ชอบ อ. สุจินต์ตรงไหน จึงฟังท่านต่อ.
ทุกท่าน เมื่อได้พบและได้ฟังอาจารย์แล้วก็จะมีความรู้สึกอันหนี่งเกิดขึ้น และความรู้สีกนี้ทำให้ท่านฟังต่อ ทุกท่านจะมีความรู้สึกนี้แตกต่างกันไป จีงเชิญชวนท่านแสดงเป็นตัวหนังสือเพื่อเป็นความรู้และเห็นความแตกต่าง. ใครทราบบ้างว่าอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยไห้เกิดความรู้สึกนี้ ซึ่งแน่นอนไม่ไช่ความบังเอิญ. เพราะมีผู้ฟังแล้วฟังต่อและไม่ฟังต่อ จะบอกว่าเพราะสะสมมาอย่างเดียวหรือ.
เพราะเนื้อหาสาระแบบนี้ไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหนมาก่อน ท่านไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่ท่านพูดให้คิดที่สำคัญเป็นครั้งแรกที่ได้ฟังเรื่อง พระอภิธรรม และ เรื่อง อนัตตา
ขออนุโมทนา
เห็นด้วยกับความเห็นของคุณพุทธรักษาค่ะ รวมทั้งน้ำเสียงที่นุ่มนวลไพเราะ ชัดถ้อยชัดคำ มีเหตุมีผล ละเอียดลึกซึ้ง ปัญญาหลักแหลม เปี่ยมด้วยเมตตา อาจหาญร่าเริง และอารมณ์ขันของอาจารย์ค่ะ
ฟังต่อ....เพราะท่านทำให้ค่อยๆ เกิดความเข้าใจในสิ่งที่มีจริง
ฟังต่อ....เพราะท่านทำให้เห็นคุณของพระธรรม
ฟังต่อ....เพราะท่านทำให้เห็นโทษของกิเลส และโทษของอวิชชา
ฟังต่อ....เพราะท่านช่วยชี้แนะให้เห็นโทษของตนเอง แทนที่จะไปโทษคนอื่น
ฟังต่อ....เพราะท่านแสดงพระสัจจธรรมการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เลิศ เป็นหนึ่งไม่มีสอง เป็นทางสายเอก ในการเจริญปัญญาเพื่อความหลุดพ้น
ฟังต่อ....เพราะเหตุปัจจัยที่สะสมมาจากการฟังและความเข้าใจ และจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
ฟังครั้งแรกเพราะเหตุบังเอิญ หยุดฟังต่อเพราะน้ำเสียงที่ไพเราะ หยุดฟังต่ออีกครั้งเพราะไม่เคยได้ยินได้ฟังเนื้อหาสาระการบรรยายแบบนี้จากที่ไหน เป็นคำบรรยายที่ยากแก่การเข้าใจ ข้อสำคัญท่านอาจารย์จะบรรยายให้เห็นพระสัทธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนเกิดความรู้ยิ่งว่า แก่นแท้จริงของพุทธศาสนา คืออะไร ให้ได้เห็นพระคุณและกราบไหว้ระลึกถึงพระพุทธองค์ได้นอบน้อมยิ่ง และเป็นบุญที่ได้เกิดเป็นชาวพุทธ ยิ่งฟังยิ่งเห็นชัดขึ้นว่านี่แหละคือ คำตอบของชีวิต ชีวิตคืออะไร เกิดมาเพื่ออะไร และจะทำอะไรต่อไป
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ และขอได้ฟังพระสัทธรรมจากท่านอาจารย์ตลอดไปตลอดภพนี้ และภพต่อๆ ไป ตราบเท่าที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฎฎ์
เพราะว่าคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ทำให้รู้สึกสงบและสบายใจเพราะว่าพอค่อยๆ คิดตามคำพูดของท่านแล้วก็ทำให้คิดได้ว่าจริงอย่างที่ท่านบอกมาอย่างที่หลายท่านบอกท่านอาจารย์สอนให้เราเข้าใจและค่อยๆ เห็นตามความเป็นจริงขอบคุณท่านอาจารย์ค่ะ
ถ้ามิได้เป็นผู้ศึกษาพระธรรม มิได้ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ก็ไม่สามารถที่จะออกจากกรงของกิเลสและไม่สามารถออกไปจากสังสารวัฏฏ์ได้ เพราะมีอวิชชา (ความไม่รู้) บ่อยๆ เรื่อยๆ เนืองๆ และอีกประการหนึ่ง ในชีวิตประจำวันกิเลส อกุศลนานาประการ ก็มีแต่จะสั่งสมเพิ่มพูนขึ้นทุกวันๆ
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)
ตามความเป็นจริงแล้ว ในชาตินี้คงไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะต้องดับอกุศลที่เคยสั่งสมมาในชาตินี้รวมถึงอกุศลที่เคยสั่งสมมาในชาติก่อนๆ ให้หมดสิ้นหรือไม่ต้องกล่าวถึงการที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยบุคคล แต่กว่าที่ปัญญาจะถึงระดับขั้นดังกล่าวได้นั้น ก็จะต้องค่อยๆ อบรมเจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และต้องรู้ด้วยตนเองจริงๆ ว่าได้มีการฟังพระธรรม จนกระทั่งมีความเข้าใจในสภาพธรรมซึ่งเป็นอนัตตา (ไม่มีตัวตนเลย แม้แต่ขณะเดียว) เพิ่มขึ้น มากน้อย แค่ไหน
ทั้งหมด ต้องอาศัยการฟัง อาศัยการสอบถามจากท่านผู้รู้ และท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ เป็นผู้ที่ได้สั่งสมอบรมเจริญปัญญามา เมื่อมีความเข้าใจแล้ว ท่านก็มีเมตตาที่จะอนุเคราะห์ให้ผู้ศึกษาได้ฟังและเข้าใจตาม จึงได้แสดงธรรม สนทนาธรรม (เมื่อมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นที่ใดๆ ก็ตาม) ท่านอาจารย์สุจินต์ แสดงแต่ความจริงเมื่อเป็นความจริง จึงควรที่จะได้ศึกษา เพื่อรู้ตรงตามความเป็นจริงในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ (ศึกษาธรรม เพราะธรรม เป็นความจริง เป็นสภาพธรรมที่มีจริงทุกขณะ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้) ครับ
ขอกราบอนุโมทนา และ กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
..
ขออนุโมทนาทุกๆ ท่านค่ะ เหตุผลที่ฟังท่านอาจารย์ต่อเพราะท่านแสดงให้เข้าใจถึงความจริงของสภาพธรรมขณะนี้ ถ้าไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นสภาพธรรมตามความเป็นจริงขณะนี้ก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะอบรมเจริญสติปัฎฐาน ไม่ว่าใครถ้าได้สะสมความเห็นถูกมา เมื่อได้พบและได้ฟังพระธรรมบรรยายจากท่านอาจารย์ สุจินต์แล้วก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น เมื่อมีความเห็นถูกต้องก็จะเป็นเหตุปัจจัยให้สติปัญญาเกิด เมื่อมีความเข้าใจถูกต้องเมื่อนั้นก็จะรู้สึก ซาบซึ้งและศรัทธาในพระคุณของท่านอาจารย์สุจินต์
ต่อเนื่องจากกระทู้เดิมเพื่อความเข้าใจถูกตรงกัน การฟังแบบทางโลกที่พี่ choonj หมายถึงตัวตนแบบที่ผู้ไม่ได้เรียนธรรมะจะเข้าใจ มันก็ไม่ต่างกับพวกเราที่เรียนธรรมะก็ยังมีตัวตนเช่นกันนะค่ะ ความเป็นตัวตนที่สะสมมานานแสนนานมันเหนียวแน่นมากค่ะ จนกว่าจะอบรมเจริญปัญญาจนบรรลุเป็นพระโสดาบัน จึงจะละความเป็นตัวตนได้เป็นสมุจเฉทค่ะ
พวกเราจึงควรจะฟังพระธรรม และพิจารณาให้เข้าใจถูกต้องในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎในขณะนี้ให้มั่งคงดีกว่าจะไปคิดเรื่องอื่นนะค่ะพี่ choonj
เห็นด้วยกับทุกความเห็นค่ะ
ท่านอาจารย์เป็น "ครู"
1. ครู รัก เมตตาศิษย์ เวลาที่ได้เข้าใกล้ท่านได้เห็นแววตา ได้ฟังวาจาที่ปราศรัยกับศิษย์ รู้สึกได้ถึงกระแสอันอบอุ่น เป็นที่พึ่ง
2. ครูอดทน ศิษย์ดื้อบางคนวนเวียนถามทางพระนิพพาน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่าพระนิพพานเป็นเมืองหนึ่งซึ่งสามารถนั่งรถ นั่งเรือไปถึงได้ดังใจ ท่านก็ไม่เคยแสดงอาการเบื่อหน่ายที่จะตอบคำถามซ้ำๆ นั้น
3. การแสดงอรรถของท่าน กระจ่างแจ้ง มีอุปมาอุปไม ยกตัวอย่างชัดเจน ศิษย์ที่ตั้งใจฟังจะเข้าใจได้ง่าย ดิฉันเป็นครูที่ถือตนว่าถ่ายทอดวิชาได้เก่งแล้ว ยังอัศจรรย์ใจเมื่อฟังท่านอาจารย์บรรยาย
4. ความเพียร เท่าที่คำนวณดูท่านบรรยายธรรมมานานมากเลยทีเดียว
เรื่องที่มีคนถาม โดยเฉพาะผู้เพิ่งได้เข้ามาฟังใหม่ก็จะถามเรื่องที่ท่านบรรยายซ้ำแล้วซ้ำอีก ท่านก็อธิบายให้ฟังอย่างไม่รู้เบื่อ ผู้ที่เคยฟังมาแล้วได้ฟังซ้ำก็พลอยได้อานิสงค์คือ เข้าใจมากกว่าเดิม
ดิฉันมีโอกาสเจริญกุศลก็ด้วยจากการฟังท่านอาจารย์ ดังนั้นขอให้ท่านอาจารย์ได้มีจิตโสมนัสยินดีในกุศลนี้ด้วยเทอญ
ครั้งแรกได้ยินว่าท่านอาจารย์สุจินต์ สอนธรรมะจากพระไตรปิฏก ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าก็สะดุดใจมาฟังที่วัดบวรจนถึงทุกวันนี้ ท่านอธิบายธรรมะได้ดีมากมีเหตุผล ที่สำคัญเน้นเรื่องของปัญญาและสติปัฏฐานหาฟังได้ยากค่ะ
ไม่ได้ฟังต่อ ด้วยความชอบใจ แต่ฟังด้วยความเคารพว่า ท่านชี้หนทางสว่าง ท่านแจกแจงพระธรรมได้ละเอียด ลึกซึ้ง เหมือนหงายของที่คว่ำอยู่ ทุกคำของท่าน ผ่านไปเกือบหกสิบปี ไม่เคยแปรเปลี่ยน และตรงตามพระพุทธพจน์ที่บันทึกไว้ ในพระไตรปิฎกกราบท่าน ด้วยความสำนึกในพระคุณอันสูงยิ่ง
หยุดฟังไม่ได้เพราะว่า ยิ่งฟัง ก็ยิ่งทราบว่าอกุศลที่สะสมแสนนานนั้นมากแค่ไหนแล้ว จะพ้นไปได้อย่างไร? การรู้จักเรื่องของ "ตัวเอง" น่ารู้ไหมคะ? มีประโยชน์ไหมคะ?
พระพุทธศาสนามิได้สอนเพียงให้เป็นคนดีเท่านั้นแต่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมตามความเป็นจริงที่ทรงตรัสรู้ยิ่งฟังมาก พิจารณามาก ยิ่งเข้าใจมากอยากเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า "ตัวเอง"ไหมคะ ว่าทุกข์เพราะอะไร?
ปัญหาไม่ควรอยู่ที่ชอบท่านอาจารย์สุจินต์ไหม? แต่อยู่ที่ให้โอกาส "ตัวเอง" ที่จะรับฟังและพิจารณาสิ่งที่ท่านบรรยายหรือไม่นะคะ
ฟังตลอดมาเพราะว่าท่านอาจารย์เป็นบุคคลที่สามารถถ่ายทอดธรรมะได้ดีที่สุดค่ะ มีเหตุมีผล และท่านเข้าใจธรรมะจริงๆ จึงได้บรรยายแก่พวกเรา ขอให้คำว่า ของแท้ และ ของจริง ค่ะ
ถ้าใครที่ได้ยินได้ฟังธรรมะ แม้แต่จากที่อื่นที่ไม่ใช่ท่านอาจารย์ แต่ไม่มีความสนใจก็แสดงว่าไม่ได้สะสมมาที่จะเจริญปัญญาความเห็นถูกค่ะ และถึงแม้ได้ฟังธรรมะจากท่านอาจารย์แล้วไม่ได้เห็นคุณค่าก็ยิ่งไกลเลยค่ะ
อนุโมทนาท่านอาจารย์ ท่านมีบุญคุณต่อข้าพเจ้าและครอบครัวมาก
เคยฟังด้วยความพึงพอใจและดำรงการฟังเช่นนั้นไว้ด้วยความประมาทอยู่นาน จนวันหนึ่งจึงได้เข้าใจว่าต้องตั้งใจฟังด้วยดี และพึงน้อมใจไปเพื่อการฟัง
เพราะพระสัทธรรมของพระผู้มีพระภาคนี้เป็นสิ่งที่ได้ตรัสรู้มาโดยยากเมื่อได้ทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาคุณ แสดงไว้แล้วล่วงมาถึงกาลสมัยนี้ พระสัทธรรมของพระผู้มีพระภาคหาผู้เข้าใจอย่างแท้จริงและนำมาแสดงได้ตรงตามพระพุทธพจน์นั้นแสนยาก เมื่อมีผู้นำมาแสดงได้โดยถูกต้องและตรงแล้ว โอกาสในการได้ยินได้ฟังก็ยาก ได้ยินแล้วผู้ไม่ได้สะสมมาจะเป็นผู้มีความอดทนฟังต่อก็ยาก ได้ฟังแล้วกว่าจะขัดเกลาสะสมอบรมเจริญปัญญาไปจนเข้าใจได้ชัดเจนแจ่มแจ้งก็แสนยากยิ่งกว่ายาก และแม้นจะยากแสนยากถึงเพียงนั้น ก็ยังอยู่ในวิสัยของผู้ที่ได้สะสมมาที่จะค่อยๆ สะสมอบรมเจริญปัญญาต่อไปจนค่อยๆ เข้าใจเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยได้ แม้จะต้องใช้เวลาอีกยาวนานมากต่อไปในสังสารวัฏฏ์ก็ตาม
ฉะนั้น เมื่อโอกาสดีอันหายากเช่นนี้มาถึงและในชาตินี้เป็นผู้ได้มีคติสมบัติ เกิดในภพภูมิที่ดี มีทวารทั้งหกไม่บกพร่องจึงตั้งใจฟังด้วยดีต่อมา ด้วยความนอบน้อมในพระสัทธรรมของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ด้วยความเคารพในผู้นำพระสัทธรรมมาแสดงด้วยความเคารพและตรงยิ่งท่านนี้
ซึ่งเป็น ๑ ในรัตนะที่หายากยิ่งแล้ว
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ
ยังฟังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ฟังแล้วและฟังอีก พิจารณาและเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟัง
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
กราบท่านอาจารย์
ขออนุโมทนาทุกท่านด้วยนะครับ
ฟังแล้ว ก็เหมือนยังไม่ได้ฟัง ฟังแล้ว ก็หลงลืมสติอีก แต่ขณะฟังครั้งใด สติเกิดบ้างตามควรแก่เหตุปัจจัย ขณะฟังครั้งใด ก็รู้ว่ายังไม่รู้ ไม่เข้าใจอะไรอีกมาก ขณะฟังครั้งใดจึงรู้ว่าพระธรรมนั้น เป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ได้ยาก รู้ตาม เห็นตามได้ยาก สงบ ประณีต ไม่อาจจะรู้ได้ ด้วยการตรึกพระธรรม เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย
พระธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ฟังอย่างนี้ อกุศลยังเกิดตลอดเวลา ถ้าหยุดฟัง ปล่อยให้อวิชชาเจริญขึ้น สังสารวัฏฏ์ก็ไม่มีวันสิ้นสุด
พวกเราต้องมีบุญกรรมเกี่ยวข้องกันกับท่านอ.สุจินต์ แต่อดีตชาติ
"บังเอิญ" ไม่มีในคำสอนของพระพุทธองค์
ธรรมที่นำมาเผยแผ่ มีเนื้อหาอัศจรรย์ เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นรูป การเห็นเป็นนาม เมื่อฟัง ก็ได้ยินเสียงไพเราะ แจ่มใส กังวาล ลีลาต่อเนื่องไม่ติดขัด เมื่อเห็นท่าน ก็สัมผัสกับความเมตตา กรุณา ความบริสุทธิ์ สะอาด ผมนึกถึงท่านทีไรก็ปิติ นึกถึงแต่บุญกุศลที่ทำไว้ ด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ กุศลกรรมพร้อมด้วยทวาร ๓ ครบ ผัสสะทั้ง ๖ ได้เก็บไว้แล้วด้วยดีครับ ท่านทำหรือยังแค่วาจา ใจ ไม่ครบนะครับ ต้องกายด้วยครับ ผมเคยช่วยยกเครื่องขยายเสียงข้ามแม่น้ำหงสาให้ท่านอาจารย์ เคยกวาดศาลาให้สะอาด เคยจัดหาที่พัก จัดหายานพาหนะให้ท่านอาจารย์
ท่านทำกุศลด้วยทวาร ๓ ด้วยนะครับ ขออนุโมทนาครับ
ก่อนได้ฟังและรู้จักน้ำเสียงท่านอาจารย์ โดยส่วนตัวก็ชอบอ่านเรื่องราวสมัยพุทธกาลนิทานชาดก พุทธประวัติ (ไม่ได้หมายความว่ารู้มากแล้วนะคะ)
เมื่อมีโอกาสได้ฟังธรรมบรรยายของท่าน ท่านสอนตรงตามพระไตรปิฎก เป็นเรื่องราวขององค์พระศาสดาซึ่งควรศึกษาและมีคุณค่ายิ่งด้วยน้ำเสียงที่สม่ำเสมอ การถามเพื่อให้เกิดการระลึก พิจารณาตาม ด้วยเหตุและผล เมื่อยิ่งฟังยิ่งศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการปลูกศรัทธา ศีล สมาธิ ปัญญา ด้วยความเข้าใจถูก ตรง ตามหลักธรรมสภาพความเป็นจริงของชีวิต เข้าใจและเท่าทันในกุศลและอกุศลในตนเองมากขึ้น ฯลฯ
กราบท่าน อ.สุจินต์ ด้วยความเคารพค่ะ
สหายธรรมบ้านธัมมะทุกท่านในการเอื้ออนุเคราะห์ธรรม
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเห็นก็คิดว่าคงไม่มีใครอีกแล้ว จึงขอสรุป
คุณ พุทธรักษา แสดงความเห็นสองครั้ง รวมความว่าเพราะเนื้อหาแปลกไม่เคยได้ยินมาก่อน ฟังแล้วได้ประโยชน์อย่างมากๆ ๆ จึงฟังต่อ ขออนุโมทนาที่ฟังเข้าใจ และขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรม
คุณ natnicha ฟังอาจารย์ตอบด้วยความมั่นใจละเอียดลึกซึ้ง จึงฟังต่อ
คุณ prakaimuk.k เหตุผลฟังต่อดีๆ ทั้งนั้นซึ่งผมก็เห็นด้วย แต่ไม่เห็นบอกความรู้สึกตอนพบอาจารย์ครั้งแรก
คุณ สุภาพร เพราะเสียงไพเราะและเนื้อหามีสาระ จึงฟังด่อ ไม่ใช่คุณคนเดียวนะที่ได้ยินเสียงไพเราะแล้วฟังต่อ
คุณ michii ฟังครั้งแรกก็รู้สึก เบา สบาย แล้ว เก็งๆ
คุณ khampan.a เอาตัวรอดได้แล้ว น้อง เมตตา อนุโมทนาการฟังต่อ แต่อย่าลืมเข้าใจละ
คุณ yupa แล้วคุณยุภาเข้าใจความหมายหรือปล่าว
คุณ c.pongsiri ขอบคุณๆ
คุณ wannee.s หาฟังธรรมจนพบ แล้วฟังต่อ เยี่ยมๆ
ป้าจาย ฟังด้วยความเคารพ จึงฟังต่อ ตอนนี้มั่นคงแล้ว ไชโย ไชโย อีกที
คุณ Suwit 02 เอาบุญอีกแล้ว
คุณ pararawee ไม่ได้บอกความรู้สึกครั้งแรกที่พบอาจารย์ แต่ก็ฟังตลอดมา
คุณ pornpoan ขออนุโมทนาที่ฟังไม่เข้าใจแต่ก็ฟังต่อ ถ้าบอบว่าพึงพอใจอะไรในอาจารย์ตอนแรกพบก็จะดี
คุณ วันชัย 2504 อนุโมทนา
คุณ ปทปรม พยายามต่อครับ
คุณ mamma จึงไม่ใช่บังเอ็ญ
คุณ บัณฑิตทึ่ม ถ้ารู้จริงๆ ว่าอะไรคือความจริงก็ดีซิครับ
คุณ lichinda อนุโมทนาครับ
คุณ opanayigo น้ำเสียงและความเข้าใจจึงฟังต่อ ขอน้อบน้อมต่อปัญญาที่มีครับ
ผมได้สอบถามเพื่อนสหายธรรมหลายคนถึงเหตุผลการฟังต่อ บางท่านชอบเสียง บางท่านชอบเสียงแต่ฟังไม่รู้เรือง บางท่านพอได้ยินเสียงก็ร้องว่าใช่เลยๆ แล้วก็น้ำตาร่วง และยังมีอาการต่างๆ อีกเยอะแยะ ส่วนผมฟังแล้ว เสียงก็ไม่ไพเราะ แถมไม่รู้เรื่อง แต่ดูเหมือนแม่กำลังสอนลูก
ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง หวังว่าคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ ที่ชักชวนกันให้สนทนาธรรมและไม่ถามอย่างเดียว แต่แสดงความเห็นของตนด้วย แต่บทสรุปของคุณที่มีต่อแต่ละคนเป็นความเห็นของคนๆ หนึ่ง อาจไม่ตรงเสมอไปเพราะพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่มีพระสัพพัญญุตญาณ
ถ้าไม่ถือสาความเห็นของตัวเอง คงไม่ถือสาความเห็นของผู้อื่นด้วยนะคะ
ท่านอาจารย์เคยกล่าวว่า"ทุกชีวิตสะสมมาต่างกัน ไม่มีชีวิตไหนที่คิดเหมือนเลย" แต่ร่วมทางกันได้ ตามแบบของตนๆ ความอยากรู้อยากเห็น การพูดคุยกันเป็นเรื่องธรรมชาติหากไม่ผิดศีลธรรมย่อมรับได้ แต่รู้แล้ว ถืออะไรเป็นประโยชน์ สำคัญกว่าไหมคะ? คุณ choonj ละคะ...ถืออะไรเป็นประโยชน์?
อนุโมทนาเช่นกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 23 ของคุณ พุทธรักษา มีสาระสำคัญควรพิจารณาไตร่ตรองให้ดี คุณ choonj หากได้นำไปพิจารณาให้ดีจะเกิดประโยชน์อย่างมากค่ะขออนุโมทนาคุณ พุทธรักษาค่ะ
ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษาค่ะ
เห็นด้วยกับคุณเมตตา ความคิดเห็นที่ 25
เพราะดิฉันเคยได้ยินท่านผู้รู้พูดว่า "ไม่รู้แล้วรู้ตัวเองว่าไม่รู้นั้นยังเรียกว่าเป็นบัณฑิต เพราะยังเข้าใจความจริง แต่ที่น่ากลัวก็คือ ไม่รู้แล้วคิดว่าตัวเองรู้นี่สิ" เพราะบุคคลบางคน แม้ฟังอยู่ก็ชื่อว่าไม่ฟัง เพราะถูกมานะปิดบังความจริงเสียแล้ว
คุณ choonj ละคะ คุณมักได้รับการเกื้อกูลด้วยการตอบข้อสงสัยต่างๆ ที่คุณซักถามจากยอดกัลยาณมิตรแห่งยุคนี้ พ.ศ.นี้ อยู่ทุกเสาร์-อาทิตย์ คุณเป็นผู้ฟังอยู่และได้รับประโยชน์จากการฟังนั้นหรือไม่
ขอความเจริญในกุศลทุกประการ จงมียิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ...อนุโมทนาค่ะ
ตอบคุณ พุทธรักษา คุณเมตตา และคุณ pornpaon เป็นความคิดเห็นอย่างเดียวครับ เพราะกำลังแสดงความคิดเห็น ถ้าล่วงเกินก็ขออภัย
ไม่เป็นไรคะ เห็นโทษแล้วแก้ไขเป็นอุปนิสัยอันดี แล้วเริ่มต้นใหม่ตั้งใจฟังพระสัทธรรมด้วยความนอบน้อม มาอยู่ที่นี่ได้ ต้องมีเหตุปัจจัย แต่จะได้รับสาระประโยชน์ หรือไม่ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ
พวกเราก็เป็นสหายธรรมกัน มีแต่จะเกื้อกูลกันมีแต่ความจริงใจโดยไม่มีสิ่งอื่นแอบแฝงค่ะ แม้การแสดงความคิดเห็นก็ต้องอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจพระธรรมด้วยค่ะ
ตอบคุณเมตตา ขอโทษด้วยที่ล่วงเกิน คงไม่ทำไห้อกุศลจิตเกิดนะครับ ผมไม่มีเจตนาที่จะล่วงเกิน และแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานหัวข้อของผมเพื่อความรู้ และความแตกต่างเท่านั้นเอง ผมคงเขียนไม่ดีทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นก็ขออภัยอีกที ประโยชน์ของหัวข้อนี้ก็คือ ที่จะรู้ว่าแต่ละท่านมีการสั่งสมมามากเท่าไรเท่านั้นเองในการฟังธรรม ไม่ได้เกี่ยวกับธรรมะอื่นเลย ขออภัย ขออภัย ทีล่วงเกิน และขอบคุณที่ไห้อภัย