สนทนาธรรมที่กองบิน ๔๑ จ. เชียงใหม่ [2]

 
สารธรรม
วันที่  27 ก.ค. 2551
หมายเลข  9389
อ่าน  1,137

ท่านอาจารย์ : ก่อนฟังเรื่องจิต รู้เรื่องจิตมั้ยคะ เป็นนามธาตุ

ขณะนี้นะคะ กำลังเห็นเนี่ยแหละ เป็นจิต กำลังได้ยินก็เป็นจิต กำลังคิดนึกก็เป็นจิต (จิต) เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ แม้แต่แต่ละคำเนี่ยค่ะ ก็จิตนั่นแหละที่คิด และสามารถที่จะรู้แจ้งคำที่คิดได้ ไม่เป็นคำอื่น แต่เป็นคำนั้น เพราะฉะนั้น ก่อนฟังธรรมะเรื่องจิตเนี่ย รู้จักจิตหรือเปล่า รู้จักมั้ยคะ ว่าจิตเป็นอย่างนี้ ทั้งๆ ที่มีจิตตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าไม่ฟัง....

ผู้สนทนา : มองไม่เห็นครับ

ท่านอาจารย์ : มองไม่เห็นนะคะ เพราะฉะนั้นรู้ได้เลยค่ะ "ใคร"

สามารถที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ "จิต" ซึ่งก่อนนี้ไม่สามารถที่จะเข้าใจจิตได้เลย เริ่มเห็นความหมายของ สัมมาสัมพุทโธ หรือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต่างกับคนอื่นมั้ยคะ ประมาณไม่ได้เลยจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมเพิ่มขึ้นนะคะ เห็นจริง แล้วก็เข้าใจยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นความจริงทั้งหมดค่ะ ที่สามารถที่จะเริ่มเข้าใจตั้งแต่ขั้นฟังนะคะ

พอมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น การรู้ลักษณะของสิ่งที่ได้ยินได้ฟังเนี่ยตรงขึ้น สามารถที่จะเป็นพยานอย่างท่านพระอัญญาโกญฑัญญะ ที่รู้แล้วหลังจากที่ได้ฟังพระธรรม ธรรมะในขณะนี้เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่เที่ยงนะคะ สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ตาม ที่มีปัจจัยจึงเกิดขึ้น เมื่อเกิดขึ้นต้องดับ แต่การดับเนี่ยค่ะ รวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะประมาณได้

เพราะฉะนั้น จึงเสมือนกับนายมายากลนะคะมีหมวกใบหนึ่ง แล้วนกทำไมออกมาจากหมวกได้ต้องเร็วใช่ไหมคะ แต่นั่นเพียงรูป แล้วความเร็วของนามธรรมเนี่ย จะยิ่งกว่านั้นสักแค่ไหน ถ้าไม่มีการได้ฟังพระธรรม ไม่สามารถที่จะรู้เลยค่ะ ไม่สามารถที่จะรู้หนทางที่จะรู้จักสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นเป็นชีวิตแล้วก็คิดว่าเป็นเรา แต่ความจริงต้องเป็นธรรมะซึ่งแต่ละขณะเนี่ยค่ะ ต้องเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยไม่มีใครสามารถจะดลบันดาลได้เลย

ใครทำเห็นขณะนี้ได้ มีใครทำเห็นขณะนี้ให้เกิดขึ้นได้ไหมคะ แต่ลืมว่าเห็นเกิดแล้ว มีใครทำได้ยินได้มั้ยคะ แม้แต่เพียงจักขุปสาทรูป รูปที่สามารถกระทบกับสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ขณะนี้นะคะ ไม่ใช่รูปที่มองเห็นเลยค่ะ สิ่งเดียวที่สามารถจะปรากฏให้เห็นได้นะคะ คือเดี๋ยวนี้แหละ เป็นวัณณธาตุ เป็นธาตุที่มีจริงนะคะ อยู่ในมหาภูตรูป ที่ใดมีธาตุดิน น้ำไฟ ลม ที่นั่นต้องมีสิ่งที่สามารถกระทบจักขุปสาท

มิฉะนั้น จะมีใครเห็นสีของดอกไม้นี้มั้ยคะ จะมีใครเห็นสีของโต๊ะมั้ย ก็ไม่สามารถที่จะเห็นได้เลยแต่รูปนี้นะคะ เป็นรูปที่สามารถจะกระทบกับจักขุปสาทอย่างเดียว กระทบกายก็ไม่ได้ ไม่ปรากฏกระทบอะไรไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น แม้รูปนะคะ ซึ่งอยู่กลางตา มองไม่เห็นเลย แต่มีลักษณะพิเศษ คือสามารถที่จะกระทบเฉพาะสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้นะคะ แต่ก็รูปนี้ก็ปรากฏไม่ได้อีก ถ้าไม่มีจิต สภาพที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้ง เกิดขึ้น เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ นี่คือชีวิตค่ะ ทุกขณะ ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะแสดงโดยละเอียด โดยประการทั้งปวงถึงการเกิดดับนะคะ ของจิตทีละหนึ่งขณะ ว่าประกอบด้วยเจตสิกอะไร แล้วก็เจตสิกแต่ละเจตสิกนั้น เป็นปัจจัยที่จะทำให้จิตนี้เกิดขึ้นโดยปัจจัยต่างๆ กันอย่างไร

เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมนะคะ ก็เริ่มที่จะเข้าใจความหมายของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็รู้ว่ายังมีอีกมากนักค่ะ

นี่ยังไม่ถึง ๔๕ ปีใช่มั้ยคะ แต่ว่าพระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมเนี่ยค่ะ ๔๕ พรรษา โดยละเอียด

....................................................................................................................


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 28 ก.ค. 2551

สหายธรรมท่านหนึ่ง

ปรารภกับข้าพเจ้าว่าท่านอาจารย์สุจินต์ เน้นเรื่อง ลักษณะของสภาพธรรมมากกว่าเรื่องราวเพราะในชีวิตประจำวันนั้นสิ่งที่ปรากฏให้รู้ได้ ที่สำคัญก็คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเป็นทางที่จะรู้ ลักษณะของรูป คือสี เสียง กลิ่น รส เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว เอิบอาบ เกาะกุม เมื่อจิตทำกิจใด ทางทวารใดรูปนั้นก็เป็นอารมณ์ของจิตนั้นเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็วมาก ลักษณะของสภาพธรรม ที่ปรากฏทางทวารต่างๆ จะไม่ปะปนกันเลยจึงต้องอบรมเจริญสติปัฏฐานเพื่อรู้จัก ลักษณะของนามธรรม และ รูปธรรม.

ขออนุโมทนาค่tที่กรุณาเรียบเรียงให้อ่านเพราะเปิดฟังไม่ค่อยได้.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 28 ก.ค. 2551

สาธุ

ขออนุโมทนาผู้ถอดเทปและนำมาเผยแพร่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 28 ก.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ปังคุง
วันที่ 30 ก.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ