ยังเป็นเรา......
การที่จะละความเป็นเรานี้ มันช่างแสนยากจริงๆ ฟังธรรม อจ. สุจินต์ ก็เข้าใจอยู่ แต่ยังทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เช่น เวลาเดินให้รู้ว่าไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นเพียงวาโยธาตุที่เคลื่อนไหวไปเท่านั้น คนที่จะรู้แบบนี้ได้ต้องบวชเป็นพระใช่หรือไม่ เพราะเรายังเป็นปุถุชนอยู่คงทำไม่ได้ การละคลายตัวตน ความยึดมั่นถือมั่น จะสำเร็จได้หรือไม่อยู่ที่ใจเท่านั้นใช่หรือไม่
การที่จะละความเป็นเราได้โดยสมุจเฉท ต้องเป็นปัญญาระดับโลกุตรเกิดขึ้นจึงละได้ ปัญญาขั้นความเข้าใจ ขั้นศึกษา ขั้นพิจารณา ขั้นสติปัฏฐาน ย่อมละได้ชั่วขณะเท่านั้นหลังจากนั้นก็เหมือนเดิม แม้คฤหัสถ์ที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน ก็มีปัญญาละการยึดถือในรูปนามขันธ์ห้าว่าเป็นตัวตนได้คือ ละได้จริงๆ ไม่มีเหลือเลย จะสำเร็จได้อยู่ที่ปัญญาเท่านั้น ถ้าปัญญาไม่เกิด การละคลายก็มีไม่ได้
ละความเป็นเรา ด้วยความเป็นเราไม่ได้ หมายความว่า จะละความเป็นเรา ด้วยการพยายามจะละ ทั้งๆ ที่สภาพธรรมอย่างหนึ่งที่จะละความเป็นเรายังไม่เกิดหรือเกิดก็น้อยคือ ปัญญานั่นเอง หนทางนี้เป็นหนทางละ ละความต้องการจะรู้ ละความต้องการแม้ความไม่มีเรา เหตุย่อมสมควรกับผล เมื่อเหตุยังไม่สมควร ผลย่อมเกิดไม่ได้ ความอยากไม่ใช่เหตุ ความท้อไม่ใช่เหตุ ความพยายามจะละไม่ใช่เหตุ ความเข้าใจจากขั้นการฟังทีละเล็กละน้อย เป็นเหตุ แต่ผลจะเกิดได้ต้องสะสมเหตุยาวนานเพราะปัญญาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากและเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย เมื่อเทียบกับความไม่รู้และความแป็นเราที่สะสมมาแสนโกฏิกัปป์ นานมากๆ จะละความเป็นเราทันทีจึงไม่ได้เลย ฟังต่อไปด้วยความอดทน เป็นหน้าที่ของธรรมคือปัญญา ไม่ใช่เรา ดังนั้นจึงละความเป็นเรา ด้วยตัวเราไมได้
ขออนุโมทนา
เมื่อได้ศึกษาและฟังธรรมะ เกิดความเข้าใจในขัอธรรมะนั้นๆ คือ มีปัญญาขั้นการฟังที่ทำกิจละความไม่เข้าใจ ดังนั้น ความรู้เช่นนี้ก็เป็นกำลังใจให้หมั่นฟัง หมั่นอดทนศึกษาไปเรื่อยๆ เป็นปัจจัยให้สะสมปัญญาที่ละเอียดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ส่วนปัญญาจะละเอียดจนถึงขั้นละตัวตนได้เมื่อใด จะใช้เวลานานเท่าใดก็ต้องแล้วแต่เหตุปัจจัยดิฉันเองก็ต้องพยายามเตือนใจตัวเองอยู่เสมอ ไม่รอ ไม่หวัง ไม่อยากด้วยความเป็นตัวตน เพียรศึกษาเพียรฟังอย่างสม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ดีกว่าค่ะ....
การเจริญสติปัฏฐานไม่จำกัด เพศ วัย อายุ หรือเป็นพระภิกษุ แม้คฤหัสถ์ ก็สามารถอบรมเจริญสติปัฏฐานได้ค่ะ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ละคลายความเป็นตัวตนชั่วขณะสั้นๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เป็นเราเป็นตัวตนเป็นปกติค่ะ ต้องอาศัยการอบรมปัญญาต่อไป จนกว่าปัญญาจะคมกล้าและสามารถประหารกิเลสได้หมด ไม่เกิดอีกเลยค่ะ
ความเป็นเรา เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ที่เราหลงลืมสติ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเพราะความเป็นตัวตนของเรานั้นเอง คงต้องเพียรพยายามต่อไปอีกหลายภพ หลายชาติ รู้ว่าการเกิดนั้นเป็นทุกข์ แต่ก็แพ้กิเลส ไม่สามารถเอาชนะกิเลสได้ โดยเฉพาะความเกียจคร้านที่มีอยู่ในตัวเรา
การที่จะละคลายความเป็นเราได้นั้นจะต้องอบรมเจริญปัญญาให้รู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงขณะนี้ เดี๋ยวนี้ก่อนว่าเป็นเพียงสภาพธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน จนกว่าโสดาปัตติมรรคจะเกิดละความเป็นตัวตน ความเป็นเราเป็นสมุจเฉท ซึ่งต้องอบรมเจริญปัญญาทีละเล็กทีละน้อย จิระกาลภาวนาค่ะ ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ