คุณไสยมีจริงหรือไม่

 
พยายาม
วันที่  20 มิ.ย. 2551
หมายเลข  8964
อ่าน  5,190

ช่วงที่ดิฉันโดนของจะมีอาการวูบร้อนวูบหนาว ขนลุกและอาการปวดร้าวตามจุดต่างๆ บนร่างกายวิ่งไปทั่ว เช่น เดี๋ยวปวดหลังตุบๆ สักพักก็มาปวดเอว สักพักก็มาปวดต้นคอ สักพักก็มาปวดท้อง และ หลังจากไปรดน้ำมนต์ 3 ครั้ง ก็หายไปประมาณ 2 เดือน แต่วันนี้อาการเหล่านั้นมันกลับมาอีกแล้ว มันจะปวดมากๆ ช่วงหลังอาทิตย์ตกดิน ซึ่งแปลกมาก ช่วงนี้ดิฉันก็มิได้ฟุ้งซ่านอะไร แถมยังอ่านหนังสือธรรมะแทบทุกวันสวดมนต์ประจำทั้งตอนเช้าและก่อนนอน เวลาเข้าเน็ตก็จะเข้าเว็บธรรมะ เพื่อฟังพุทธประวัติ หรือ บางทีก็ฟังประวัติของท่าน อ.มั่น

ตอนนี้ความรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตเป็นอย่างมาก ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ ใจหนึ่งก็อยากไปรดน้ำมนต์อีกรอบ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป เพราะคิดว่าถ้าเราแก้ปัญหาแบบนี้ เราก็ต้องแก้แบบนี้ไปตลอดชีวิต มันน่าจะมีวิธีอื่นที่ดี และมั่นคงกว่านี้ค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 21 มิ.ย. 2551

ในโลกนี้มีเรียนการสอนความรู้หรือวิชาหลายแขนง หลากหลายสาขาอาชีพมาก และวิชาการร่ายมนต์ปลุกเสกคุณไสย์ ก็เคยได้ยินเล่าสืบๆ กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ วิชานี้ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า เดรัจฉานวิชา เป็นวิชาที่ขัดขวางทางสวรรค์แลมรรคผลและในพระไตรปิฎกไม่ปรากฏว่าพุทธบริษัททั้ง ๔ ถูกกระทำ (โดนของ) ส่วนใหญ่เท่าที่ทราบ คนที่เข้าใจว่าตัวเองโดนของมักจะคิดไปเอง อนึ่งการไปรดน้ำมนต์ก็ไม่ใช่วิธีแก้และถ้าจะแก้จริงๆ ต้องแก้ที่ใจของเรา ด้วยศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจ อบรมเจริญปัญญาเมื่ออบรมเจริญปัญญาจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ชื่อว่า เป็นการแก้ปัญหาทั้งหมดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 21 มิ.ย. 2551

ตอนนี้ความรู้สึกไม่มั่นคงทางจิตเป็นอย่างมาก - ดิฉันควรทำอย่างไรดีค่ะ ใจหนึ่งก็อยากไปรดน้ำมนต์อีกรอบ แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากไป เพราะคิดว่าถ้าเราแก้ปัญหาแบบนี้ เราก็ต้องแก้แบบนี้ไปตลอดชีวิต มันน่าจะมีวิธีอื่นที่ดี และ มั่นคงกว่านี้ค่ะ


ถึงจะถูกความทุกข์กาย ทุกข์ใจ บีบคั้นอย่างไร คุณพยายามก็ยังมีอิสระที่จะเลือกทางเดินได้ ขอเป็นกำลังใจให้คุณเลือกทางเดินที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prakaimuk.k
วันที่ 21 มิ.ย. 2551

ควรศึกษาธรรมะให้เกิดความเห็นที่ถูกต้องค่ะ เพราะเมื่อเรามีความเห็นที่ถูกต้องต่อความเป็นจริงแล้ว ก็ย่อมจะกระทำเหตุที่ถูกต้อง ที่ทำให้พิจารณาเลือกวิธีแก้ปัญหา ความเดือดร้อนต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมแก่เหตุผลและทำให้บรรลุความสุขที่แท้จริง ได้ในที่สุดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 21 มิ.ย. 2551

ศาสนาพุทธเน้นเรื่องของกรรมและปัญญา ถ้าเรามีกรรมจะต้องได้รับอย่างนั้น แก้กรรมไม่ได้ นอกจากทำกรรมใหม่คือทำดีให้มากๆ โดยเฉพาะการสั่งสมปัญญาค่ะ แม้แต่พระอรหันต์ท่านก็ยังได้รับวิบากไม่ดีทางกายได้เลย หนีกรรมไม่พ้น เช่น พระโมคคัลลานะ ท่านถูกพวกโจรตามฆ่าหลายครั้ง ท่านก็หนีด้วยฤทธิ์ ภายหลัง ท่านพิจารณาเป็นกรรมในอดีต ท่านก็ไม่หนี ถูกโจรฆ่าตายค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
all-for-ละ
วันที่ 21 มิ.ย. 2551

หากเราเข้าใจว่า ความเจ็บปวดนั้นเกิดจากอะไรเป็นเหตุ ความเจ็บปวดเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นผลของกรรม มีกรรมที่เป็นอกุศลเป็นเหตุให้เกิดขึ้น ดังนั้น จึงเข้าใจความจริงว่า ไม่มีใครทำเรา ไม่มีสิ่งใดทำอะไรใครได้ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน เจ็บเพราะกรรมที่ตนทำไว้ให้ผล เมื่อมีเหตุที่จะเกิดขึ้นก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา เมื่อจะไม่เจ็บ ก็ไม่เจ็บและเป็นอนัตตา ไม่ได้มีใครจะทำให้ไม่เจ็บ แต่ไม่มีเหตุปัจจัยให้เจ็บเกิดขึ้น จึงไม่ได้มีอำนาจจากสิ่ง หนึ่งสิ่งใดมาทำให้เจ็บเลย เพราะทุกอย่างไม่พ้นไปจากอำนาจกรรม วิธีแก้คือ ศึกษาพระธรรม เมื่อเข้าใจพระธรรมมากขึ้นก็ย่อมเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม บังคับบัญชาไม่ได้เลย รวมทั้งเจ็บหรือไม่เจ็บ ไม่ได้มีอำนาจอะไรมาทำอะไรได้ เพราะเป็นธรรมที่ทำหน้าที่ หากแต่ว่าพระธรรมไม่ใช่ยาที่จะทานแล้วหายทันที แต่เมื่อปัญญาเจริญขึ้นทีละเล็กละน้อย ปัญญานั้นเองจะทำให้เห็นถูกและเข้าใจ ความจริงที่เกิดขึ้น แม้ความเจ็บที่เกิดขึ้นว่าคืออะไร

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 22 มิ.ย. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เซจาน้อย
วันที่ 22 มิ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 22 มิ.ย. 2551

ดิฉันจะมั่นคงในเรื่องของกรรม และผลของกรรม ปวดกายทุกข์กายเป็นผลของอกุศลกรรมในอดีตส่งผล เมื่อทุกข์กายแล้วไปหงุดหงิดทุกข์ใจก็เป็นอกุศลจิต จึงควรศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ อบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป สักวันจะได้พ้นจากทุกข์ได้เป็นสมุจเฉท ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ขอเป็นกำลังใจเช่นกันค่ะ ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ตุลา
วันที่ 23 มิ.ย. 2551

ประโยชน์สูงสุดในชีวิต คือ ความเห็นถูกและคลายความติดข้อง ขอเป็นกำลังใจให้คุณหาทางออกที่ดีให้กับชีวิต และมีสุขภาพที่ดีนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พยายาม
วันที่ 23 มิ.ย. 2551

สวัสดีค่ะต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำและ ให้กำลังแก่ดิฉันเป็นอย่างดีค่ะขออนุโมทนาบุญทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
พุทธรักษา
วันที่ 23 มิ.ย. 2551

เข้าใจว่า ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระโสดาบันปุถุชน ย่อมมีโอกาสลูบคลำข้อปฏิบัติที่ผิดเพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่แก่นแท้ยังไม่ได้ดับความเห็นผิดเป็นสมุทเฉทแม้แต่ตัวข้าพเจ้าเอง หากขาดการศึกษาพระธรรมไปนานๆ โอกาสที่จะไหลไปตามกระแสของความเห็นผิดเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
happyindy
วันที่ 24 ก.ย. 2551

* * * ขออนุโมทนาค่ะ * * *

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
choonj
วันที่ 25 ก.ย. 2551

ผมอ่านกระทู้แล้วเข้าใจว่า ผู้ถามเข้าใจว่าตัวเองถูกของคุณไสย์และมีอาการทางร่างกาย แต่ผมก็เข้าใจว่าคุณไสย์ไม่สามารถทำอะไรได้กับผู้ที่ศีกษาธรรมะ เพราะเมื่อมีอาการทางร่างกาย ผู้ศีกษาธรรมะก็จะเข้าใจว่าเกิดขี้นตามเหตุและปัจจัย และไม่เดือดร้อนกับอาการเหล่านั้นซี่งเป็นจุดประสงค์ของผู้ทำคุณไสย์ที่จะให้เป็นไป เมื่อไม่เดือดร้อนคุณไสย์ก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเข้าใจถูกอาการอาจจะหายก็ได้เพราะอาจจะเป็นเรื่องที่คิดไปเอง ถ้าไม่ใช่คิดไปเองอาจหาหมอรักษาได้ ถ้าเชื่อเรื่องกรรมไม่ว่าอะไรจะเกิดกับเราก็เป็นวิบากที่จะได้รับ แล้วเราจะไปเดือดร้อนกับสิ่งที่จะได้รับทำไม เช่นเดียวกับสิ่งดีๆ ที่ได้รับก็เป็นวิบาก ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
SURAPON
วันที่ 25 ก.ย. 2551

คุณควรไปให้หมอตรวจแล้วแจ้งอาการทางกาย ส่วนทางใจให้มีสติตามรู้ความเจ็บปวดบริเวณที่เกิดและดับไปแต่ละครั้ง ผมก็ป่วยแต่เป็นคนละอย่าง ใช้วิธีรักษาทางกายและทางใจ ควบคู่กันไป สาเหตุของผม สังเกตุตนเองคือ นั่งมาก เดินน้อย งดเนื้อสัตว์ บางครั้งรู้สึกเครียด จึงแก้ปัญหาให้ทุเลาและดีขึ้นแล้ว โดยการเดินทำสมาธิในที่ที่สงบเวลาว่าง ฝึกเจริญสมาธิ เน้นสติเป็นหลัก และกลับมาทานเนื้อสัตว์เพื่อฟื้นสุขภาพ และการฝึกสติต้องฝึกตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอน ทั้งวัน อาจเผลอบ้าง ก็ให้ตั้งใจไว้เนืองๆ เป็นเรื่องธรรมดา ส่วนทางไสยศาสตร์ที่เข้าใจนั้น ควรปล่อยวางให้หมดเพราะไม่มี่สิ่งใดเสมอพระพุทธคุณ แม้แต่เทวะ พระพรหม ยังต้องฟังธรรมจากพระพุทธองค์ อโรคยา ปรมาลาภา

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chatchai.k
วันที่ 27 ก.พ. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ