ผลของกรรม
คนที่สร้างทุกข์ให้คนอื่น โดยที่อาจจะรู้หรือไม่รู้ตัว ว่าการกระทำนั้นๆ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เขาจะได้รับผลของกรรมหรือไม่ หรือว่าได้รับเฉพาะกรณีที่มีเจตนาเท่านั้น
ตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องเหตุผลที่ตรงกัน คือ เมื่อมีเหตุได้แก่การกระทำกรรมเป็นปัจจัย ผลคือวิบากจึงเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีกรรม วิบากย่อมเกิดไม่ได้ การกระทำใดที่ขาดเจตนา การกระทำนั้นไม่เป็นกรรม สมดังพระบาลีที่ว่าเจตนาหํ ภิกขเว กมฺมํวทามิ ภิกษุทั้งหลายเรากล่าวว่า เจตนาว่าเป็นกรรม
คนที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยความตั้งใจทำ เป็นบาป สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าบุคคลทำบาป ย่อมสำคัญบาปนั้นไม่ให้ผล ต่อเมื่อให้ผล จึงรู้ว่าบาปนั้นไม่ดีค่ะ ถ้าทำให้คนอื่นเดือดร้อน โดยไม่ตั้งใจ ไม่บาป เพราะไม่มีเจตนาทำร้ายเขา เช่น พระอรหันต์รูปหนึ่งท่านตาบอด ท่านเดินจงกรม แล้วมดตาย ท่านไม่มีเจตนาฆ่ามดค่ะ
มีเจตนาที่ประทุษร้ายคนอื่นให้เดือดร้อนหรือไม่ สำคัญที่เจตนา เจตนาดีแต่คนอื่นเดือดร้อนก็ได้ เดือดร้อนเพราะกิเลสเขาเอง เป็นต้น ไม่เป็นบาปเพราะไม่มีเจตนาประทุษร้าย เจตนาร้ายคนอื่นเดือดร้อนก็ได้ มีเจตนาประทุษร้ายเป็นบาป
สำคัญที่เจตนาเชิญคลิกอ่านที่นี่ ...
ขอเสริมหน่อยค่ะ
ขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก ธรรมดาปุถุชนจิตกลับกลอก เช่น ตอนแรกไม่มีเจตนาทำ ให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นทุกข์ แต่ภายหลังยินดีหรือมีเจตนาได้ค่ะ ถ้ามีเจตนาก็เป็นบาป เป็นอกุศล ถ้าคนนั้นมีคุณมาก ก็มีโทษมาก เช่น ทำกับมารดา บิดา ฯลฯ
ข้าพเจ้าเข้าใจว่า....ไม่มีใครทำให้ใครทุกข์ได้เพราะทุกข์ใจเกิดจากอกุศลจิตของตน...คิดมากก็สะสมมากขึ้นไม่ควรให้การเห็นปล่อยให้อกุศลของผู้อื่นเป็นเหตุให้เกิดการสะสมของอกุศล (ทำลายประโยชน์) ของเราเลยค่ะใครสั่งสมมาที่จะทำอกุศล ก็บังคับเขาไม่ได้จริงไหมคะ เมื่อทราบว่า พระพุทธเจ้าสรรเสริญการละคลายอกุศลของตนแล้วประโยชน์อะไรที่จะเพิ่มพูนอกุศลของตนด้วยอกุศลของคนอื่นละคะขณะที่เพ่งโทษผู้อื่น...ก็ตัดประโยชน์ตนแล้วค่ะ
นอกจากความไม่สงบใจ...ยังเสียเวลาในการเจริญกุศลอีกด้วย