แม้มีจริงก็เข้าใจยาก
สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม
ที่มูลนิธิฯวันอาทิตย์ที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๐
อรวรรณ อย่างท่านอาจารย์ถามว่า ฟันมีไหม ปอดมีไหม จากการฟังขั้นเข้าใจก็รู้ว่าไม่มี เป็นเพียงสัจธรรมที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เมื่อปรากฏแต่เราไปจำว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดและท่านอาจารย์ก็จะถามบ่อยมากว่า ฟันมีไหม ก็ตอบได้ จากการฟังแล้วว่าไม่มี แต่จริงๆ ความที่ยังเป็น สิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ไปจำว่ามี ไม่ยอมลบความจำ จริงๆ แล้วคำถามจะถาม เราฟังไม่เหมือนท่านอาจารย์ฟัง ไม่สามารถจะจำใหม่ หรือเข้าใจใหม่ได้ ทุกอย่างเป็นธรรม เกิดปรากฏแล้วก็ดับไป อาจารย์ก็อธิบายว่า มันไม่มีจริงๆ ไม่ทราบว่าฟังผิด หรือไม่เข้าใจจริงๆ ยังไง
อาจารย์ แล้วเป็นจริงหรือเปล่า ว่าเป็นธรรมะที่ปรากฏ แต่ละทางเกิดและดับไปแล้ว ก็เป็นการคิดนึก เรื่องราวของสัจธรรมนั้น จนปิดบังการเกิดดับของสัจธรรมที่มีจริงๆ เข้าใจขั้นฟัง ความเข้าใจนี้ถูกใช่ไหมคะ สามารถประจักษ์ความจริงได้ไหม เมื่อเป็นจริง แล้วจะมีปัญญาอย่างนั้นได้เมื่อไร
อรวรรณ ก็ต้องอบรมให้มากพอ
อาจารย์ เมื่อไรไม่มี ก็แสดงว่าไม่พอ ที่สติสัมปชัญญะจะรู้ตรงลักษณะนั้น ก็อบรมต่อไป มิฉะนั้น จะเข้าใจความหมายของวิริยะบารมีไหมคะ ไม่ไปเพียรทำอย่างอื่นเลย นอกจากเข้าใจสิ่งที่มีที่กำลังปรากฏ ซึ่งเข้าใจยาก แม้มีแม้จริงก็เข้าใจยาก เกิดดับสืบต่ออย่างเร็วมาก
อรวรรณ ตอนที่ใส่ใจฟัง แล้วสังเกต พิจารณา ก็อดทนฟัง แล้วก็มีวิริยะบารมี
อาจารย์ ขณะนั้นเป็นวิริยะแน่นอนค่ะ ไม่ใช่เราด้วย บารมีทั้งหมดก็ไม่ใช่เรา เป็นธรรมะฝ่ายดี ถ้าใช้คำว่า บารมีง่ายๆ ก็คือ ความดี วันนี้มีหรือยัง
อรวรรณ ไม่ไปเที่ยวแล้วมาฟังธรรม ก็น่าจะใช่
อาจารย์ ที่มูลนิธิฯ นี้มีต้นไม้ ดอกไม้สวยไหมคะ รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ค่อยๆ เข้าใจว่า เป็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็น แค่นี้เองค่ะ กี่ภพ กี่ชาติ ก็ปรากฏให้เห็น แต่ความคิด ความจำ เรื่องราวของสิ่งที่เห็น มากมายเหลือเกิน เป็นยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นลาภ เป็นสรรเสริญสุข สารพัดอย่างที่ติดข้องจากสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นแก้วแหวนเงินทอง เพชร นิล จินดา สารพัดอย่าง
อรวรรณ ถามไปถามมา ก็ลงที่อบรมฟัง
อาจารย์ ก็ใช่คะ หนทางอื่นไม่มีเลย เพราะว่าเป็นปัญญาความเห็นถูก
ก็กลับมาที่ค่อยๆ อบรมจากขั้นการฟัง สภาพธรรมมีจริงแต่เป็นปัญญาที่รู้ ปัญญาขั้นการฟังยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม ดังนั้นแม้สภาพธรรมมีจริงแต่ยากที่จะรู้ เพราะไม่ใช่เราที่จะไปรู้แต่เป็นสภาพธรมคือปัญญา ซึ่งต้องอาศัยการอบรมทีละเล็ก ละน้อยจากการฟังด้วยความอดทน
ขออนุโมทนาครับ
อาจารย์ ที่มูลนิธิฯ นี้มีต้นไม้ ดอกไม้สวยไหมคะ รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ ค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็น แค่นี้เองค่ะ กี่ภพ กี่ชาติ ก็ปรากฏให้เห็น แต่ความคิด ความจำ เรื่องราวของสิ่งที่เห็น มากมายเหลือเกิน เป็นยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นลาภ เป็นสรรเสริญสุข สารพัดอย่างที่ติดข้องจากสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นแก้วแหวนเงินทอง เพชร นิล จินดา สารพัดอย่าง
อรวรรณ ถามไปถามมา ก็ลงที่อบรมฟัง
อาจารย์ ก็ใช่คะ หนทางอื่นไม่มีเลย เพราะว่าเป็นปัญญา ความเห็นถูก
ไม่น่าเชื่อว่า แรกเริ่มที่ฟัง ท่านอาจารย์ก็พูดแบบเดียวกันนี้
ไม่น่าเชื่อว่า กี่ปี กี่ครั้ง กี่หน ท่านอาจารย์ก็พร่ำพูดอยู่แบบนี้
ไม่น่าเชื่อว่า ท่านจะมีขันติ วิริยะ ฯลฯ ที่จะพูดในสิ่งเดียวกันนี้
นานนนนนนนน นับสิบๆ ปี จะด้วยอะไร ถ้าไม่ใช่ความเมตตา ที่จะเกื้อกูลให้ปุถุชนเช่นเราๆ ทั้งหลายได้อบรมเจริญปัญญาเพื่อละทุกข์
แทบไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่า สิ่งที่ได้ฟังแล้วฟังเล่าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแบบนี้ กี่วันกี่เดือนกี่ปีมาแล้ว ทำไมถึงได้ละคลายยากยิ่งนัก ตัวตนของเรา ช่างหนาแน่นจริงๆ รู้ทั้งรู้ก็ยากที่จะละคลายโดยง่าย
ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าท่านอาจารย์จะมีความอดทนพากเพียรบรรยายในสิ่งเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานนนนน...ถึงเพียงนี้ ทำให้ยิ่งตระหนักว่า ความเพียรที่มีในการฟังและพิจารณาจนกว่าจะเข้าใจจนเป็นปัญญาเพื่อละคลายกิเลส ละคลายความเป็นตัวตนนั้น จักต้องใช้เวลาและความเพียรอีกยาวนานสักเพียงไหน
แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้จากขั้นการฟังว่า "ไม่มี ตัวตน สัตว์ บุคคลเลย" เป็นแต่ "ธรรม" เท่านั้น
ขอกราบอนุโมทนาครับ
การเข้าใจธรรมะจริงๆ เป็นเรื่องยากมากๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จึงต้องมีวิริยะและขันติที่จะฟังให้เข้าใจโดยการฟังแล้วฟังอีกบ่อยๆ เนืองๆ และพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่ได้ฟัง เพื่อค่อยๆ สะสมความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยโดยไม่ต้องหวังว่าจะรู้มากกว่าที่รู้และเข้าใจ เพราะจะเป็นเครื่องกั้นให้เนิ่นช้า เหตุย่อมสมควรแก่ผล ผลย่อมเกิดจากเหตุ
ฟังเพื่อความรู้ในสิ่งที่เคยไม่รู้มาก่อน แต่ขณะจดจ้องควรพิจารณาสภาพจิตขณะนั้น...ว่าจดจ้องเพื่ออะไร และตนเองเท่านั้นที่จะตอบได้ค่ะ
แม้มีจริงก็เข้าใจยาก
คำพูดนี้กำลังสรรเสริญพระปัญญาคุณขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจ เป็นจิรกาลภาวนา หากเข้าใจอย่างนี้ ขันติและวิริยะ เจตสิกก็จะเกิดขึ้นทำหน้าที่ เพราะมีความเข้าใจถูกในสภาพธรรม ครับ