ไม่มีอะไรเลยนอกจากนามธรรมกับรูปธรรม
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การจะเข้าใจได้ว่า ชีวิตในวันหนึ่งๆ
ไม่มีอะไรเลยนอกจากนามธรรมกับรูปธรรม เท่านั้น
ไม่ใช่ง่ายๆ หรือใช้เวลาเพียงสั้นๆ เลย
คงต้องอดทนในการศึกษาและฟังธรรมกันต่อไปอีกนาน ไม่ท้อถอย
เพื่อความเห็นถูกความเข้าใจถูกจนเป็นปัญญาที่เข้าใจจริงๆ ว่า
เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่มีจริงและกำลังปรากฏ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ก่อนที่ยังไม่เคยศึกษาธรรม ยังไม่เคยฟังธรรม ได้ยินว่าธรรมะมีรูปและนามและถ้ารู้รูปนามได้ก็จะเก่ง จนถึงพยายามให้มีการสอบอารมณ์ของรูปนาม แต่พอมาศึกษาก็รู้ว่ารูปมี ๒๘ นามมีจิต ๘๙ หรือ ๑๒๑ เจตสิก ๕๒ และ นิพพาน ก็พอที่จะเข้าใจรูปนามได้โดยการศีกษา และรู้ว่าที่แล้วมานั้นหลงทางที่มีเราจะปฏิบัติให้เห็นรูปนาม การที่จะประจักษ์แจ้งรูปนามนั้นยังอีกไกล เพราะต้องเป็นวิปัสนาญาณที่ ๑ คือนามรูปปริจเฉทญาณ จึงต้องฟังธรรม ศีกษาธรรม อย่างไม่ท้อถอย แต่ต้องอดทน เพราะหนทางไกล
ขออนุโมทนาทุกท่านและคุณ choonj ด้วยค่ะ การที่จะประจักษ์แจ้งรูปนามนั้นยังอีก
ไกลจริงๆ อย่างคุณ choonj พูดค่ะ ต้องอดทนที่จะฟังพระธรรมและพิจารณาไตร่ตรอง
ให้รอบคอบ เพราะกิเลสพวกเราที่ได้สะสมมามากมายในอดีตนับภพชาติไม่ได้ จึงเป็น
เหตุปัจจัยให้ในชีวิตปัจจุบันอกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศลจิตค่ะ แม้หนทางที่จะประจักษ์
แจ้งรูปนามชึ่งเป็นวิปัสสนาญาณที่๑ ซึ่งก็คือ นามรูปปริจเฉทญาณก็ยังอีกยาวไกล
ถ้าเริ่มต้นจากหนทางที่ถูกแล้วแม้หนทางอีกยาวไกลแค่ไหนก็มีโอกาสถึงได้ ซึ่งก็มี
หนทางเดียวก็คือการฟังพระธรรมและพิจารณาไตร่ตรองให้เกิดความเห็นถูกเข้าใจถูก
ในลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงในขณะนี็ทางตา ทางหู ทางจมูก
ทางลิ้น ทางกายและทางใจ ว่าอะไรเป็นสภาพธรรมที่เป็นจริง ต้องอบรมเจริญ
ปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรมขณะนี้ว่าเป็นเพียงสภาพธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน
เป็นเพียงนามธรรมและรูปธรรมที่เกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งต้อง
อดทนน่ะค่ะที่จะฟังพระธรรมให้เข้าใจค่อยๆ อบรมเจริญปัญญา จิรกาลภาวนาค่ะ
ขอเป็นกำลังใจคุณ choonj ด้วยค่ะ อย่างไม่ท้อถอย แต่ต้องอดทน เพราะหนทางไกล