ชอบให้คนอื่นเอาใจ......
คนที่ชอบให้คนอื่นๆ เอาใจตนเองตลอดเวลาไม่ว่าจะผิดหรือถูก คนอื่นต้องทำตาม ถ้าไม่ทำตามก็จะโกรธ ไม่พอใจ และหาเรื่องทำให้เดือนร้อน แสดงว่าบุคคลคนนี้มีโมหะใช่หรือไม่ และจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ตามธรรมดาของปุถุชนนั้นก็มีกิเลสมาก รวมทั้งโมหะด้วย จึงควรเข้าใจว่าโมหะ คือความหลง ความไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใช่เรา ดังนั้นจึงไม่เลือกบุคคลใดเลย หากยังไม่ได้อบรมปัญญาก็ยังไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ก็เป็นโมหะที่ไม่รู้ความจริง ส่วนบุคคลที่มีอุปนิสัยอย่างนั้น ก็เป็นไปตามกิเลสที่สะสมมา ทั้งโลภะ โทสะและโมหะ จนเคยชิน จนมีกำลังและมีอุปนิสัยอย่างนั้น การจะแก้ ต้องแก้ ต้องเริ่มที่เหตุที่ถูกต้อง คือศึกษาพระธรรม โดยปัญญาอันดับแรกคือ เข้าใจธรรมที่มีในขณะนี้ไม่ใช่เราก่อน ไม่ใช่ไปดับโทสะเพราะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรลืมว่า ธรรมไม่สาธารณะกับทุกคน ดังนั้นควรเริ่มที่เรา แก้ที่ตัวเรา เมื่อเรามึความเข้าใจพระธรรมมากขึ้น กุศลประการต่างๆ ก็มากขึ้น จึงเห็นใจและเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นเพราะเข้าใจความจริงว่า ก็เป็นเพียงอกุศลที่เกิดขึ้นที่ทำหน้าที่จึงแสดงออกมาทางกาย วาจา ก็จะมีเมตตาและเข้าใจบุคคลนั้น แทนที่จะเป็นอกุศลครับ เพราะเราก็ลืมว่า เป็นธรรมนั่นเองที่ปรากฏทางตาและคิดนึกไปเป็นเรื่องราวในสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีคนนั้นคนนี้ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ขออนุโมทนาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
จริงๆ แล้วเราก็มีความเป็นตัวตน มีความเอาแต่ใจตัวเองกันทุกคน ซึ่งจะมีระดับมากหรือน้อยก็แล้วแต่อุปนิสัยที่สะสมมา รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ เช่น อาจถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนติด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแก้ไขตัวเองไม่ได้ เขาตัองทำกรรมดีมาบ้าง จึงให้ผลที่มีคนยอมตามใจอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นถ้าเขามีโอกาสที่ดี มีปัจจัยที่เหมาะสมที่จะได้เจอธรรมะที่ถูกต้อง ก็จะค่อยๆ แก้ไขไปได้ ในกรณีที่ต้องร่วมงานหรือสมาคมกับคนเหล่านี้ วิธีแก้ไขในส่วนของเราก็คือ มั่นคงกับความเห็นถูก การประพฤติปฏิบัติที่ตรงและถูกต้อง ไม่ตามใจในสื่งที่ไม่ถูกไม่ควรโดยไม่มีความขุ่นเคืองใจร่วมด้วย ต้องขออนุโมทนาในกระทู้ต่างๆ เหล่านี้ค่ะ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสมอในชีวีตประจำวัน ทำให้ได้นำความรู้ความเข้าใจในธรรมะที่ได้ศึกษา มาพิจารณาแก้ไขปัญหาต่างๆ ตามกำลังสติปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ทำให้รู้จักพิจารณาตัวเองว่ายังมีกิเลสมากน้อยแค่ไหน จำเป็นต้องศึกษาเพี่อขัดเกลาไปอีกนานอย่างไร
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นความจริงทุกประการ ในเมื่อเป็นความจริงแล้ว ก็ควรที่จะได้ศึกษาเพื่อรู้ตรงตามความเป็นจริงในสิ่งที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง แต่ละบุคคลมีอัธยาศัยที่แตกต่างกันออกไปตามการสะสม เนื่องจากว่าเป็นผู้ที่ได้สั่งสมอกุศลมามากในสังสารวัฏฏ์ การกระทำหรือการพูดจึงเป็นไปในทางที่ไม่ดีบ้าง อย่างผู้ที่เป็นคนมักโกรธ ไม่พอใจ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้สั่งสมอกุศลประเภทนี้มามาก และเพราะสั่งสมโลภะมามากด้วย จึงเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ทำให้เกิดโทสะความขุ่นเคืองใจ ทำให้เกิดความไม่พอใจได้เวลาโกรธแล้ว ระงับไม่อยู่ แสดงออกมาทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง เป็นความรู้สึกโทมนัสอย่างแรงบ้าง ในขณะที่อกุศลจิตเกิดแต่ละครั้ง จะไม่ปราศจากโมหะ (ความหลง, ความไม่รู้) เลย ไม่ว่าจะเป็นอกุศลจิตประเภทใดๆ ก็ตาม ครับ ถ้าเป็นผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เข้าใจตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าใครจะประพฤติตนไม่ดีต่อเราอย่างไร เราก็ไม่โกรธ เพราะเป็นผู้ที่เห็นโทษของอกุศล เห็นโทษของความโกรธ แล้วก็เกิดเมตตา มีความหวังดี ปรารถนาดีพร้อมทั้งช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลนั้นได้ทุกเมื่อ ครับ
น่าสงสารคนที่อยู่ใกล้ชิด เพราะต้องรองรับอารมณ์ต่างๆ ส่วนดิฉันเองพอวางใจได้เพราะได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติมาพอสมควร จึงเข้าใจว่ากิเลสของคนอื่นนั้นแก้ยากต้องแก้ที่ตัวเราเองก่อน แต่บางครั้งพอมีคนมาปรับทุกข์ให้ฟัง ก็อดสงสารไม่ได้ที่เขามีความทุกข์เพราะการกระทำของคนอื่น จึงพยายามปลอบใจและให้กำลังใจเขาว่า อย่าไปสนใจการกระทำที่เป็นอกุศลของคนอื่นเลย เราต้องให้อภัยเขาและมองว่าธรรมชาติของเขาเป็นอย่างนั้นอย่าไปถือโกรธเขาเลย คนเราก็มีดี มีร้าย เป็นเรื่องธรรมดา
คนที่ชอบให้คนอื่นๆ เอาใจตนเองตลอดเวลา ไม่ว่าจะผิดหรือถูก คนอื่นต้องทำตามถ้าไม่ทำตามก็จะโกรธ ไม่พอใจ และหาเรื่องทำให้เดือดร้อน เรื่องดังกล่าวก็ มีจริงคะ ถ้าพิจารณาแล้วการตามใจ เอาใจทำให้เขาเสียนิสัยมากขึ้นก็ไม่ควรทำไม่ว่าใครถ้าเอาใจด้วยความกลัว ไม่ถือว่ามีเมตตา เพราะไม่เป็นไปด้วยความปรารถนาดีเมตตาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้ามีความเป็นเพื่อนให้ใครจริงๆ ผู้นั้นย่อมรู้ได้ ถ้าเขาให้ความเป็นเพื่อนตอบน่าจะเตือนตรงๆ ได้นะ