สติเป็นอนัตตา แต่มีหนทางปฏิบัติให้สติเกิดได้หรือ

 
lichinda
วันที่  30 เม.ย. 2551
หมายเลข  8496
อ่าน  3,225

สติ คือเจตสิกดวงหนึ่ง เกิดกับจิตที่เป็นกุศล ที่เป็นไปใน ทาน ศีล ภาวนาสติ ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ว่ากอรปด้วย รูป-นาม ไม่ใช่เราสติ เป็นอนัตตา บังคับให้เกิดไม่ได้ สติปัฏฐาน คือมรรค มีองค์แปด คือ หนทางปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

ขอถามบ้านธัมมะว่า แม้สติเป็นอนัตตา แต่มีหนทางปฏิบัติให้สติเกิดได้หรือถ้าสติเกิดกับจิตที่เป็นกุศล ถ้าสร้างกุศล สติก็เกิดได้ใช่ไหมครับเราบังคับให้สติเกิดโดยการทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้ไหมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

แม้สติเป็นอนัตตา แต่มีหนทางปฏิบัติให้สติเกิดได้หรือก่อนอื่นให้เข้าใจว่า สติมีหลายระดับเพราะขณะที่กุศลเกิดมีสติเกิดร่วมด้วย โดยในที่นี้ หมายถึง สติที่เป็นระดับสติปัฏฐาน ที่รู้ความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ธรรมทั้งหลายมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น สติปัฏฐานก็มีเหตุให้เกิดขึ้นเช่นกัน คือ ฟังให้เข้าใจในเรื่องสภาพธรรมว่า ธรรมคืออะไร อยู่ในขณะไหน เป็นต้น จนมีความจำที่มั่นคงจริงๆ ว่าเป็นธรรม จึงเป็นปัจจัยให้สติเกิดครับ แต่ต้องอาศัยเวลาและยาวนาน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ถ้าสติเกิดกับจิตที่เป็นกุศล ถ้าสร้างกุศลสติก็เกิดได้ใช่ไหมครับ

ถ้ากุศลเกิด สติเจตสิกก็เกิดร่วมด้วย ขึ้นอยู่ว่าเป็นกุศลประเภทใดระดับใด แต่ไม่ใช่สร้างขึ้นมาแต่เพราะมีเหตุปัจจัยกุศลจึงเกิดขึ้นได้ครับ ไม่ลืมคำว่าอนัตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

เราบังคับให้สติเกิดโดยการทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาได้ไหมครับ
บังคับไม่ได้ครับ เป็นอนัตตา บางครั้งก็คิดจะให้ บางครั้งก็ไม่ให้ บางครั้งก็เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล บางครั้งก็ล่วงศีล และส่วนใหญ่ก็หลงลืมสติ อกุศลและกุศลมีปัจจัยก็เกิดขึ้น บังคับไม่ได้ครับ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Sam
วันที่ 1 พ.ค. 2551

ประเด็นสำคัญของคำถามคือ ความคิดว่า "เรา" ครับ เมื่อความเข้าใจขั้นการฟังยังไม่เป็นปัจจัยพอให้รู้ว่า ธรรมะเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ ของเรา อย่างไร ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความรู้สึกว่ามี "วิธีการ" หรือความสามารถใน การ "ทำ" เช่น (เรา) ทำกุศล (เรา) ให้ทาน (เรา) รักษาศีล (เรา) ฟังธรรม สติ (ของเรา) เกิดปัญญา (ของเรา) เจริญขึ้น ฯลฯ ซึ่งจริงๆ แล้ว ธรรมะเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ตามเหตุ ปัจจัย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

นอกจากนี้ ดูเหมือนหลายท่านสนใจสติ ประสงค์จะให้สติเกิดบ่อยๆ โดยที่ไม่เข้าใจ ว่าสติปัฏฐานนั้นมีปัญญาขั้นการฟังเป็นปัจจัยทำให้เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดด้วยความต้อง การ หรือการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ผิดปรกติจากชีวิตประจำวัน

ปัญญาหรือความเข้าใจเติบโตช้า โดยต้องอาศัยความเข้าใจที่สะสมมาแล้ว การฟัง พระธรรมอย่างละเอียด การพิจารณาอย่างรอบคอบ และต้องมีท่านผู้รู้คอยแนะนำและตอบข้อซักถาม หากจะมีสักหนทางหนึ่งให้เกิดปัญญาความเข้าใจ หนทางนั้นคือ การฟังพระธรรมต่อ ไปครับ และก็อย่าลืมว่าขณะที่สติปัฏฐานไม่เกิดหรือยังเกิดไม่บ่อยนั้น ควรเจริญกุศล ทุกประการ

เชิญศึกษาเพิ่มเติมที่นี่ครับ มุ่งเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว ไม่พอ 7120

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 1 พ.ค. 2551

เพราะสติเป็นอนัตตา จึงต้องสะสมเหตุปัจจัยเพื่อให้สติเกิดบ่อยๆ เหตุปัจจัยในที่นี้คือธรรมที่เป็นโสภณธรรมทั้งหมด โดยมีสัมมาทิฏฐิเป็นประธานซึ่งต้องอาศัยการอบรม

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 1 พ.ค. 2551

ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยจึงเกิด เราบังคับให้สติเกิดไม่ได้ แม้สติเองก็เป็นอนัตตา อาศัยการฟังธรรมบ่อยๆ ทำให้ปํญญาและกุศลอื่นๆ เจริญขึ้นค่ะ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญาก็จะละกุศลที่เป็นไปในวัฏฏะ และเจริญกุศลเพื่อออกจากวัฏฏะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
บักกะปอม
วันที่ 1 พ.ค. 2551

ขออนุโมทนาวิทยากรทุกท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 3 พ.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ก.ไก่
วันที่ 30 ส.ค. 2564

สาธุ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ