จุติจิตเกิดเมื่อไร เกิดหลังจากหยุดหายใจนานเกิน 7 วันได้หรือไม่

 
sirijata
วันที่  18 มิ.ย. 2551
หมายเลข  8937
อ่าน  4,459

มีหลายคนเชื่อว่าในช่วง 7 วันแรก ผู้ตายยังไม่รู้ตัวว่าตาย และมีการบอกเล่าถึงประสบการณ์การเจอว่า ผู้ตายมาหา อาจมาให้เห็น หรือเข้าฝัน เป็นต้น เมื่อจุติจิตดับ ปฏิสนธิเกิดทันที ในกรณีข้างต้นแสดงว่าผู้ตาย ปฏิสนธิในชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นเทวดาชั้นใกล้ๆ มนุษย์ จึงติดต่อญาติได้ใช่หรือไม่ ได้พยายามอธิบายแบบนี้ แต่ดูเหมือนยังเชื่อกันแบบเก่าๆ ค่ะ

ขอความกรุณาตอบให้หายสงสัยด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ


Tag  จุติ  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 18 มิ.ย. 2551

ตามหลักพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงความจริงว่า เมื่อจุติจิตดับไปแล้ว ปฏิสนธิจิตเกิดต่อทันที ในบางกำเนิด คือโอปปาติกะกำเนิด เกิดเป็นในสวรรค์ในพรหมโลก ในภูมิเปรต ภูมิอสุรกาย ภูมินรก เมื่อเกิดขึ้นย่อมรู้ตัวทันทีว่าเราตายจากภพก่อนแล้ว เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น ฉะนั้น แต่ในกำเนิดอื่นๆ เช่น เกิดเป็นมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ย่อมไม่รู้ตัวว่าตนตายแล้วในกรณีที่ผู้ตาย อาจมาให้เห็น เพราะเขาเกิดในกำเนิดโอปปาติกะ อาจเป็นเทพ หรือ เปรต อสุรกาย ก็ได้ ตามตัวอย่างที่ปรากฏในพระไตรปิฎก

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สุภาพร
วันที่ 18 มิ.ย. 2551

ข้อความของคุณ STUDY ช่วยอธิบายให้กระจ่างได้หรือไม่ค่ะ ว่าคนที่ตายแล้วจะมาให้เห็นได้หรือไม่ เพราะได้แต่ฟังเขาเล่าว่าผู้ตายมาให้เห็น ขอขยายความค่ะ และถ้ามาให้เห็นจะให้เห็นในความเป็นบุคคลเดิมหรือ เพราะตามที่ฟังจุติจิตดับก็ปฎิสนธิทันทีแล้วจะมีมาให้เห็นได้อย่างไร และกรณีที่ฝันเห็นผู้ตาย คือความสัญญาความจำของผู้ฝันที่ยังมีความระลึกถึงใช่ไหมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 18 มิ.ย. 2551

ในพระไตรปิฏกก็มีแสดงไว้หลายเรื่อง เช่น ลูกชายเศรษฐีป่วยไม่สบาย พ่อขี้เหนียวไม่ยอมรักษาลูก ภายหลังลูกชายก่อนตายได้เห็นพระพุทธเจ้าก็เลื่อมใส ตายไปเกิดเป็นเทพบุตร ส่วนพ่อก็เศร้าโศกเสียใจที่ลูกชายตายไป ก็ร้องไห้ ลูกชายที่เป็นเทพบุตรก็ช่วยพ่อ ภายหลังพ่อได้สติก็หายเศร้าโศกค่ะ ฯลฯ ส่วนคนที่ตายไปแล้วจะมาให้เห็นได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาไปเกิดทีjภูมิไหน ถ้าเกิดเป็น เปรต เป็นเทวดาก็มาให้เห็นได้ แล้วแต่อาจจะมาส่งเสียงร้องขอส่วนบุญก็ได้ เช่น ญาติของพระเจ้าพิมพิสารค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 18 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
all-for-ละ
วันที่ 18 มิ.ย. 2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ ๒โดย สุภาพร

ข้อความของคุณ STUDY ช่วยอธิบายให้กระจ่างได้หรือไม่ค่ะ ว่าคนที่ตายแล้วจะมาให้เห็นได้หรือไม่ เพราะได้แต่ฟังเขาเล่าว่าผู้ตายมาให้เห็นขอขยายความค่ะ และถ้ามาให้เห็นจะให้เห็นในความเป็นบุคคลเดิมหรือ เพราะตามที่ฟัง จุติจิตดับก็ปฎิสนธิทันทีแล้วจะมีมาให้เห็นได้อย่างไร และกรณีที่ฝันเห็นผู้ตาย คือความสัญญาความจำของผู้ฝันที่ยังมีความระลึกถึงใช่ไหมค่ะ

ซึ่งจากความเห็นที่ ๓ (wannee.s) ที่ได้อธิบายตัวอย่างนั้น เทพบุตรที่มาให้บิดา ก็มาโดยรูปร่างสมัยเมื่อยังไม่ตาย เพื่ออนุเคราะห์ บิดา ดังนั้น การที่บุคคลเห็นบุคคลอื่นที่ตายแล้วนั้น ด้วยเหตุผลคือ เพื่อต้องการส่วนบุญหรือต้องการอนุเคราะห์ เป็นต้น แต่บุคคลนั้นได้เปลี่ยนภพภูมิไปแล้ว แม้การได้เห็นจะเป็นรูปร่างเมื่อชีวิตอยู่ก็ตาม (สามารถเนรมิตตนได้) แต่เพื่อคนที่เห็นจะได้จำได้ว่าเป็นบุคคลนั้น แล้วจะได้อุทิศส่วนกุศลไปให้นั่นเอง ส่วนการฝันเห็นผู้ตาย ก็เป็นสัญญาที่จำไว้ก็ได้หรือด้วยอำนาจดลใจ เช่น เทวดาก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ควรเหมารวมว่า ถ้าฝันเห็นคนตาย แสดงว่าเขามาเข้าฝัน อย่างไรก็ตามหน้าที่ที่ดีของบุคคลที่ยังอยู่เมื่อบุคคลนั้นตายแล้วคือ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ไม่ว่าจะเห็นหรือไม่เห็น หรือฝันหรือไม่ฝันก็ตาม เพราะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลนั้นเอง เมื่อเขาอยู่ในฐานะที่จะรับได้ ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
จ่าหนาน
วันที่ 19 มิ.ย. 2551

โอปปาติกะ คือ เทพ เปรต และอสุรกาย เขาไปใหนมาไหนหรือทำอะไรได้ตามอำเภอใจหรือเปล่าครับ เช่น มาบอกหวย มาทำนายทายทัก (ร่างทรง) มาขอส่วนบุญ ถ้าทำได้ ในภพนั้นก็ยังทำบุญทำบาปได้ แล้วจะมาขอส่วนบุญทำไม ทำไมไม่ทำเอง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
สุภาพร
วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนา คุณ wannee,s ค่ะ และถ้าผู้ที่จุติจิตดับและได้เกิดเป็นมนุษย์ จะไม่มาให้เห็นได้ใช่ไหมค่ะ และผู้ที่เกิดเป็นโอปปาติกะ ถ้ามาให้เห็นจะให้เห็นในบุคคลเดิมหรือไม่ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ผู้ที่ตายไปแล้ว ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ถึงแม้เห็นกัน ส่วนมากก็จำกันไม่ได้ ส่วนคนที่ตายไปเกิดเป็นโอปปาติกะ เช่น เทวดา เวลาเขามาหาญาติ เขาก็เนรมิตรูปร่างเดิมก็ได้หรือเปลี่ยนรูปร่างก็ได้ อย่างพระเจ้าอุทัยตายไปเกิดเป็นพระอินทร์ มาอนุเคราะห์พระนางอุทัยว่า ความงามไม่เที่ยง ชีวิตไม่เที่ยง ควรประพฤติพรหมจรรย์ ฯลฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
suwit02
วันที่ 19 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สุภาพร
วันที่ 19 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 20 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ เรียนคุณจ่าหนาน กรณีของโอปปาติกะ ถ้าเกิดในภพภูมิสุคติผลของกุศลกรรมส่งผลให้เขาสุขสบายกว่ามนุษย์ภูมิ คงไม่ต้องมาขอส่วนบุญ และการเกิดเป็นเทพก็ยังมีกิเลสอยู่ก็ยังทำบุญทำบาปได้แน่นอน ส่วนโอปปาติกะที่เกิดในทุคติภูมิ เช่น เปรตนั้นมีแต่ความทุกข์หาความสุขไม่ได้เลยจึงต้องมาขอส่วนบุญค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ไม่มีเรา
วันที่ 20 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 20 มิ.ย. 2551

ขออนุโมทนาท่านผู้ให้ความรู้และเจริญกุศลทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
กตัญญู
วันที่ 22 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ