ท่านใดมีคำแปลบทสวดตามงานต่างๆ บ้างไหมครับ
ผมเล็งเห็นว่า การที่ไปงานบวช งานศพ หรืองานอื่นๆ แล้วฟังพระท่านสวดภาษาบาลีต้นจนจบ ทำได้ก็เพียงมีสมาธิฟังๆ อย่างนั้น เผลอเพื่อนชวนคุยอีก จึงมาคิดว่า น่าจะเป็นการดีถ้าเรารู้คำแปลบทสวดต่างๆ นั้น เพื่อจะเหมือนกับเราฟังธรรมเพื่อเตือนใจในโอกาสต่างๆ ได้ดีเลยนะครับ ท่านใดมีหรือรู้คำแปลบทสวดต่างๆ ใคร่ขอมาลงไว้เป็นธรรมทานที่นี้นะครับ
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตัย เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
khampan.a
คำสวดที่ใช้สวดกันอยู่ในสมัยปัจจุบันนี้ เป็นภาษาบาลี ซึ่งผู้ที่จะรู้ความหมายของคำที่สวดนั้นมีน้อย นอกจากผู้ที่ได้ศึกษาภาษาบาลีมาบ้างก็พอที่จะแปลได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่แปลได้ แต่เป็นเรื่องของความเข้าใจ เพราะเหตุว่า พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วทรงแสดงพระธรรม พระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นความจริง เป็นสิ่งที่มีจริง ทั้งทางตา หางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจ พระองค์ทรงแสดงว่า ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ซึ่งพิสูจน์ได้ทุกขณะ ครับ
ดังนั้น ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน จึงจำเป็นต้องศึกษาพระธรรม เพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง แม้แต่ในเรื่องบุญ ก็เช่นเดียวกัน บุญ เป็นกุศลธรรมเป็นสภาพที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษกับใครเลย ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นเป็นบุญ ครับ ..
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
"ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นเป็นบุญ"
คำนี้ตรงที่สุดขอบคุณครับ
คำขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่ง เป็นที่ระลึก เป็นที่กำจัดภัยได้จริง
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรม ว่าเป็นที่ระลึก เป็นที่กำจัดภ้ยได้จริง
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์ ว่าเป็นที่ระลึก เป็นที่กำจัดภัยได้จริง
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณํง คัจฉามิ .... เป็นที่กำจัดภัยได้จริง แม้ครั้งที่ 2
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณํง คัจฉามิ .... เป็นที่กำจัดภัยได้จริง แม้ครั้งที่ 2
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ .... เป็นที่กำจัดภัยได้จริง แม้ครั้งที่ 2
ตติยัมปิ พุทธัง สะระณํง คัจฉามิ .... เป็นที่กำจัดภัยได้จริง แม้ครั้งที่ 3
ตติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ .... เป็นที่กำจัดภัยได้จริง แม้ครั้งที่ 3
ตติยัมปิ สังฆัง สะระณํง คัจฉามิ ..... เป็นที่กำจัดภัยได้จริง แม้ครั้งที่ 3
สวดมนต์ด้วยความเคารพนอบน้อมเป็นกุศลขั้นภาวนา เพราะขณะนั้นจิตสงบ
จากอกุศล คือโลภะ โทสะ โมหะ ชั่วขณะ แต่ต้องประกอบด้วยปัญญาค่ะ