การไม่ใส่บาตร
การให้ทานเป็นการดี มีน้อยก็ให้น้อย มีมากก็ให้มาก การไม่ให้เลยไม่ควรการถวายอาหารบิณฑบาตร จีวร เสนาสนะ ยารักษาโรค แก่พระภิกษุสงฆ์เป็นการให้เพื่อบูชาคุณของพระอริยสงฆ์ ถ้าท่านขาดสิ่งใดควรถวายสิ่งนั้นบางอย่างที่ท่านมีมากเกินความจำเป็นเราควรถวายสิ่งอื่น เช่น อาหารท่านมีมากเราก็ซื้อสบู่ยาสีฟันยาต่างๆ ถวายไปก็ได้ อนึ่ง การให้ทานควรให้ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส ผู้รับจะเป็นใครก็ได้ และไม่ควรละเลยการทำบุญอย่างอื่นที่นอกเหนือจากทาน เพราะบุญมีถึง ๑๐ ประการ การอุทิศส่วนบุญที่ทำแล้วก็ดี การอนุโมทนาเมื่อผู้อื่นทำความดีก็ดี การช่วยเหลือแรงงานผู้อื่นก็ดี การรักษาศีลก็ดี การฟังธรรมก็ดีการระลึกถึงพระพุทธคุณก็ดี การมีเมตตาก็ดี การระลึกรู้สถาพธรรมที่กำลังปรากฏก็ดี ก็ล้วนเป็นบุญทั้งนั้น
ถูกครับ เมื่อให้ทานไปแล้วของสิ่งนั้นก็เป็นของผู้รับทานไม่ใช่ของเราแล้ว ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับของที่ให้ไปแล้ว เพราะขณะที่ห่วงใยจิตเป็นอกุศล
กุศลทุกประการเพื่อการละเท่านั้น ไม่ควรผูกพันกับทานที่ให้ไปแล้ว
อย่าดูหมิ่นบุญกรรมจำนวนน้อย จะไม่ต้อยตามต้องสนองผลอันตุ่มน้ำเปิดหงายรับสายชล ย่อมเต็มล้นด้วยอุทกที่ตกลงเช่นบัณฑิตสั่งสมบ่มบุญบ่อย ทีละน้อยอบรมไปไม่ใหลหลงย่อมเต็มด้วยบุญนั้นเป็นมั่นคง บุญย่อมส่งสบสถานวิมานทอง
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า:
ชนเหล่าใดมีใจผ่องใสแล้วให้อาหารนั้นด้วยศรัทธา อาหารนั้นแลย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย พึงข่มความตระหนี่ซี่งเป็นตัวมลทิน แล้วให้ทาน เพราะบุญทั้งหลายเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า
โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว ควรจะอยู่ที่ความตั้งใจของเรามากกว่าถ้าเราตั้งใจถวายอาหารแก่พระภิกษุนั้น และพระท่านก็ได้รับไว้แล้ว ก็น่าจะทำให้เราเกิดปีติยินดี ถ้าเราคิดมากไปกว่านี้จิตก็จะเป็นอกุศลเปล่าๆ ถ้าสิ่งที่คนถวายนั้นมากเกินไปสำหรับท่าน ท่านจะนำไปให้กับใคร เพื่อเป็นประโยชน์กับบุคคลอื่นนั้นก็สุดแล้วแต่ท่าน เพราะคงจะดีกว่าต้องนำอาหารเหล่านั้นไปทิ้งซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หรือเก็บไว้ฉันในวันต่อไปซึ่งก็คงไม่เหมาะสม เราควรจะดูที่เจตนาเรามากกว่าที่จะดูการกระทำของผู้อื่น ลูกศิษย์ไม่ทราบว่าในที่นี้จะหมายถึงเด็กวัดหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วคนเหล่านั้นก็น่าสงสาร จะเนื่องจากทางบ้านยากจนหรือขาดผู้อุปการะจึงต้องมาอยู่ที่วัด เราก็ควรมีใจอนุเคราะห์และยินดีที่ได้ช่วยเหลือคนเหล่านั้นด้วย