ปัณฑระ กับ ประภัสสร
คำถาม
1. ปัณฑระ คือ อะไร
2. อกุศลจิตเป็นปัณฑระหรือไม่ เพราะเหตุใด
3. อกุศลเจตสิกเป็นปัณฑระหรือไม่ เพราะเหตุใด
4. ประภัสสร คือ อะไร
5. ประภัสสร หมายถึง ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิต ใช่หรือไม่
6. มีจิตใดอีกบ้างที่เป็นประภัสสร
๑. ๒. ปัณฑระ คือ ขาว บริสุทธิ์ ได้แก่ จิตทุกประเภท
๓. อกุศลเจตสิกไม่เป็นปัณฑระ เพราะไม่บริสุทธิ์
๔. ปภัสสร คือ ผ่องใส
๕. ๖. จิตประภัสสร หมายถึง ภวังคจิตและกุศลจิต
ทำไมจึงเรียกภวังคจิตว่าเป็นจิตประภัสสร ท่านตอบไว้ว่า จิตที่ปราศจากกิเลสนั่นแหละที่เรียกว่าจิตบริสุทธิ์หรือจิตประภัสสร จิตของพระอรหันต์ไม่มีกิเลส จึงบริสุทธิ์ เรียกได้ ส่วนภวังคจิตนั้น ในขณะที่ยังไม่มีอุปกิเลสจรมา ก็ดูเหมือนยังบริสุทธิ์อยู่ เพราะอนุสัยกิเลสที่มีอยู่ ยังไม่ฟุ้งกระจายขึ้นมาแสดงตน แม้ภวังคจิตไม่บริสุทธิ์จริง แต่ดูเหมือนบริสุทธิ์เพราะไม่มีอุปกิเลสนี่เอง
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ การศึกษาปรมัตถธรรมนั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น ไม่ใช่เพื่อที่จะจดจำว่ามีจิตกี่ดวง มีเจตสิกกี่ดวง เจตสิกใดเกิดกับจิตประเภทใดได้บ้าง แต่ศึกษาเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เพื่อปรุงแต่งเกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อที่จะเข้าใจจริงๆ จนกระทั่งสามารถที่จะละคลายการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลาย ว่า เป็นสัตว์บุคคล ตัวตนได้ ไม่ใช่ไปติดที่คำ หรือไปติดที่ชื่อ
-คำว่า ปัณฑระ หมายถึง ขาว, บริสุทธิ์ เป็นอีกชื่อหนึ่งของจิต เป็นไวพจน์ของจิต เพราะมีคำหลายคำที่หมายถึงจิต ได้แก่ จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุ ถ้ากล่าวถึงจิตโดยที่ไม่ได้กล่าวถึงเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยนั้น จิตทุกประเภท เป็นปัณฑระ คือ ขาว
แม้แต่อกุศลจิต ก็เป็นปัณฑระ ตามข้อความที่ว่า "เพราะจิตมีลักษณะรู้อารมณ์ จึงไม่เป็นกิเลสด้วยความเศร้าหมอง โดยสภาวะเป็นจิตบริสุทธิ์ทีเดียว แต่เมื่อประกอบด้วยอุปกิเลส จิตจึงเศร้าหมอง แม้เพราะเหตุนั้น จึงควรเพื่อกล่าวว่า ปัณฑระ (ขาว) "
-คำว่า ประภัสสร หมายถึง ผ่องใส จิตจะผ่องใสได้ก็ต่อเมื่อเป็นกุศลจิต เพราะประกอบด้วยโสภณเจตสิก (เจตสิกฝ่ายดี) มี ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ เป็นต้นเกิดร่วมด้วย จึงผ่องใส และอีกประการหนึ่ง ขณะที่เป็นภวังคจิต ดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้อยู่ อารมณ์ของโลกนี้ไม่ปรากฏ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรสไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพียงชั่วขณะที่จิต ไม่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นทางกาย ทางใจนั้น ไม่มีกิเลสประการต่างๆ เกิดขึ้น ทำกิจหน้าที่ ดังนั้น ขณะที่เป็นภวังคจิต จึงกล่าวว่า เป็นจิตประภัสสร ด้วย
-อกุศลเจตสิก เป็นสภาพธรรม (ที่ไม่ดี) ที่เกิดร่วมกับอกุศลจิตเท่านั้น จะไม่เกิดร่วมกับจิตที่เป็นชาติกุศล ชาติวิบาก และชาติกิริยา เกิดร่วมกับอกุศลจิตเท่านั้น อกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับจิตแล้ว จิตจึงเศร้าหมองเพราะอกุศลเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย ดังนั้น อกุศลเจตสิก ไม่บริสุทธิ์ แต่ตัวจิต เป็นปัณฑระ (ขาว) ครับ
...ขออนุโมทนาครับ...
พละ 6 ได้แก่อะไรบ้าง
เหตุ 2 ได้แก่อะไรบ้าง
เหตุ 1 ได้แก่อะไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)