหญิงณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา จะปิดลงแล้ว ตามเหตุ ตามปัจจัย เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๔๗ แต่ ...
คราใดที่ผ่านหมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ ๑
คราใดที่นึกถึงเขาเต่า
และ คราใดที่ได้ฟัง "ปกิณณกธรรม"
ครานั้น ความทรงจำในมหากุศลญาณสัมปยุตต์ ของท่าน ยังคงชัดเจนในใจตลอดไป ...
กราบเท้า ... คุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ... ผู้ให้บ้านพักใจ
ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ ... จาก ... "ผู้มืดมา" ...
ขออนุโมทนาอย่างมากครับ ที่ได้เผยแพร่พระธรรมที่ถูกต้อง ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยและขอเคารพในคุณธรรมและความดีของคุณหญิง มา ณที่นี้ครับ นึกคำนี้ได้ ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
ไม่เฉพาะที่กรุงเทพเท่านั้น ที่ท่านเปิดบ้านเป็นเวทีธรรม บ่อยครั้งที่เชียงใหม่ ท่านกรุณาเปิดบ้านที่ทุ่งเสี่ยวเป็นที่สนทนาธรรม บ้านที่ทุ่งเสี่ยวเคยเป็นที่ประทับของเจ้าดารารัศมีมาก่อน สิ่งที่ประทับใจมากคือ ท่านเป็นกันเองมาก พูดคุยเหมือนคนรู้จักกัน ทั้งที่เห็นกันเพียงครั้งแรก ท่านเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมมากจริงๆ ทั้งการกระทำและคำพูด พูดถึงท่านทีไรนึกถึงความหยาบของตนเองทุกที่.......
ขออนุโมทนาคุณ pannipa.v ในความทรงจำที่ประทับใจ
เคยไปบ้านท่านที่ทุ่งเสี้ยวสองครั้งยังคงประทับใจในความเมตตาของท่านเสมอมา
ขออนุโมทนาค่ะ
มีโอกาสได้เคยตามคุณพ่อไปตอนยังเล็กๆ แต่ว่าจำไม่ค่อยจะได้ เท่าที่พอนึกได้ก็คือหน้าบ้านคุณหญิงมีสระน้ำใหญ่ๆ ใช่ไหมคะ? ขอกราบท่านในความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ค่ะ
ขอโอกาสเพิ่มเติมจากกระทู้เดิม
เนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๗ เม.ย.๕๑ หลังจากกลับจากมูลนิธิฯ แล้ว ถือโอกาสกราบเยี่ยม คุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ.อยุธยา ที่บ้านท่าน เพราะคุณประพันธ์ ธรรมจีรัง ฝากของไปให้คุณหญิงด้วย ก็เลยได้ทั้งประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน
คุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ.อยุธยา นอกจากจะได้เคยเปิด บ้านของท่านให้เป็นสถานที่ สนทนาธรรม ดังที่เคยกล่าวแล้ว กุศลในพุทธศาสนาต่างๆ ท่านได้กระทำแล้วอีกมากมาย การบริจาคเงินสร้างห้องพักผู้ป่วย และบริจาคเครื่องล้างไตให้ รพ. โดยที่ไม่เคยประกาศชื่อของท่านเลย
คุณหญิง เป็นผู้มีเมตตาสูงมาก ถ้าใครที่เคยไปบ้านเมืองทอง ๑ จะจำได้ว่า ท่านจะมีบริวารที่อยูกับท่านเป็นจำนวนมาก คนเหล่านั้นอยู่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ จนมาถึงลูกและหลาน ท่านเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ปกป้องคุ้มภัยนก กา ที่ได้อาศัย
การไปกราบเยี่ยมท่านวันนี้ ท่านดูสดใส พูดคุยถึงเรื่องเก่าๆ อย่าง สนุกสนาน ถามถึงคนที่ท่านเคยรู้จัก ของฝากที่คุณประพันธ์ ธรรมจีรังฝากไปให้ท่าน คือ กรอบบรรจุภาพพระบรมสารีริกธาตุ ถูกใจท่านมาก
ป้าจายก็ไปด้วย ท่านยังจำได้ว่า ป้าจายเป็นคนทำปุ๋ยชีวภาพ ที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะเป็นการนำเศษอาหารมาทำประโยชน์อย่างดีมาก
ถ้าการคบบัณฑิต เป็นมงคลหนึ่ง ในมงคล ๓๘ ประการ การได้พบ ได้รู้จักบุคคลเยี่ยง คุณหญิงณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ.อยุธยา ก็คือมงคลหนึงในชีวิตที่เดียว
ณ.วันนี ด้วยวัย ๙๑ ปีของท่าน แม้สุขภาพร่างกายจะเสื่อมไปบ้าง ตามสมุฏฐานทั้ง ๔ ท่านต้องล้างไตอาทิตย์ละ ๒ ครั้ง แต่จิตใจของท่าน เข้มแข็ง และมั่นคงในพระธรรม และในเรื่องของการเจริญกุศลทุกประการ
ปัจจุบัน คุณหญิงณพรัตน์ วางภาระกิจทุกอย่าง พักผ่อนอย่างมีความ สุขอยูกับลูกชายคนเดียวของท่าน ท่านบอกว่า "ดิฉันมีความสุขมาก ไม่ต้องทำอะไรเลย มีเวลาฟังธรรมของท่านอาจารย์ อ่านธรรมที่พี่หงวน ถอดเทป เดินออกกำลังบ้าง มีความุขมากจริงๆ " คำพูดของท่านทำให้ผู้ที่ไปเยียมท่านวันนั้น กลับบ้านอย่างมีความสุขด้วยเช่นกันค่ะ.....
กราบอนุโมทนา...ในกุศลทุกประการของ...
คุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ.อยุธยา
ขอกราบอนุโมทนาคุณหญิงนพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยาค่ะ
ขออนุโมทนา K Pannipa.v
อนุโมทนาค่ะ ที่ให้ป้าได้มีโอกาสตามคุณติ๋ว เข้าไปกราบท่านด้วย รู้สึกดีใจ และหายห่วงเลยค่ะ เพราะกังวลเรื่องความป่วยไข้ของท่านไม่น้อย ปรากฏว่า ท่านแข็งแรง และแจ่มใสมากกว่าที่คิดไว้ เพียงแต่การล้างไต สัปดาห์ละ 3 หน หนละ 4 ชั่วโมง ก็กินเวลาไม่น้อย หลังจากวันที่ล้างไต ท่านต้องนอนพักเกือบทั้งวันค่ะ ดีใจที่ท่านยังจำพูลทรัพย์คนทำปุ๋ยหมักชีวภาพได้ดี ท่านเคยขอให้ทำถังหมักให้ท่านหลายใบเชียวค่ะ
ท่านบอกกับพวกเราว่า อยากจะมาฟังธรรมที่มูลนิธิเหมือนกัน คิดว่า วันวิสาขบูชานี้ ท่านจะมาร่วมงานกับพวกเราด้วย ท่านมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ค่ะ
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่เกิดขึ้นมากตามการสะสมของคุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณอยุธยาและขอขอบคุณคุณติ๋ว ในความทรงจำในเรื่องราวที่ดีและเป็นประโยชน์นี้ บอกเล่าให้สหายธรรมได้ยินได้ฟังเกิดกุศลจิตและเป็นเหตุปัจจัยให้ปฏิบัติตามเมื่อการสะสมเหตุแห่งกุศลมาถึงพร้อม และต้องขอขอบพระคุณท่านอ.สุจินต์ที่ได้ดำริให้มีกระดานเล่าสู่กันฟังนี้ขึ้นมา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นประโยชน์ยิ่ง เพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของคนดี เป็นกุศลวิบากที่ได้รับทราบของสหายธรรมทุกท่านครับ
กราบอนุโมทนาครับ
ขอกราบอนุโมทนาคุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
และ ขออนุโมทนา พี่พรรณิภา วิมุกตานนท์ เจ้าของกระทู้ ด้วยครับ
พระสุตตันตปิฎกขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ หน้าที่ ๓๒๖
การแสดงก็ดี การกล่าวสอนก็ดี การสดับก็ดี ซึ่งธรรม เป็นของใหญ่ ด้วยประการฉะนี้. อนึ่ง บุคคลใดให้ทำการฟังธรรม, อานิสงส์เป็นอันมากก็ย่อมมีแก่บุคคลนั้นแท้.
คุณหญิง ณพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
เคยเห็นแต่ชื่อของท่านที่เป็นคณะกรรมการของมูลนิธิฯในหนังสือ เมื่อได้อ่านแล้ว ทำให้รู้ว่าท่านเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง สรรเสริญอย่างยิ่ง
ขอกราบบูชาคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตทั้งหลายของท่าน
และ ขออนุโมทนา พี่พรรณิภา วิมุกตานนท์ เจ้าของกระทู้นี้ด้วยค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของทั้งคุณหญิงณพรัตน์ และคุณพรรณิภา อ่านแล้วซาบซึ้งในพระคุณของคุณหญิงและผู้นำเสนอมากๆ
ขอกราบอนุโมทนาบุญที่เกิดจากการให้ในสิ่งที่เลิศของคุณหญิงนพรัตน์ด้วยค่ะและร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ไม่ตระหนี่แม้คำสรรเสริญ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบยินดีในกุศลของคุณหญิง ณพรัตน์ ครับ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณคุณหญิงนพรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และท่านเจ้าของกระทู้นี้
ดิฉันเคยไปที่บ้านคุณหญิงครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้พบท่านและไม่รู้จักใครเลย แต่ไปถึงก็ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ ก็มีคุณผู้ชายสูงอายุหน่อยออกมาเชิญให้เข้าไปนั่ง นั่งสักครู่ยังไม่ได้ฟังอะไรเลย ก็ยุติการสนทนา ดิฉันไม่ได้สอบถามอะไรใครก้กลับ พออีกสัปดาห์ไปอีก ปรากฏว่าบ้านปิด ดิฉันก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร กว่าจะมาพบมูลนิธิที่ซอยเจริญนคร 78 ก็ปีพ.ศ.2551 ได้ไปฟังครั้งสองครั้งเท่านั้น ต่อมาเสาร์-อาทิตย์ต้องทำงานจึงไม่ได้ฟังอีกเลย คงยังไม่ถึงเวลาที่จะได้รู้ความจริง
ขออนุโทนาในกุศลจิตของท่านคุณหญิงนพรัตน์และเจ้าของกระทู้ ทำให้ดิฉันได็เห็นรูปคุณหญิงและเรื่องราวมุมหนึ่งของท่าน