ชีวิตนี้สั้นนัก

 
oom
วันที่  1 ก.ค. 2551
หมายเลข  9097
อ่าน  2,844
ชีวิตนี้แสนสั้นนัก ทำไมคนเราถึงยังเบียดเบียนกันทั้งทางกาย วาจา และใจ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 2 ก.ค. 2551
เพราะมีอกุศลธรรม โดยเฉพาะโลภะ โทสะ โมหะ สัตว์จึงเบียดเบียนกัน
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
oom
วันที่ 2 ก.ค. 2551

สำหรับตัวเอง พอคิดถึงว่าชีวิตนี้สั้นนัก ก็พยายามจะทำสิ่งที่ดีๆ ต่อส่วนรวมและคนอื่นๆ เท่าที่สามารถทำได้ เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว แต่พอหลงลืมสติก็มีโลภะ โทสะ โมหะขึ้นมาอีก

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 2 ก.ค. 2551

เพราะยังไม่ได้ละกิเลส เพราะขาดปัญญา ฉะนั้นการศึกษาธรรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่

สุดในชีวิต เพราะปัญญาทำให้เราละเว้นอกุศลที่ไม่ดีทางกาย ทางวาจาและทางใจค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
prakaimuk.k
วันที่ 2 ก.ค. 2551

เพราะความไม่รู้ค่ะ จึงเบียดเบียนกัน อย่างตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้าง

ปัญญาจะทำให้เราไม่เบียดเบียนตอบค่ะ....

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ป้าจาย
วันที่ 2 ก.ค. 2551

ไม่ต้องห่วงว่า เวลามีสั้นหรือยาว มีมากหรือน้อย มีเวลาก็ยังดีกว่าไม่มี เท่าที่มีอยู่ และโอกาสในการศึกษาพระธรรมก็นับว่ามีไม่น้อย จากการศึกษาและสนทนาธรรมที่เว็บนี้ และที่มูลนิธิค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
choonj
วันที่ 2 ก.ค. 2551

"ชีวิตนี้สั้นนัก" เป็นคำพูดของผู้ที่จะประกอบการต่างๆ ทั้งที่ดีและไม่ดี ที่ต้องใช้เวลา เช่น สร้างกำแพงเมืองจีน สร้างปิรามิต ค้นคว้าวทางวิทยาศาสตร์ และผู้ที่ศึกษาธรรมะซึ่งต้องใช้เวลาเจริญปัญญาที่เป็นพืชโตช้า ชีวิตจะไม่สั้นถ้าคนเหล่านั้นไม่พบจุดหมายของชีวิตที่เหมาะสมกับชีวิตเขาและวันๆ เต็มไปด้วยความทุกข์และอกุศล จะเห็นได้จากคนที่จะฆ่าตัวตายและพยายามไปฆ่าคนอื่น จึงมีผู้เบียดเบียนเพื่อได้มาให้เป็นเสบืยงสำหรับชีวิตที่ไม่สั้นของเขา

ขออนุโมทนาคุณ อ้อม ที่พบจุดหมายของชีวิตคือ การศึกษาธรรมเจริญปัญญา

ขอไห้สุขภาพแข็งแรง เพราะถ้ามีโรคภัย ชีวิตอาจจะไม่สั้นก็ได้ คือ เมื่อแก่และป่วยทำอะไรไม่ได้แล้วแต่ไม่ตาย

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 2 ก.ค. 2551

และอีกนัยหนึ่งที่ยังเบียดเบียนตนและผู้อื่นนั้นก็เพราะเป็นผู้มีปัญญาไม่มาก

๐๐๕๐๔ ผู้ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น

พ. ดูก่อนภิกษุ บุคคลผู้เป็นบัณฑิตมีปัญญามาก ในธรรมวินัยนี้ย่อม ไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตน ย่อมไม่คิดเพื่อเบียดเบียนผู้อื่น ย่อมไม่คิดเพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่น เมื่อคิดย่อมคิดเพื่อเกื้อกูลแก่ตน เกื้อกูลแก่ผู้อื่น เกื้อกูลแก่ตนและผู้อื่น และเกื้อกูลแก่โลกทั้งหมดทีเดียว ดูก่อนภิกษุ บุคคลเป็นบัณฑิตมีปัญญามากอย่างนี้แล.

อุมมังคสูตร [เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๔๕๕

ธรรมเตือนใจวันที่ : 02-07-2551

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 2 ก.ค. 2551

เพราะอวิชชาคือความไม่รู้เป็นเหตุทำให้คนเรากระทำกรรมดีบ้าง กระทำอกุศลกรรมบ้าง แต่ในชีวิตปัจจุบันอกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศลจิต จึงเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดอกุศลกรรมมากกว่า และสั่งสมไปในจิตขณะต่อๆ ไป จึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้คนเราถึงเบียดเบียนกันทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ

พวกเรายังมีบุญที่ได้กระทำไว้ได้มาพบพระพุทธศาสนา ได้มาศึกษาพระธรรมให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก แม้ชีวิตนี้จะแสนสั้นนักก็จะเป็นผู้ไม่ประมาท เพราะมีปํญญาเห็นโทษแม้อกุศลเพียงเล็กน้อย ขออนุโมทนาค่ะ
..

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
oom
วันที่ 3 ก.ค. 2551

เมื่อคิดว่าชีวิตนี้ สั้นนักทำให้ดิฉันพยายามที่จะประกอบแต่กรรมดีเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แต่ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะบางครั้งจิตเราก็เป็นอกุศล หวั่นไหวกับสิ่งที่เข้ามากระทบเมื่อมีสติก้เริ่มนับ 1 ใหม่ ทำยากจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พุทธรักษา
วันที่ 3 ก.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
ชีวิตนี้น้อยนักสั้นนักรวดเร็วนักแต่ผู้ประมาท ย่อมมองว่ายาวนาน
ชีวิตน้อยนี้ มีเวลาเพื่อสิ่งใด ผู้ไม่ประมาทย่อมเปลี่ยนแปรชีวิตน้อยนี้ให้เป็นพลังแห่งการเรียนรู้ ชีวิตและความจริงทุกๆ ขณะ ชีวิตน้อยนี้ของท่านเล่าจักปล่อยให้ผ่านไปเพื่อสิ่งใดกัน.

ข้อความบางตอนจากหนังสือ "ธรรมานุภาพ"โดยมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย
ขออนุโมทนา.

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ตุลา
วันที่ 3 ก.ค. 2551

เพียรระวังไม่ให้บาปอกุศลเกิดขึ้น

เพียรละบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว

เพียรเจริญกุศลที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น

เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ

..

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
มาณพน้อย
วันที่ 3 ก.ค. 2551

ผู้ที่เกิดมาในโลกนี้แล้ว ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าเมื่อละจากโลกนี้ไปแล้วจะไปเกิดในภพภูมิใด ถ้าหากไปเกิดในอบายภูมิ ย่อมหมดโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม ไม่มีโอกาสที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ ฉะนั้นแล้ว ทุกๆ วันจึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำชีวิตที่ยังมีอยู่ ยังเหลืออยู่นี้ ให้เป็นชีวิตที่มีค่ามากที่สุด ขณะนั้นย่อมชื่อว่าไม่เบียดเบียนตน และไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วย เพราะเหตุว่าชีวิตนี้ สั้นแสนสั้น พึงสะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อขัดเกลากิเลสที่เกิดขึ้นกับตนเอง (พิจารณาตนเองเป็นสำคัญ) ครับ

ขออนุโมทนาครับ ..

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pornpaon
วันที่ 3 ก.ค. 2551

ชีวิตนี้แสนสั้น แต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะจิตที่เป็นอกุศลบ้าง กุศลบ้าง ยิ่งเกิดดับรวดเร็วกว่านั้นจนไม่สามารถนับได้ถ้วน

พึงเป็นผู้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เป็นผู้ไม่เบียดเบียนตน

พึงอยู่ด้วยการฟังธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดจากการฟัง

ศึกษาพระธรรมเพื่อความเข้าใจถูกและเป็นปัญญาจริงๆ เพื่อการค่อยๆ ละ ค่อยๆ ขัดเกลากิเลสอกุศลของตนเอง เพราะไม่มีใครสามารถจะไปละอกุศลของคนอื่นได้

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านผู้ให้ความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมทุกท่านค่ะ
..

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
suwit02
วันที่ 3 ก.ค. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
oom
วันที่ 4 ก.ค. 2551

ขอบพระคุณทุกท่านมากที่ได้ให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับดิฉันและคนอื่นๆ ทุกวันนี้พยายามศึกษาและฟังธรรมเป็นประจำ จนบางครั้งก็ละเลยสิ่งที่ควรศึกษาทางโลกเพื่อนำมาใช้ในการทำงาน เช่น วิชาการต่างๆ จนเหมือนทำงานไปวันๆ ไม่พัฒนางานที่ทำ แต่งานก็ไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งก็รู้ตัวว่าเราทำไม่ถูก แต่ไม่ชอบอ่านหนังสือวิชาการ ชอบอ่านแต่หนังสือธรรมะ มันเป็นความหลงผิดใช่หรือไม่ ที่ไม่ค้นขวายทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะความไม่ชอบ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 5 ก.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อาจจะเป็นคำที่อ่านแล้วก็เข้าใจไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล หากแต่ว่าคำว่า หน้าที่ก็ต่างกันไปตามความเข้าใจ เกิดมาแล้วมีหน้าที่ หน้าที่ต้องรับกรรมและผลของกรรม ต้องเห็น ได้ยิน.เป็นไปตามหน้าที่ของธรรม ไม่ใช่เราทำหน้าที่ ขณะที่คิดนึกเป็นไปในสิ่งต่างๆ ก็ตามการสะสมของจิตที่สะสมมา เป็นหน้าที่ของธรรมอีกเช่นกันที่ทำให้คิดอย่างนั้น แต่พระธรรมก็ส่องให้เห็นว่าการใช้ชีวิตอยู่ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นไปตามหน้าที่ของธรรมที่สะสมมา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใด สังคมไหน อาชีพอะไรก็ทำหน้าที่ไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคล สะสมมาอย่างไร จิตและเจตสิกก็ปรุงแต่งให้คิด ให้ทำอย่างนั้น ทำในสิ่งที่ถูกด้วยเป็นกุศลธรรม นั่นคือการทำหน้าที่ที่ดีที่สุด สามารถใช้ชีวิตประจำวันด้วยความเห็นถูก แม้แต่การประกอบอาชีพเพราะพระธรรมไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 5 ก.ค. 2551


๐๐๔๙๑ ศึกษาพระธรรมงานที่ควรทำก่อน

ผู้ใดมุ่งจะทำงานที่ควรทำก่อน ไพล่ไปทำในภายหลัง ผู้นั้นย่อมพลาดจากฐานะ อันนำมาซึ่งความสุขและย่อมเดือดร้อนในภายหลัง. งานใดควรทำก็พึงพูดถึงแต่งานนั้นเถิด งานใดไม่ควรทำ ก็ไม่ควรพูดถึงงานนั้น คนไม่ทำมีแต่พูด บัณฑิตทั้งหลายก็รู้ทัน.

หาริตเถรคาถา
[เล่มที่ 51] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๒ - หน้าที่ ๓๑๙

ธรรมเตือนใจวันที่ : ๐๕-๐๖-๒๕๕๑

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
พุทธรักษา
วันที่ 6 ก.ค. 2551

คนไม่ทำ มีแต่พูดบัณฑิตทั้งหลาย ก็รู้ทันช่างเตือนใจตนเองได้ดียิ่งนัก
.........................................อนุโมทนาค่ะ
...................................

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
oom
วันที่ 7 ก.ค. 2551
สาธุๆ ๆ ๆ ได้อ่านข้อคิดเห็นของทุกท่านแล้ว ทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มขึ้นและเข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้นจริงๆ ขอบพระคุณในความเมตตาของทุกท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
happyindy
วันที่ 7 ก.ค. 2551

* * * ขออนุโมทนาทุกความคิดเห็นค่ะ * * *

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ