อะไรเป็นประโยชน์
สนทนาพื้นฐานพระอภิธรรม ที่มูลนิธิฯ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ พ.ย. ๒๕๕๐
ธนากร คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ...
อาจารย์ ด้วยความเป็นเราใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น ก็ไม่เข้าใจความเป็นธรรม ซึ่งเกิดแล้วดับไปแล้ว
ธนากร ถ้าอย่างนั้น คนที่ทำผิด แล้วเราก็บอกว่า สิ่งนั้นล่วงไปแล้ว เกิดแล้วดับแล้ว เราไม่ต้องสนใจ ...
อาจารย์ หรือเข้าใจ
ธนากร เข้าใจว่าสิ่งนั้น เกิดแล้ว ...
อาจารย์ ถ้าอย่างนั้นขณะที่ อกุศลจิตเกิด ไม่อยากให้อกุศลจิตนั้นเกิด พยายามหาทางที่จะไม่ให้อกุศลจิตเกิดกับขณะที่เห็นอกุศลจิตเกิดแล้วเห็นความเป็นธรรม อะไรเป็นประโยชน์?
ธนากร เห็นความเป็นธรรมะ ประโยชน์กว่า
อาจารย์ ถ้าเห็นความเป็นธรรมะ สิ่งนั้น หมดแล้วไม่ใช่เรา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย อาจหาญ ร่าเริง ที่จะอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้ความจริง มิฉะนั้นความเป็นตัวเรา ห่วงเรามากนะคะ จะเกิดบนสวรรค์หรือเปล่านี่ หรือจะลงนรก ก็แล้วแต่นะคะ ก็เป็นเรื่องของความเป็นตัวตนทั้งนั้นแหละ
ธนากร อาจหาญ ร่าเริง
อาจารย์ ที่จะรู้ว่า ความจริงไม่ใช่เรา เป็นธรรมะ กำลังเสียใจ น้อยใจ โกรธ ขุ่นใจ เป็นธรรมะหรือเปล่าคะ ขณะนั้นไม่อยากขุ่นใจ ไม่อยากเสียใจเลย พยายามหาทางที่จะไม่เสียใจขุ่นใจ กับการรู้ความจริงในขณะนั้น เป็นธรรมะเกิดแล้ว ปรากฏแล้ว บังคับบัญชาไม่ได้ อะไรจะเป็นประโยชน์กว่ากัน นี่คือความหมายของอาจหาญ ร่าเริง ที่จะรู้ความจริง ถ้าไม่มีเรานี้ เบาสบายไหมคะ แต่กว่าจะถึงความเบาสบายจริงๆ นี้ ภังคญาณหรือเปล่า หรือปัญญาที่สามารถจะรู้ความจริงยิ่งขึ้น จนกระทั่งไม่เดือนร้อนกับสัจธรรม ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ถ้ายังเดือดร้อนอยู่ เยื่อใยความเป็นเรา ยังมีอยู่ระดับไหน แล้วจะหมดไปได้อย่างไร เพราะว่าถ้าเป็นพระโสดาบัน คือดับความยึดถือสัจธรรมทั้งหมด ว่าเป็นเราหรือของเรา เพราะว่าเป็นแต่เพียงสัจธรรม ซึ่งเกิดขึ้นและดับไป แล้วไม่กลับมาอีกเลยค่ะ สุขสักเท่าไร ที่เกิดขึ้น ยังจำได้ใช่ไหมคะ แค่จำแต่สุขนั้น ไม่ได้กลับมาอีกเลย แม้แต่ความจำในขณะนั้นเกิดขึ้น แล้วก็หมดไป แล้วก็จำเรื่องอื่นแล้ว แม้แต่ความจำอีก ก็ไม่ใช่ความจำเก่า ทุกอย่างที่เกิดปรากฏนี้ เกิดขึ้นแล้วก็หมดไป แต่เร็วจนกระทั่งเป็นเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่ยาวมาก ตั้งแต่เกิดจนตายก็เป็นคนนั้นคนนี้ เป็นเราวันนั้นวันนี้ ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยไม่ทราบว่า ความจริงก็เป็นธรรมะ ซึ่งเป็นนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
' ถ้าเห็นความเป็นธรรมะ สิ่งนั้น หมดแล้วไม่ใช่เรา เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย อาจหาญ ร่าเริง ที่จะอบรมเจริญปัญญา'
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ
''ที่จะรู้ว่า ความจริงไม่ใช่เรา เป็นธรรมะ กำลังเสียใจ น้อยใจโกรธ ขุ่นใจ เป็นธรรมะหรือเปล่าคะ ขณะนั้นไม่อยากขุ่นใจ ไม่อยากเสียใจเลย พยายามหาทางที่จะไม่เสียใจขุ่นใจ กับการรู้ความจริงในขณะนั้น เป็นธรรมะเกิดแล้ว ปรากฏแล้ว บังคับบัญชาไม่ได้ อะไรจะเป็นประโยชน์กว่ากัน นี่คือความหมายของอาจหาญ ร่าเริงที่จะรู้ความจริง ''
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์
ผู้ใดไม่มีความยึดถือว่า ของเราในนามรูป โดยประการทั้งปวง และผู้ใดย่อมไม่เศร้าโศกเพราะ นามรูปที่ไม่มีอยู่ ผู้นั้นแลท่านเรียกว่า ภิกษุ.
ผู้ใดไม่มีกังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น ผู้นั้นเมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา จึงไม่เศร้าโศกว่า ของเราไม่มี
พระพุทธพจน์
ขออนุโมทนาค่ะ