ธรรมขาว ธรรมดำ ธรรมไม่ดำไม่ขาว [ฉฬาภิชาติยสูตร]

 
แล้วเจอกัน
วันที่  30 เม.ย. 2551
หมายเลข  8499
อ่าน  3,037

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 723

ข้อความบางตอนจาก....

ฉฬาภิชาติยสูตร

...................................................................ดูก่อนอานนท์ ก็เราแลจะ

บัญญัติชาติ ๖ ประการ เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระอานนท์

ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์

ก็ชาติ ๖ เป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีชาติดำ ประพฤติ

ธรรมดำ ๑ บางคนมีชาติดำ ประพฤติธรรมขาว ๑ บางคนมีชาติดำ บรรลุ

นิพพานที่ไม่ดำไม่ขาว ๑ บางคนมีชาติขาว ประพฤติธรรมดำ ๑ บางคนมี

ชาติขาว ประพฤติธรรมขาว ๑ บางคนมีชาติขาวบรรลุนิพพานที่ไม่ดำไม่ขาว ๑.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ดูก่อนอานนท์ ก็บุคคลผู้มีชาติดำ ประพฤติธรรมดำเป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดในสกุลต่ำ คือ สกุลจัณฑาล สกุลพรานป่า

สกุลช่างจักสาน สกุลทำรถ สกุลเทหยากเยื่อ ซึ่งยากจน มีข้าวน้ำโภชนะน้อย

เป็นอยู่ฝืดเคือง ได้อาหารและเครื่องนุ่งห่มโดยยาก และเขาผู้นั้นเป็นผู้มี

ผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ ขี้โรค ตาบอด ง่อย กระจอก

เป็นอัมพาต ไม่ได้ข้าวน้ำเครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม

เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ เครื่องประทีป เขายังประพฤติทุจริตด้วยกาย

ด้วยวาจา ด้วยใจ ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว

เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูก่อนอานนท์ บุคคลมี

ชาติดำ ประพฤติธรรมดำอย่างนี้แล.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ดูก่อนอานนท์ ก็บุคคลผู้มีชาติดำ ประพฤติธรรมขาวเป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เกิดในสกุลต่ำ คือ สกุลจัณฑาล สกุล

พรานป่า สกุลช่างจักสาน สกุลทำรถ สกุลเทหยากเยื่อ ซึ่งยากจน มีข้าวน้ำ

โภชนะน้อย เป็นผู้ฝืดเคือง ได้อาหารและเครื่องนุ่งห่มโดยยาก และเขาผู้นั้น

เป็นผู้มีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ ขี้โรค ตาบอด ง่อย กระจอก

เป็นอัมพาต ไม่ได้ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม

เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ เครื่องประทีป แต่เขาประพฤติสุจริตด้วยกาย

ด้วยวาจา ด้วยใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว เมื่อ

ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดูก่อนอานนท์ บุคคลมีชาติดำ ประ-

พฤติธรรมขาว อย่างนี้แล.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ดูก่อนอานนท์ ก็บุคคลผู้มีชาติดำ บรรลุนิพพานที่ไม่ดำไม่ขาว

เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เกิดในสกุลต่ำ ฯลฯ มีผิวพรรณ

ทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระ เขาปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะออกบวช

เป็นบรรพชิต เขาบวชแล้วอย่างนี้ ละนิวรณ์ ๕ ประการ อันเป็นเครื่อง

เศร้าหมองใจซึ่งทำปัญญาให้ทุรพล เป็นผู้มีจิตตั้งอยู่ด้วยดีในสติปัฏฐานทั้ง ๔

เจริญโพชฌงค์ ๗ ตามความเป็นจริง แล้วได้บรรลุนิพพานอันไม่คำไม่ขาว

ดูก่อนอานนท์ บุคคลมีชาติดำ บรรลุนิพพานอันไม่ดำไม่ขาวอย่างนี้แล.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ดูก่อนอานนท์ ก็บุคคลผู้มีชาติขาว ประพฤติธรรมดำเป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมเกิดในสกุลสูง คือ สกุลกษัตริย์มหาศาล

สกุลพราหมณ์มหาศาล สกุลคฤหบดี มหาศาล ซึ่งมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก

มีทองและเงินมาก มีอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจมาก มีทรัพย์ คือ ข้าวเปลือกมาก

และเขาผู้นั้นเป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยผิวพรรณงามยิ่ง

ได้ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้

ที่นอน ที่อยู่ เครื่องประทีป เขาประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ

ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึง

อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูก่อนอานนท์ บุคคลมีชาติขาว ประพฤติธรรม

ดำ อย่างนี้แล.

ดูก่อนอานนท์ ก็บุคคลผู้มีชาติขาว ประพฤติธรรมขาว เป็นอย่างไร

คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เกิดในสกุลสูง ฯลฯ เขาประพฤติสุจริตด้วยกาย

ด้วยวาจา ด้วยใจ ครั้นประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจแล้ว เมื่อ

ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์ ดูก่อนอานนท์ บุคคลมีชาติขาว ประ-

พฤติธรรมขาว อย่างนี้แล.

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 30 เม.ย. 2551

ดูก่อนอานนท์ ก็บุคคลผู้มีชาติขาว บรรลุนิพพานอันไม่ดำไม่ขาว

เป็นอย่างไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เกิดในสกุลสูง ฯลฯ เขาปลงผม

และหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต เขาบวชแล้วอย่างนี้

ละนิวรณ์ ๕ ประการ อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ ทำปัญญาให้ทุรพล

เป็นผู้มีจิตตั้งอยู่ด้วยดีในสติปัฏฐานทั้ง ๔ เจริญโพชฌงค์ ๗ ตามความเป็นจริง

แล้วได้บรรลุนิพพานที่ไม่ดำ ไม่ขาว ดูก่อนอานนท์ บุคคลมีชาติขาว

บรรลุนิพพานอันไม่ดำ ไม่ขาว อย่างนี้แล.

ดูก่อนอานนท์ ชาติ ๖ นี้แล.

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 30 เม.ย. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 8 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 8 ก.ย. 2551

ขอเรียนถามท่านวิทยากรค่ะ ผู้ที่มีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เป็นคนแคระออกบวชได้

ส่วนผู้ที่ขี้โรค ตาบอด ง่อย กระจอก เป็นอัมพาต ไม่สามารถจะบวชได้ใช่ไหมค่ะ

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
prachern.s
วันที่ 8 ก.ย. 2551

เรื่องผู้ที่มีศรัทธาที่เข้ามาบวชเป็นบรรพชิตนั้น พระอุปัชฌาย์จะเป็นผู้พิจารณาว่า

จะให้บวชหรือไม่ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามพระวินัยบัญญัติ สำหรับคนที่พิการทางร่างกายที่เห็นชัด เช่น ตาบอด หูหนวก เป็นใบ้ แขนขาขาด ปาก จมูกแว่ง เป็นง่อย เป็นโรคร้ายแรง เป็นต้น บวชไม่ได้แน่นอน แต่บางคนผิวดำมากๆ หรือเป็นคนแคระ เป็นต้น ก็ต้องพิจารณาอีกว่ามากแค่ไหน ถ้าเป็นมากจริงๆ ก็บวชไม่ได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 9 ก.ย. 2551

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ prachern.s และขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
opanayigo
วันที่ 10 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
opanayigo
วันที่ 10 ต.ค. 2551
เหตุใด ดำมากๆ เป็นคนแคระจึงบวชไม่ได้ค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ