จิต เกิด-ดับ
การเกิด-ดับของจิตของแต่ละบุคคลนั้น เกิด-ดับไม่พร้อมกัน คือ ต่างคนก็ต่างจิต จิตที่เกิดก่อนย่อมดับก่อน จิตที่เกิดภายหลังย่อมดับทีหลัง จิตเกิดดับรวดเร็วมากไม่มีเครื่องมือใดๆ มาเทียบหรือวัดได้ เพราะรวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
จิต เป็นวิญญาณขันธ์ เกิดแล้วดับ จิต เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ ไม่มีจิตประเภทใดที่เกิดแล้วจะไม่รู้อารมณ์ เมื่อจิตแต่ละประเภทเกิดขึ้นขณะหนึ่งๆ จะมีอนุขณะ (ขณะย่อย) ๓ อนุขณะคือ ขณะที่เกิดขึ้น ขณะที่ตั้งอยู่ และขณะที่ดับไป
บุคคลที่เกิดมาในโลกนี้ ต่างจิตต่างใจ (ที่ใช้คำว่า นานาจิตตัง ดูเหมือนจะตรงทีเดียว) โลภมูลจิต (จิตมีโลภะเป็นมูล) เกิดขึ้นบ้าง โทสมูลจิต (จิตมีโทสะเป็นมูล) เกิดขึ้นบ้าง โมหมูลจิต (จิตมีโมหะเป็นมูล) เกิดขึ้นบ้าง กุศลจิตเกิดขึ้นบ้าง วิบากจิตเกิดขึ้นบ้าง สลับกันไปเป็นปกติในแต่ละวัน จะมีแต่เฉพาะกุศลจิตเกิดแต่เพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพียงแต่ว่า ในแต่ละวันของแต่ละบุคคล กุศลจะมากหรืออกุศลจะมากเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการสั่งสมมาของแต่ละบุคคล ดังนั้น จิตของแต่ละบุคคลในแต่ละขณะจึงไม่เหมือนกัน เกิดก็ไม่พร้อมกัน ดับก็ไม่พร้อมกัน เพราะเป็นคนละคนกัน ครับ (เพราะกรรมที่ได้กระทำมาแตกต่างกัน วิบากจิตจึงเกิดขึ้น ได้รับผลที่แตกต่างกัน)
เมื่อว่าโดยสรุปแล้ว ไม่มีจิตประเภทใดที่เกิดขึ้นแล้วไม่ดับ ครับ
จิตดวงหนึ่งดับไปเป็นปัจจัยให้จิตดวงหนึ่งเกิดขึ้น ฯลฯ ในโลกนี้ไม่มีอะไร รวดเร็วกว่าการเกิดดับของจิต เพียงแค่กระพริบตา รูปธรรม นามธรรม เกิดดับเร็วกว่านั้นอีกค่ะ
จิตใดเกิดขึ้นก่อนก็ดับก่อน รู้ที่จิตตัวเองไม่ใช่จิตคนอื่น ด้วยปัญญารู้ว่าเป็นนามธรรมและรูปธรรมก่อน ก่อนจะรู้ว่าเกิดดับ ปัญญาเป็นไปตามลำดับ จิตและเจตสิกเกิดดับรวดเร็วมาก
อนึ่ง เปรียบเหมือนว่า ต่อมน้ำย่อมเกิดและสลายตัวใน เพราะหยดน้ำนั้นๆ อยู่ได้ไม่นาน ฉันใด แม้เวทนาก็ฉันนั้น ย่อมเกิดและสลายตัวไป อยู่ได้ไม่นาน ในขณะชั่วลัดนิ้วมือเดียวเกิดแล้วตับไป นับได้แสนโกฏิครั้ง.