แม่ชีสายด่วน 1900
อยากทราบว่า..ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรที่มีแม่ชีเปิดสายด่วน 1900 นาทีละ 15 บาทเพื่อรับฟังปัญหาของคนทั่วไป มีคนที่เคยโทรเข้าไปเล่าให้ฟังว่า...เมื่อโทรเข้าไปจะถูกบังคับฟังคำสอนของแม่ชีประมาณ 3 - 4 นาที ก่อนที่จะถึงเมนูแต่ก็ยังไม่ได้คุยกับแม่ชีเพราะเครื่องตอบรับอัติโนมัติบอกว่าแม่ชีติดสายอื่นอยู่ ให้วางสายแล้วโทรกลับมาใหม่หรือให้กด 6 เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ พอกดเข้าไปก็มีเครื่องตอบรับอัตโนมัติบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ในสาย ให้โทรกลับมาใหม่ รวมๆ แล้วก็ใช้เวลาไปหลายนาทีอยู่เหมือนกันแต่คิดว่าคงไม่เจอแบบเดียวกันหมดทุกราย.
คัดคำพูดของแม่ชีมาให้อ่านกันค่ะ
เปิดสายด่วนปรึกษาปัญหากรรมนาทีละ 15 บาท สอนแผ่เมตตาไฮเทคผ่านโทรศัพท์ เผยมีคนโทรมาเดือนละ 4 - 5 พันราย มีคุยสารพัดเรื่องส่วนตัว - ครอบครัวแถมเป็นการช่วยคนคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระทำของผู้คนที่ห่างเหินกับการทำบุญและไร้ธรรมะประจำใจ แถมความสัมพันธ์ระหว่างวัดกับประชา-ชนมีระยะห่างมากขึ้น แต่ทว่าปัจจุบันทุกคนสามารถร่วมทำบุญง่ายๆ เพียงแค่กด "สายด่วนแม่ชี..." โทรศัพท์ปรึกษาปัญหาชีวิตและครอบครัว
แม่ชีกล่าวถึงการเปิดสายด่วน 1900-xxxxxxxxxxxxxx นาทีละ 15 บาท ว่าเดิมมีคนไปร่วมปฏิบัติธรรมและถือศีลที่วัดเดือนละ 400 - 500 คน และผู้ที่มาปฏิบัติธรรมบางคนก็มีเรื่องส่วนตัวที่ต้องการคุยกับแม่ชีโดยลำพัง แต่ไม่มีโอกาส เนื่องจากมีผู้ที่มาปฏิบัติธรรมจำนวนมาก และอีกสาเหตุคือ อยากนำเงินรายได้จากส่วนนี้ทำบุญสร้างศาลาให้พระสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรม รวมถึงเป็นทุนสำรองค่าใช้จ่ายในโรงทานเนื่องจากปกติโรงทานมีค่าใช้จ่ายสัปดาห์ละ 7 หมื่นบาท แม่ชีบอกอีกว่า ถ้าจะบอกบุญกับโยมบ่อยๆ เกรงว่าโยมจะเบื่อบุญ แต่บังเอิญสบช่อง เพราะมีลูกศิษย์คิดทำสายด่วนขึ้นมาช่วยเรื่องการจัดหาทุนในการทำบุญ และเชิญแม่ชีมาคอยให้คำปรึกษาผู้ที่เดือดร้อนวันละประมาณ 7 - 8 ชั่วโมง จึงเริ่มเปิดบริการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยไม่มุ่งหวังผลกำไร " แค่โทรศัพท์กริ๊งเดียวก็ได้ทำบุญกันแล้ว ร่วมกันสร้างสถานปฏิบัติธรรม เนื่องจากผู้มาปฏิบัติธรรมต้องนอนเรียงรายตามโบสถ์วิหาร จึงอยากหาเงินทุนสร้างสถานปฏิบัติธรรม โรงเรียนปฏิบัติธรรม และยังต้องมีเงินทุนสำรองดูแลผู้มาปฏิบัติธรรม การที่ทำสายด่วนขึ้นมาก็เปรียบเสมือนกองทัพมดที่ร่วมกันทำบุญ เราไม่มีแหล่งทุนใหญ่ ใครโทรมาตรงนี้ก็ได้ร่วมบุญกับเรา แต่ถ้าเราบอกบุญกับโยมบ่อยๆ โยมก็จะเบื่อบุญ"
เท่าที่ทราบมาบางคนก็อนุโมทนาบุญด้วย แต่บางคนก็บอกว่าเป็นเหมือนธุรกิจ (ซึ่งโดยส่วนตัวก็เห็นว่าดูเป็นธุรกิจ และก็ไม่เหมาะสมเพราะถ้าอยากช่วยเหลือจริงก็น่าจะเปิดสายบ้านฟรี ไม่ต้องเสียสตางค์ และถ้าใครอยากบริจาคก็ควรจะแล้วแต่ศรัทธา) แต่อยากจะทราบความคิดเห็นจากผู้ที่ศึกษาพระธรรมจากพระไตรปิฎกโดยตรงว่า สมควรหรือไม่
ขอบคุณค่ะ
การช่วยเหลือผู้อื่น เป็นการกระทำด้วยจิตที่ประกอบด้วยเมตตาหรือกรุณาคือ ต้องการช่วยให้ผู้มีความทุกข์พ้นจากทุกข์ ซึ่งพระพุทธองค์และพระอริยะสาวกในสมัยครั้งพุทธกาลท่านกระทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์จริงๆ ท่านไม่หวังแม้ลาภสักการะ คำสรรเสริญ ทรงแสดงธรรมตำหนิผู้ที่สอนธรรมเพื่อหวังสิ่งตอบแทนว่าเป็นการให้ธรรมทานที่ไม่บริสุทธิ์ ฉะนั้น ผู้ใดสอนธรรมเพื่อหวังสิ่งตอบแทนผู้นั้นชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประพฤติตามคำสอนของพระพุทธองค์
เชิญคลิกอ่าน.....ผู้ที่สอนธรรมเพื่อหวังสิ่งตอบแทนเป็นการให้ธรรมทานที่ไม่บริสุทธิ์
ถ้าทำแล้วมีเรื่องธุรกิจและผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องไม่ดีครับแม้ทางราชการเปิดสายด่วนสุขภาพจิต ไม่คิดค่าโทร คือโทรฟรีทั่วไทย โทร 1667
คิดแต่เรื่องบุญ - ทานเป็นที่ตั้งดีที่สุด ส่วนเหมาะสมหรือไม่ ไม่ควรสนใจ ขอให้น้อมใจที่จะทำบุญอย่างเดียวก็พอแล้วครับ.
เท่าที่อ่านดูเห็นว่ามีการบังคับให้ฟังคำสอนก่อน 3 - 4 นาที ดูเหมือนเป็นอุบาย ที่จะดึงเงินค่าโทรศัพท์ อย่างต่ำ 3 นาที ก็ 45 บาท แล้ว ครับ ไม่ทราบว่า จริง เท็จ ประ-การใดถ้าเป็นเรื่องจริง อย่างนี้ ก็เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างจะเอาเปรียบ