ชีวิตนี้สั้นนัก
สำหรับตัวเอง พอคิดถึงว่าชีวิตนี้สั้นนัก ก็พยายามจะทำสิ่งที่ดีๆ ต่อส่วนรวมและคนอื่นๆ เท่าที่สามารถทำได้ เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว แต่พอหลงลืมสติก็มีโลภะ โทสะ โมหะขึ้นมาอีก
เพราะยังไม่ได้ละกิเลส เพราะขาดปัญญา ฉะนั้นการศึกษาธรรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่
สุดในชีวิต เพราะปัญญาทำให้เราละเว้นอกุศลที่ไม่ดีทางกาย ทางวาจาและทางใจค่ะ
เพราะความไม่รู้ค่ะ จึงเบียดเบียนกัน อย่างตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง
ปัญญาจะทำให้เราไม่เบียดเบียนตอบค่ะ....
ไม่ต้องห่วงว่า เวลามีสั้นหรือยาว มีมากหรือน้อย มีเวลาก็ยังดีกว่าไม่มี เท่าที่มีอยู่ และโอกาสในการศึกษาพระธรรมก็นับว่ามีไม่น้อย จากการศึกษาและสนทนาธรรมที่เว็บนี้ และที่มูลนิธิค่ะ
"ชีวิตนี้สั้นนัก" เป็นคำพูดของผู้ที่จะประกอบการต่างๆ ทั้งที่ดีและไม่ดี ที่ต้องใช้เวลา เช่น สร้างกำแพงเมืองจีน สร้างปิรามิต ค้นคว้าวทางวิทยาศาสตร์ และผู้ที่ศึกษาธรรมะซึ่งต้องใช้เวลาเจริญปัญญาที่เป็นพืชโตช้า ชีวิตจะไม่สั้นถ้าคนเหล่านั้นไม่พบจุดหมายของชีวิตที่เหมาะสมกับชีวิตเขาและวันๆ เต็มไปด้วยความทุกข์และอกุศล จะเห็นได้จากคนที่จะฆ่าตัวตายและพยายามไปฆ่าคนอื่น จึงมีผู้เบียดเบียนเพื่อได้มาให้เป็นเสบืยงสำหรับชีวิตที่ไม่สั้นของเขา
ขออนุโมทนาคุณ อ้อม ที่พบจุดหมายของชีวิตคือ การศึกษาธรรมเจริญปัญญา
ขอไห้สุขภาพแข็งแรง เพราะถ้ามีโรคภัย ชีวิตอาจจะไม่สั้นก็ได้ คือ เมื่อแก่และป่วยทำอะไรไม่ได้แล้วแต่ไม่ตาย
และอีกนัยหนึ่งที่ยังเบียดเบียนตนและผู้อื่นนั้นก็เพราะเป็นผู้มีปัญญาไม่มาก
๐๐๕๐๔ ผู้ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น
พ. ดูก่อนภิกษุ บุคคลผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญามาก ในธรรมวินัยนี้ย่อม ไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตน ย่อมไม่คิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ย่อมไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่น เมื่อคิดย่อมคิดเพื่อเกื้อกูลแก่ตน เกื้อกูลแก่ผู้อื่น เกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่น และเกื้อกูลแก่โลกทั้งหมดทีเดียว ดูก่อนภิกษุ บุคคลเป็นบัณฑิตมีปัญญามากอย่างนี้แล.
อุมมังคสูตร [เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๔๕๕
ธรรมเตือนใจวันที่ : 02-07-2551
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เพราะอวิชชาคือความไม่รู้เป็นเหตุทำให้คนเรากระทำกรรมดีบ้าง กระทำอกุศลกรรมบ้าง แต่ในชีวิตปัจจุบันอกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศลจิต จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอกุศลกรรมมากกว่า และสั่งสมไปในจิตขณะต่อๆ ไป จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้คนเราถึงเบียดเบียนกันทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
พวกเรายังมีบุญที่ได้กระทำไว้ได้มาพบพระพุทธศาสนา ได้มาศึกษาพระธรรมให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก แม้ชีวิตนี้จะแสนสั้นนักก็จะเป็นผู้ไม่ประมาท เพราะมีปํญญาเห็นโทษแม้อกุศลเพียงเล็กน้อย ขออนุโมทนาค่ะ
..
เมื่อคิดว่าชีวิตนี้ สั้นนักทำให้ดิฉันพยายามที่จะประกอบแต่กรรมดีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แต่ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะบางครั้งจิตเราก็เป็นอกุศล หวั่นไหวกับสิ่งที่เข้ามากระทบเมื่อมีสติก้เริ่มนับ 1 ใหม่ ทำยากจริงๆ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
ชีวิตนี้น้อยนักสั้นนักรวดเร็วนักแต่ผู้ประมาท ย่อมมองว่ายาวนาน
ชีวิตน้อยนี้ มีเวลาเพื่อสิ่งใด ผู้ไม่ประมาทย่อมเปลี่ยนแปรชีวิตน้อยนี้ให้เป็นพลังแห่งการเรียนรู้ ชีวิตและความจริงทุกๆ ขณะ ชีวิตน้อยนี้ของท่านเล่าจักปล่อยให้ผ่านไปเพื่อสิ่งใดกัน.
ข้อความบางตอนจากหนังสือ "ธรรมานุภาพ"โดยมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย
ขออนุโมทนา.
เพียรระวังไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้น
เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
เพียรเจริญกุศลที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น
เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
..
ผู้ที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้วจะไปเกิดในภพภูมิใด ถ้าหากไปเกิดในอบายภูมิ ย่อมหมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม ไม่มีโอกาสที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ ฉะนั้นแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุด ขณะนั้นย่อมชื่อว่าไม่เบียดเบียนตน และไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วย เพราะเหตุว่าชีวิตนี้ สั้นแสนสั้น พึงสะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อขัดเกลากิเลสที่เกิดขึ้นกับตนเอง (พิจารณาตนเองเป็นสำคัญ) ครับ
ขออนุโมทนาครับ ..
ชีวิตนี้แสนสั้น แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะจิตที่เป็นอกุศลบ้าง กุศลบ้าง ยิ่งเกิดดับรวดเร็วกว่านั้นจนไม่สามารถนับได้ถ้วน
พึงเป็นผู้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เป็นผู้ไม่เบียดเบียนตน
พึงอยู่ด้วยการฟังธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดจากการฟัง
ศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจถูกและเป็นปัญญาจริงๆ เพื่อการค่อยๆ ละ ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสอกุศลของตนเอง เพราะไม่มีใครสามารถจะไปละอกุศลของคนอื่นได้
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านผู้ให้ความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมทุกท่านค่ะ
..
ขอบพระคุณทุกท่านมากที่ได้ให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับดิฉันและคนอื่นๆ ทุกวันนี้พยายามศึกษาและฟังธรรมเป็นประจำ จนบางครั้งก็ละเลยสิ่งที่ควรศึกษาทางโลกเพื่อนำมาใช้ในการทำงาน เช่น วิชาการต่างๆ จนเหมือนทำงานไปวันๆ ไม่พัฒนางานที่ทำ แต่งานก็ไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ถูก แต่ไม่ชอบอ่านหนังสือวิชาการ ชอบอ่านแต่หนังสือธรรมะ มันเป็นความหลงผิดใช่หรือไม่ ที่ไม่ค้นขวายทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะความไม่ชอบ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อาจจะเป็นคำที่อ่านแล้วก็เข้าใจไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล หากแต่ว่าคำว่า หน้าที่ก็ต่างกันไปตามความเข้าใจ เกิดมาแล้วมีหน้าที่ หน้าที่ต้องรับกรรมและผลของกรรม ต้องเห็น ได้ยิน.เป็นไปตามหน้าที่ของธรรม ไม่ใช่เราทำหน้าที่ ขณะที่คิดนึกเป็นไปในสิ่งต่างๆ ก็ตามการสะสมของจิตที่สะสมมา เป็นหน้าที่ของธรรมอีกเช่นกันที่ทำให้คิดอย่างนั้น แต่พระธรรมก็ส่องให้เห็นว่าการใช้ชีวิตอยู่ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นไปตามหน้าที่ของธรรมที่สะสมมา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใด สังคมไหน อาชีพอะไรก็ทำหน้าที่ไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคล สะสมมาอย่างไร จิตและเจตสิกก็ปรุงแต่งให้คิด ให้ทำอย่างนั้น ทำในสิ่งที่ถูกด้วยเป็นกุศลธรรม นั่นคือการทำหน้าที่ที่ดีที่สุด สามารถใช้ชีวิตประจำวันด้วยความเห็นถูก แม้แต่การประกอบอาชีพเพราะพระธรรมไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันครับ
ขออนุโมทนา
๐๐๔๙๑ ศึกษาพระธรรมงานที่ควรทำก่อน
ผู้ใดมุ่งจะทำงานที่ควรทำก่อน ไพล่ไปทำในภายหลัง ผู้นั้นย่อมพลาดจากฐานะ อันนำมาซึ่งความสุขและย่อมเดือดร้อนในภายหลัง. งานใดควรทำก็พึงพูดถึงแต่งานนั้นเถิด งานใดไม่ควรทำ ก็ไม่ควรพูดถึงงานนั้น คนไม่ทำมีแต่พูด บัณฑิตทั้งหลายก็รู้ทัน.
หาริตเถรคาถา
[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ ๓๑๙
ธรรมเตือนใจวันที่ : ๐๕-๐๖-๒๕๕๑
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
คนไม่ทำ มีแต่พูดบัณฑิตทั้งหลาย ก็รู้ทันช่างเตือนใจตนเองได้ดียิ่งนัก
.........................................อนุโมทนาค่ะ
...................................