ผู้ป่วย กับ ความเข้าใจพระธรรม
: มีนักศึกษาธรรมท่านหนึ่ง ท่านสนใจในธรรมและใน
การปฏิบัติมาก เป็นเวลา ๑๐ ปีมาแล้ว ขณะนี้เองท่านก็ป่วยนะคะ และความรู้สึกของทุกคนที่ไม่สบายมากนี้ ก็จะมีความโทมนัสเสียใจ ซึ่งผิดกับลักษณะของคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง ทำทุกอย่างได้ตามปกติ เพราะฉะนั้น จะอาศัยให้ขณะนี้ขณะเดียวแล้วทำยังไงให้เกิดความรู้สึก มีความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่มีโทมนัส...ย่อมเป็นไปไม่ได้
แต่ว่าทุกท่านนี้ ถ้าเตรียมตัวไว้ โดยความไม่ประมาทในความไม่มีโรค ไม่ประมาทในวัย ไม่ประมาทในชีวิตคนนั้นก็มีภูมิพร้อมที่ว่า เมื่อมีเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้น ก็มีการสะสมของปัญญา พอที่จะเกิดขึ้นแก้ความทุกข์โศก หรือความห่วงกังวลได้ แต่ถ้าไม่เคยสะสมอบรมมาเลย แล้วจะให้แก้ทันที ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้น เพียงแต่เริ่มให้ความเข้าใจธรรมเท่าที่จะรับได้ และเท่าที่ความสนใจ ความขวนขวายของเราจะเป็นไปได้ แต่ก็ฝืนการสะสมของแต่ละคนไม่ได้ทุกคนอยากจะให้คนอื่นเข้าใจธรรม ใช่ไหมคะ? เมื่อได้ฟังธรรมแล้ว ได้เข้าใจธรรมแล้ว โดยเฉพาะพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านมีความรู้สึกว่า ทำอย่างไรคนอื่นถึงจะได้ตรัสรู้อริยสัจธรรม และดับกิเลสได้ เหมือนอย่างท่านได้ทันที คือ ไม่มีการที่จะให้ช้าๆ หรือทีหลังหรือให้ท่านไปไกลเสียก่อน แล้วคนอื่นจึงค่อยตามมาจะไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเลย .... สำหรับผู้ที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ มีแต่หวังว่า ทำอย่างไร คนอื่นจึงจะสามารถรู้แจ้ง
เพราะฉะนั้น ทุกท่านก็มีความปรารถนาดีต่อบุคคลอื่น ที่จะให้คนสนใจและศึกษาธรรม แต่ก็ไม่สามารถที่จะฝืนอัธยาศัยของบุคคลอื่นได้ แต่ควรกระทำคือแนะนำ แล้วให้โอกาสที่เขาจะได้พิจารณาธรรม เท่าที่เขาจะกระทำได้
ถ้าใครสามารถที่จะรับฟังธรรมได้ในเวลาป่วยไข้ทันทีก็ดีนะคะ ทุกท่านก็ไม่ต้องทำอะไร คอยจนกว่าจะถึงเวลานั้น แต่เวลานั้นเป็นเวลาที่ยากลำบากมาก ถ้าเตรียมมาก่อน...ก็ยังยากอยู่นะคะ แต่ก็ยังดี ที่มีความรู้ ความเข้าใจที่สะสมมาพอสมควร แต่จะให้เริ่มและเข้าใจหมดทันที....เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะส่วนมาก ความประมาทก็มี ๓ อย่าง คือ ...
- ประมาทในวัยยังเป็นเด็กเป็นหนุ่มสาว- ประมาทในความไม่มีโรคเพราะวันนี้เป็นคนแข็งแรง
- หรือว่า ประมาทในชีวิต ซึ่งความจริงแล้วน้อยมากหรือสั้นเหลือเกิน นามและรูปแตกสลายได้อย่างง่ายดายที่สุด แล้วก็รวดเร็วที่สุดด้วย เพราะตามความเป็นจริงขณะนี้นะคะ ก็กำลังแตกดับอยู่ตามสภาพของนามและรูปจริงๆ แต่เมื่อไม่รู้ลักษณะของธรรม ก็เอาธรรมเป็นเรา เป็นของเรา ด้วยโลภะ หรือด้วยทิฏฐิหรือด้วยมานะ แต่ถ้าศึกษาโดยละเอียด และสติระลึกรู้โดยละเอียดจะทราบว่า ขณะนั้นน่ะ เป็นเราหรือของเราด้วยโลภะ ด้วยทิฏฐิ หรือด้วยมานะ
บรรยายโดย ... ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ข้อความบางตอนจาก...แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๑๐๓๓
ไม่ประมาทในการฟังธรรม การเจริญกุศล ฯลฯ และไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่าๆ ค่ะ
ถ้าไม่ได้สะสมมาที่พร้อมจะฟัง เมื่อคราวเจ็บไข้ก็คงป้อนไม่ได้ เพราะพระธรรมไม่สาธารณะ แต่เมื่อใดพร้อม เมื่อนั้นก็สามารถให้ความเข้าใจในพระธรรมได้ ขออนุโมทนาด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
......................................................................................
"อรรถว่า จริงอยู่ ขันธ์ทั้งหลายเท่านั้น ย่อมแตกไปขึ้นชื่อว่าสัตว์ไรๆ ย่อมตาย หามีไม่แต่เมื่อขันธ์กำลังแตกสัตว์ก็ย่อมมีโวหารว่า...กำลังตายเมื่อขันธ์แตกแล้ว ก็มีโวหารว่า...สัตว์นั้นตายแล้วฯ"
....................................... (จาก...อภิธัมมัตถสังคหะ...ปริจเฉทที่ ๘ หน้า๑๕๖.) "ความจริง ทุกข์เท่านั้น...มีอยู่ แต่...บุคคลไรๆ ผู้เป็นทุกข์...หามีไม่การทำมีอยู่ แต่...บุคคลผู้ทำ...หามีไม่
ความดับมีอยู่ แต่...บุคคลผู้ดับ...หามีไม่ทางมีอยู่ (คือมรรค) แต่...บุคคลผู้เดิน หามีไม่ ดังนี้."
....................................... (จาก...อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉท ๗ หน้า ๗๖.)
.........................................ขออนุโมทนาค่ะ.
- ประมาทในวัยยังเป็นเด็กเป็นหนุ่มสาว- ประมาทในความไม่มีโรคเพราะวันนี้เป็นคนแข็งแรง
- หรือว่า ประมาทในชีวิต ซึ่งความจริงแล้วน้อยมากหรือสั้นเหลือเกิน นามและรูปแตกสลายได้อย่างง่ายดายที่สุด
แล้วก็รวดเร็วที่สุดด้วย
* * * * * * * * *
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ
ขออนุโมทนาคุณสารธรรมและทุกท่านค่ะ