แสวงหาความเข้าใจความจริง
การแสวงหามี 2 อย่าง คือ
1. แสวงหาทรัพย์
2. แสวงหาปัญญา
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การแสวงหามี ๒ อย่างอีกนัยหนึ่งคือ
๑. การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ
๒. การแสวงหาที่ประเสริฐ
การแสวงที่ไม่ประเสริฐ คือ ตัวเองมีความเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นธรรมดา มีความโศกเศร้าเป็นธรรมดา ก็ยังแสวงหาสิ่งที่มีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย และโศกเศร้าเป็นธรรมดาสิ่งนั้นคือ บุตร ภรรยา เงิน ทอง นา สวน ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริง คือ รูป เสียง กลิ่น รส...เป็นต้น นี่คือการแสวงหาที่ไม่ประเสริฐเพราะย่อมทำให้ติด และไม่พ้นไปจากสังสารวัฏฏ์
การแสวงหาที่ประเสริฐ คือ ตัวเองมีความเกิด แก่ เศร้าโศกเป็นธรรมดา แต่ก็แสวงหาพระนิพพาน หาทางหลุดพ้น คืออบรมปัญญาในด้วยความเห็นถูก เริ่มจากการฟังให้เข้าใจ ในเรื่องของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา เป็นการแสวงหาที่ประเสริฐ เพราะเป็นทางที่ดับกิเลสและสิ้นสังสารวัฏฏ์ จึงเป็นผู้ตรงว่ายังเป็นผู้แสวงหาและยินดีในการแสวงหาที่ไม่ประเสริฐแต่ก็แสวงหาทางประเสริฐด้วย ด้วยความเข้าใจทีละเล็กละน้อยในพระธรรม
เดิมก่อนได้ฟังธรรม แสวงหาโลภะ โทสะ โมหะ หลังจากที่ได้ฟังธรรม ด้วยความเข้าใจ แม้จะยังไม่มั่นคง เท่าที่พอจะแสวงหาได้ ในจิตที่เกิดดับ ความเห็นถูก ปัญญาที่เกิดทีละน้อยนิด ไม่ไหลไปตามกิเลส คงพอได้นะคะ
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
ขอขอบคุณ คุณ orawan.c ที่ตั้งกระทู้นี้และผู้ที่ให้รายละเอียดค่ะ เมื่อก่อนไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่ก็คงไม่สายที่จะทราบเดี๋ยวนี้ และจะพยายามศึกษาธรรมไปเรื่อยๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
แสวงหาความรู้ ความเข้าใจโลกที่ถูกต้องแท้จริงเพื่อปัญญา เพื่อการละทั้งหมด เพื่อการไม่ต้องแสวงหาอีกต่อไป และได้ทราบแล้วว่า ยังอีกยาวนาน จนไม่ต้องนับความเกิดและความตายยังต้องมีอีก ความแสวงหายังต้องมีอยู่จนกว่าจะเข้าใจจริงๆ ว่าทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา จึงฟังธรรมต่อไป และต่อๆ ไป ขออนุโมทนาค่ะ
เนื่องจากสั่งสมกิเลส สั่งสมอกุศลมามากในสังสารวัฏฏ์ ในชาติปัจจุบันนี้ ก็จะตั้งใจเป็นผู้สั่งสมเหตุใหม่ที่ดี คือ สั่งสมอบรมเจริญปัญญา ศึกษาธรรม ฟังธรรม ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาที่นานมาก แต่ก็จะเริ่มสั่งสม ครับ
...ขออนุโมทนาครับ...
แสวงหาความเห็นถูก แสวงหาสัจธรรม แสวงหาทางหลุดพ้น แสวงหาความไม่เกิด " แสวงหานิพพาน "
จิรกาลภาวนา
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา คุณอรวรณ ค่ะ หัวข้อนี้มีประโยชน์มากเลยค่ะ ผู้ไม่มีปัญญาในชีวิตประจำวันก็แสวงหาแต่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าใคร่ น่าพอใจ เมื่อได้สิ่งที่น่าพอใจก็ติดข้องชอบใจ เมื่อได้สิ่งที่ไม่พอใจก็ขุ่นข้องหมองใจ ในชีวิตประจำวันมีแต่กิเลสสะสมอยู่เรื่อยๆ เป็นเหตุให้วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ ผู้มีปัญญาย่อมแสวงหา ความหลุดพ้นจากทุกข์ในการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ ด้วยการแสวงหาหนทางเพื่อความหลุดพ้น ซึ่งมีอยู่หนทางเดียว คือการเจริญสติปัฏฐาน
จะต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม ให้เข้าใจพระธรรมโดยเฉพาะในชีวิตประจำวันอะไรเป็นธรรมะ ขณะนี้เดี๋ยวนี้ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นธรรมะก็ไม่มีหนทางไปถึงสติปัฏฐาน ในการอบรมเจริญปัญญาก็จะต้องเริ่มจากเดี๋ยวนี้ ตรงนี้มีธรรมะอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องไปแสวงหาจากที่อื่น ขณะนี้อะไรเป็นธรรมะ จากการศึกษาพระธรรมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเพียงจิต เจตสิก รูปเท่านั้น ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตน เราจึงต้องศึกษาจนเข้าใจถูกต้องเช่นรู้ว่าจิตเห็นขณะนี้เป็นธรรมะ สิ่งที่ถูกเห็นก็เป็นธรรมะไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ศึกษาจนเข้าใจความจริงแล้วน้อมไป เพื่อจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงธรรมะ จนกว่าสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งมีหนทางเดียวค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริงที่สามารถเข้าใจได้ก่อน ทั้งหกทวาร เช่น การเห็นก็ต้องเข้าใจถูกว่า ไม่ใช่เราที่เห็นเป็นเพียงสภาพธรรมะคือ จิตซึ่งเป็นประธานในการรู้แจ้ง อาจหาญร่าเริงที่จะเข้าใจธรรมด้วยความเบาสบายเพราะไม่มีเราจริงๆ