ขอถามเรื่องผีปอบค่ะ
ผีปอบมีจริงหรือไม่ค่ะ และ ถ้าต้องอยู่ด้วยกันต้องทำอย่างไรค่ะ เราจะป้องกันตัวเองและลูกๆ จากปอบอย่างไรค่ะ
คำว่า ผีปอบ เป็นสมมติบัญญัติ มีเมื่อคิด สิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้คือ จิต เจตสิก รูปสำหรับชาวโลกทั่วไป ผีปอบ มีในหนัง ละคร นิยาย และมีตามคำร่ำลือเท่านั้นดังนั้นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือกิเลส ที่อยู่ภายในจิตของเรานี้เอง เพราะกิเลสเป็นต้นเหตุของสิ่งที่น่ากลัวและเลวร้ายทั้งหมดครับ
วิธีปัองกันอมนุษย์ ให้เป็นผู้มีปกติเจริญเมตตา เพราะอานิสงส์ของเมตตาเป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์ ไฟ หรืออาวุธ หรือ อมนุษย์ทั้งหลายก็ไม่ทำร้ายค่ะ
ถ้า คุณพยายาม มีความเชื่อเรื่องผีปอบจริงๆ ก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจ แสดงว่ากำลังมีความกังวลอย่างมาก ขณะเดียวกันถ้าคุณเชื่อเรื่องกรรม ก็ขอให้ความเชื่อเรื่องกรรมช่วยบรรเทาความทุกข์กังวลของคุณ
ถ้าบุคคลไม่มีกรรมเป็นของตน ก็ไม่มีสิ่งใดมาทำอะไรบุคคลนั้นได้ แต่ถ้ากรรมจะให้ผลจะหนีไปไหนก็หนีไม่พ้น ตั้งหน้าเจริญกุศลทุกประการไว้ตามที่ท่านอาจารย์มักกล่าวเตือน อะไรจะเกิดก็ต้องทำใจรับให้ได้ แม้ทำยากก็เป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ
ขณะที่กลัว ตกใจ กังวลใจ ก็เป็นธรรม ครับ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงก็เพื่อให้พุทธบริษัทมีความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ดังนั้น หนทางแห่งการศึกษาธรรม อบรมเจริญปัญญา จึงเป็นหนทางที่ประเสริฐ ครับ
ตอนนี้ไม่มีผีปอปปรากฏทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ทางใจก็กำลังคิดถึงคำว่า ผีปอปไม่ทราบว่าท่านผู้ถามเจอจริงๆ แล้วกลัว , ได้ยินมาแล้วกลัว , หรือเพียงกำลังคิดกลัวคำว่า "ผีปอป" ครับ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กว่านั้น คือ การรู้การเข้าใจความจริงที่เป็นปัจจุบัน เพราะจะช่วยให้เราคลายความกลัวได้ถูกจุด และไม่ต้องหวาดระแวงว่าใครจะเป็นปอป หรือไม่เป็นปอป ถ้าเราจะถูกอมนุษย์ทำร้ายจริงๆ ก็ต้องเป็นเพราะอกุศล-กรรมของเราเองให้ผลครับ ความกลัวในสิ่งที่ยังไม่มาถึง ไม่เป็นประโยชน์เลย เพราะทำให้จิตใจเศร้าหมอง เป็นไปด้วยอกุศล ควรใส่ใจพิจารณาความจริงที่มีในขณะนี้ครับผู้ที่ใช้ชีวิตโดยยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ ย่อมสบายใจกว่า ใช่ไหมครับ
ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอกครับ มีแต่อกุศลกรรมที่เราทำไว้แล้วเท่านั้นที่น่ากลัว เพราะสามารถให้ผลได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ใกล้หรือไกล แม้จะหนีเท่าไหร่ก็หนีไม่พ้นจริงๆ
มีเมื่อคิด ดังนั้นสิ่งที่คิดว่ามี ก็คือสภาพธรรมที่เห็นทางตา หู ...กาย ขณะหลับสนิทมีปอบไหม ขณะที่อ่านอยู่ ขณะนั้นมีสิ่งที่คิดว่ามีไหม ดังนั้นควรเข้าใจความจริงว่าสิ่งที่มีตามความเป็นจริงคือ จิต เจตสิก รูป สิ่งที่อยู่กับตัวเราคือความไม่รู้ ไม่รู้ว่ามีแต่ธรรม ไม่รู้ว่าอะไรมีจริง ดังนั้นขอให้ท่านผู้ตั้งกระทู้ได้ฉุกคิดในคำถามนี้ที่ว่า ขณะฉุกคิดในคำถามนี้ขณะนั้นมีปอบไหม?
ทำบุญกุศล รักษาศีล เจริญภาวนา อุทิศ ให้สัตว์ทั้งหลายถ้าอยู่กับผีปอมก็จัดหาไทยธรรม ไทยทานให้ผีปอปได้ทำบุญแนะนำให้รักษาศีล ๕
เคยทำงานที่จังหวัดอุบล ฯ ก็จ้างท่านหนึ่งเพื่อเลื่อยไม้มะเกลือเพื่อจะนำไปทำซอ แม่บ้านบอกว่าคนนี้เป็นผีปอบ ก็ออกจะงงๆ อยู่ก็คุยกันดีไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย แล้ววันหนึ่ง มีหมอผีบอกว่า บ้านนี้มีผีปอบ จึงทำการขับไล่ โดยการจ้างมา ปรากฏว่ามีสามสิบกว่าตัว ผมเองก็ไม่ได้ไปดูใกล้ชิด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ก็คุยกับหัวหน้าหัวหน้าบอกว่า เดี๋ยวนี้มีหมู่บ้านผีปอปแล้ว เพราะว่าคนที่ถูกกล่าวหานั้นมารวมตัวทำมาหากินในบ้านนั้น ก็เป็นช่องทางให้พวกมิจฉาชีพกล่าวร้ายคนอื่น
สำหรับคำแนะนำของทุกท่าน เป็นสิ่งที่ดีกับดิฉันมาก ดิฉันจะพยายามปฎิบัติและศึกษาให้ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่
ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
สำหรับคำแนะนำของท่านเป็นสิ่งที่ดีกับดิฉันมาก ดิฉันจะพยายามปฎิบัติและศึกษาให้ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่
ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
คุณพยายามครับ ถ้าบอกว่าคุณเกือบเป็นบ้าไปแล้ว สำหรับผมเองเป็นบ้าไปแล้วครับเป็นคนไข้จิตเภทของโรงพยาบาลศรีธัญญา แต่นี่ก็เจ็ดแปดปีมาแล้ว ถ้าจะเล่าก็เรื่องราวมันก็จะยืดยาวเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ผมต้องเดินทางไกลมาถึงปั๊มป์หนึ่ง เข้าไปดูที่กระจกใกล้ๆ ก็เป็นตัวเอง พอถอยหลังไปสองสามก้าวหน้าตาในกระจกกลายเป็นผีดิบไป ดูกี่ทีกี่ทีก็เป็นอย่างนี้นะครับ แล้วมีเรื่องราวที่พิสดารหลายอย่างเหมือนกัน แต่ถ้าเล่าให้หมอฟังคงอยู่โรงพยาบาลอีกนานนะครับ
ระลึกถึงกรรมเป็นของๆ ตนให้มั่น มีกรรมเป็นพวกพ้อง ถ้าไม่ใช่อดีตกรรมที่ทำไว้คงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตอนนั้นเองผมก็รู้ว่าโรคทางด้านจิต มันร้ายแรงกว่าโรคทางด้านกายนะครับ