กิเลสย่อมเจริญกับผู้ที่คอยเพ่งโทษ [เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔-หน้าที่ 60
๑๑. เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ [๑๙๒]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระ
รูปหนึ่งชื่อ อุชฌานสัญญี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ปรวชฺชานุ-
ปสฺสิสฺส" เป็นต้น.
คุณวิเศษไม่เกิดแก่ผู้เพ่งโทษผู้อื่น
ได้ยินว่า พระเถระนั้นเที่ยวแส่หาแต่โทษของภิกษุทั้งหลายเท่านั้น
ว่า " ภิกษุนี้ ย่อมนุ่งอย่างนี้, ภิกษุนี้ ย่อมห่มอย่างนี้." พวกภิกษุ
กราบทูลแด่พระศาสดาว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเถระชื่อโน้น ย่อม
กระทำอย่างนี้."
พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในข้อวัตรกล่าว
สอนอยู่อย่างนี้ ใครๆ ไม่ควรติเตียน, ส่วนภิกษุใด แสวงหาโทษของ
ชนเหล่าอื่น เพราะความมุ่งหมายในอันยกโทษ กล่าวอย่างนี้แล้วเที่ยวไป
อยู่, บรรดาคุณวิเศษมีฌานเป็นต้น คุณวิเศษแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เกิด
ขึ้นแก่ภิกษุนั้น. อาสวะทั้งหลายเท่านั้น ย่อมเจริญอย่างเดียว" ดังนี้แล้ว
จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
"อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ผู้คอย
ดูโทษของบุคคลอื่น ผู้มีความมุ่งหมายในอันยกโทษ
เป็นนิตย์, บุคคลนั้น เป็นผู้ไกลจากความสิ้นไปแห่ง
อาสวะ."
แก้อรรถ
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุชฺฌานสญฺิโน ความว่า บรรดา
ธรรมทั้งหลายมีฌานเป็นต้น ธรรมแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เจริญแก่บุคคลผู้
ชื่อว่ามากไปด้วยการยกโทษ เพราะความเป็นผู้แส่หาโทษของชนเหล่าอื่น
ว่า "ควรนุ่งอย่างนั้น, ควรห่มอย่างนี้" เป็นต้น โดยที่แท้อาสวะทั้งหลาย
ย่อมเจริญ; เพราะเหตุนั้น บุคคลนั้น จึงชื่อว่าเป็นผู้อยู่ไกล คือแสนไกล
จากความสิ้นไปแห่งอาสวะ กล่าวคือพระอรหัต.
ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ จบ.