การถวายทานที่ถูกต้อง
เคยได้ฟังธรรมของพระอาจารย์รูปหนึ่งท่านบอกว่า เวลาถวายทานอาหารแห้งที่ต้องการให้ท่านเก็บไว้ฉันนานๆ เช่น กาแฟ น้ำตาล ฯลฯ ท่านให้ความรู้มาว่าไม่ต้องประเคน ให้วางไว้ในที่ให้ท่านเห็นและกราบเรียนท่านว่าต้องการถวายให้ท่าน (ทำให้ท่านรับรู้ว่าเราถวายแล้ว) ท่านก็จะไม่ต้องอาบัติ
เกี่ยวกับเรื่องนี้อยากขอความรู้เพิ่มเติมจากท่านผู้รู้ทั้งหลาย ว่าจะหารายละเอียดอ่านได้จากที่ไหน (เรื่องการถวายทาน/การทำบุญทำนองนี้นะค่ะ)
ถ้าเราเอาอาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร น้ำมัน น้ำปลา น้ำตาล ปลากระป๋อง อาหาร
กระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไปถวายที่วัดให้สงฆ์เป็นกองกลาง ไปไว้ที่โรง
ครัวคฤหัสถ์ทำให้พระได้และเก็บได้นานหลายเดือน เพราะว่าพระท่านไม่ได้เก็บเองค่ะ
พระภิกษุเป็นเพศที่แตกต่างไปจากเพศคฤหัสถ์ เป็นบุคคลที่มีอัธยาศัยน้อมไปในการที่จะสละอาคารบ้านเรือน สละวงศาคณาญาติ พร้อมทั้งกองแห่งโภคสมบัติทั้งปวง เพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตด้วยความจริงใจ
ชีวิตของพระภิกษุดำรงอยู่ได้ โดยการอาศัยอาหารบิณฑบาตที่อุบาสกอุบาสิกาผู้มีศรัทธาได้ถวาย ถ้าหากว่าคฤหัสถ์ได้ศึกษาพระวินัยจนกระทั่งมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ก็จะรู้ว่าอาหารประเภทใดควรถวาย อาหารประเภทใดไม่ควรถวาย และรู้ว่าควรถวายเวลาใด ไม่ควรถวายเวลาใด
สำหรับพระภิกษุฉันอาหารได้เฉพาะในกาลเท่านั้นคือ ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ถ้าฉันในเวลาวิกาล คือเลยเวลาเที่ยงไป เป็นอาบัติ อีกประการหนึ่ง พระภิกษุเป็นผู้งดเว้นจากการสั่งสมอาหาร เพราะฉะนั้นแล้ว จึงควรที่จะถวายอาหารที่ปรุงสำเร็จ พร้อมที่จะให้พระภิกษุฉันได้ในเวลาได้ทันที เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ท่านต้องอาบัติเพราะการสั่งสมอาหารด้วย อาหารแห้งประเภทต่างๆ ที่กล่าวมา (รวมถึงอาหารทุกอย่าง) นั้น ต้องประเคนพระภิกษุจึงจะฉันได้ ถ้าไม่ประเคน พระภิกษุ ฉัน เป็นอาบัติ ยกเว้นน้ำ กับ ไม้ชำระฟันเท่านั้น ที่ไม่ต้องประเคน แต่ถ้าอุบาสกอุบาสิกามีจิตศรัทธาที่จะถวายอาหารแห้งประเภทต่างๆ สำหรับเป็นส่วนรวม ก็สามารถที่จะกระทำได้ โดยการมอบไว้กับคฤหัสถ์ ให้เก็บไว้ในที่อันสมควร เพื่อจัดหรือประกอบเป็นอาหารสำหรับประเคนพระภิกษุ ฉันในกาล (ที่ถูกต้องตามพระวินัย) ต่อไป ..
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ...