แสดงธรรมขำขัน

 
คุณสงสัย
วันที่  3 ก.ค. 2551
หมายเลข  9124
อ่าน  2,542

1. การแสดงธรรม จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องพูดให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกชอบในสาระที่ผู้พูดแสดง ด้วยการพูดขำขันเพื่อเป็นเหตุจูงใจให้ผู้ฟังเข้ามาสนใจพระธรรม

2. การแสดงธรรมดังกล่าว หากเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ผู้ที่แสดงครองเพศใด จะได้รับโทษมากกว่ากัน และอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 4 ก.ค. 2551

๑. การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก ท่านแสดงความจริงโดยไม่ต้องใช้การพูดขำขันเป็นเหตุจูงใจ การแสดงธรรมโดยพูดขำ พูดโกหก พูดหยาบโลน เป็นต้น ชื่อว่าไม่เคารพพระธรรม ชื่อว่าไม่เคารพพระวินัย ชื่อว่าไม่เคารพผู้ฟัง ดังนั้นจึงไม่ควรทำ

๒. ผู้ที่อยู่ในเพศบรรพชิตมีโทษมากกว่า คือ เป็นอาบัติ และเป็นเครื่องกั้นสวรรค์และมรรคผล ส่วนคฤหัสถ์เป็นอกุศลจิตและอาจล่วงอกุศลกรรมบถ (พูดหยาบ,พูดเพ้อเจ้อ) แต่ไม่เป็นเครื่องกั้น..

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 4 ก.ค. 2551
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 4 ก.ค. 2551

๑. พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่มีจริงเกิดขึ้นปรากฏเป็นไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทุกวัน ทุกขณะ เพื่อให้พุทธบริษัทเห็นโทษภัยของอกุศลธรรม และเห็นถึงภัยของสังสารวัฏฏ์ ซึ่งตราบใดที่ปัญญายังไม่ได้อบรมเจริญจนกระทั่งถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งปวง ได้โดยเด็ดขาด สังสารวัฏฏ์ก็จะไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นถ้าไม่ได้อาศัยพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง พุทธบริษัทก็จะไม่เห็นโทษภัยของอกุศลธรรมและภัยของสังสารวัฏฏ์ แล้วก็จะไม่มีการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง แต่เพราะพระผู้มีพระภาคทรงมีพระมหากรุณาคุณต่อสัตว์โลกทั้งปวง พระองค์จึงทรงแสดงธรรม เพื่อปลดเปลื้องหมู่สัตว์ออกจากสังสารวัฏฏ์ โดยที่พระองค์ไม่ทรงหวังสิ่งตอบแทนใดๆ เลย จากการแสดงธรรมของพระองค์ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นความจริง ผู้แสดงก็ควรที่จะแสดงแต่ความจริงตามที่พระองค์ทรงแสดง โดยไม่มีการหาวิธีการที่จะให้ผู้ฟังชอบ หรือสนใจในคำบรรยายซึ่งเป็นการ ดึงดูดผู้ฟัง หรือหวังลาภสักการะ ชื่อเสียง อยู่ลึกๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเหตุว่า พระธรรมกถึกรูปใด แสดงธรรมด้วยหวังว่าเราจักได้ลาภหรือสักการะ เพราะอาศัยธรรมเทศนานี้ เทศนาของพระธรรมกถึกรูปนั้น ชื่อว่า ไม่บริสุทธิ์ ครับ

๒. ผู้ที่อยู่ในเพศบรรพชิต ก็ยิ่งจะต้องเป็นผู้ที่สำรวมระวังในสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด สิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้เกี่ยวกับพูด ก็มีเป็นจำนวนมาก ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจ ไม่มีความเคารพในพระวินัยแล้ว โอกาสที่จะเป็นอาบัติก็ย่อมจะมีมาก ซึ่งเป็นอันตรายมากในเพศของบรรพชิต ครับ (อกุศล เมื่อเกิดกับใครไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็เป็นอกุศล เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง อกุศลเป็นสิ่งที่ควรรังเกียจ เป็นสิ่งที่ควรละ) ครับ

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 4 ก.ค. 2551

ขออนุโมทนา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 4 ก.ค. 2551

1. การแสดงธรรมไม่จำเป็นต้องแสดงตลกให้คนอื่นหัวเราะ พระพุทธเจ้าทรงสอนให้แสดงธรรมไม่กระทบคนอื่น แสดงสิ่งที่มีจริงมีประโยชน์กับคนฟัง สิ่งใดจริง แต่ไม่เป็นประโยชน์ พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงแสดง และต้องรู้จักกาลที่จะกล่าวค่ะ

2. พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ท่านพระราหุล ไม่พูดมุสาแม้เพียงเพื่อหัวเราะกันเล่น ถ้าเป็นพระภิกษุแสดงธรรมไม่สำรวมเป็นไปเพื่อการเล่นตลก มีโทษมากกว่าคฤหัสถ์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ก.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

1. พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่พุทธบริษัทนั้น เพื่อให้เกิดปัญญาความเข้าใจของตนเอง พระธรรมเป็นสัจจะอยู่แล้ว คือเป็นความจริง สามารถให้ผู้ฟังเกิดปัญญาจากการฟัง ไตร่ตรองตาม จึงไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีใดเป็นการชักจูง เพราะขณะที่เข้าใจในสิ่งที่ฟังที่เป็นสัจจะ ก็ทำให้ผู้ฟังสนใจติดตาม ด้วยความมั่นคงขึ้นอันเกิดจากปัญญาที่เกิดขึ้น เมื่อมีศรัทธา ย่อมเข้าไปหา เข้าไปนั่งใกล้ เพราะเกิดจากความเข้าใจพระธรรม เพราะเข้าใจความจริงจึงทำให้สนใจพระธรรมมากขึ้น มิใช่เหตุอื่นเลย

ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่..ปุญญกิริยาวัตถุสูตร .. บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ก.ค. 2551

2. เพศบรรพชิตเป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสทุกทาง และเป็นไปเพื่อการประพฤติอันประเสริฐ อันนำมาไปสู่การดับกิเลส บรรลุ มรคผล ดังนั้นหากบรรพชิตไม่ประพฤติให้เหมาะสมกับเพศและพระวินัยแล้ว ย่อมมีโทษมากเพราะเสื่อมจากประโยชน์โลกนี้คือ กุศลธรรม เสื่อมจากประโยชน์โลกหน้า คือเสื่อมจากภพภูมิที่ดีและเสื่อมจากประโยชน์อย่างยิ่งคือ พระนิพพาน อันเป็นจุดประสงค์ของการบวช คนที่ตกจากหลังลาไม่เจ็บตัวเท่าพระราชกุมารที่ตกจากคอช้างฉันใด ผู้ที่ประพฤติพรมจรรย์ บวชในธรรมวินัยนี้ เมื่อเสื่อมคือไม่ประพฤติธรรมตามพระวินัยย่อมมีโทษมากและเสื่อมมากว่าบุคคลเหล่าอื่น เหมือนพระราชกุมารตกจากคอช้าง

ขออนุโมทนาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 4 ก.ค. 2551

การแสดงธรรมด้วยความไม่นอบน้อมต่อพระรัตนตรัย ไม่ยังความเลื่อมใสให้เกิดต่อผู้มีศรัทธา จะกล่าวไปใยถึงผู้ที่ไม่มีศรัทธานอกจากไม่ใช่ข้อปฏิบัติอันสมควรแล้วยังไม่ใช่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงในการแสดงธรรมด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 5 ก.ค. 2551

ขออนุโมทนาคุณสงสัยและความคิดเห็นของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
happyindy
วันที่ 5 ก.ค. 2551

เวลาฟังใครก็ตามแสดงธรรม สนทนาธรรม หรือกล่าวธรรมะในเรื่องต่างๆ แล้วทำไปเหมือนเล่น เพื่อความเพลิดเพลินขำขันอย่างไม่มีขอบเขตใดๆ

รู้สึกว่า คนเหล่านั้นไม่ได้เข้าใจหรือรู้จักคุณค่าของพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้เลย ว่ายากแสนยากเพียงใด เป็นผู้ไม่เคารพพระธรรม ได้ความเป็นชาวพุทธเฉพาะในทะเบียนบ้าน

รู้สึกสงสารมากกว่า เพราะการจะได้เกิดมาเป็นคนได้อาศัยอยู่บนแผ่นดินธรรมแห่งพระพุทธศาสนานี้ ยากมาก ไม่รู้จะได้การเกิดที่ดีแบบนี้อีกเมื่อไหร่

* * * ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ * * *

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 6 ก.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ajarnkruo
วันที่ 6 ก.ค. 2551

ผู้ที่แสดงธรรมะไม่ตรงกับความจริง พูดธรรมะบิดเบือนด้วยความปรารถนาลามกที่จะให้ผู้อื่นเกิดความตลกขบขัน ชอบใจในตน หรือเพื่อหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่งตอบแทน เป็นลาภยศ สรรเสริญ หากผู้ฟัง ฟังแล้วถือเอาสิ่งผิดในวาทะนั้นๆ ผู้พูดย่อมเป็นผู้มุสา เป็นผู้ที่กำลังเผยแพร่ความเห็นผิด ซึ่งเป็นการกระทำกรรมหนัก มีโทษมาก ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปล้นและทำลายพระพุทธศาสนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ