ไม่มีการรับรู้อะไรทั้งสิ้น...ดีหรือไม่ดีคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการถอดเทป โดย คุณสงวน สุจริตกุล
ท่านอาจารย์สุจินต์ กรุณาอธิบายเรื่องจิตไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวท่านนี้...ดูเป็นสิ่งที่สำคัญและท่านมีความผูกพัน ท่านมีความหวัง มีความต้องการมีความปรารถนาในสิ่งที่ปรากฏทางตา ในเสียงที่ปรากฏทางหูในการกลิ่นที่ปรากฏทางจมูก ในรสที่ปรากฏทางลิ้น ในการสัมผัสที่ปรากฏทางกาย และในสิ่งที่ปรากฏทางใจ.
แต่ให้ทราบว่า ถ้าจิตซึ่งเป็นสภาพรู้ไม่เกิดขึ้น รู้อารมณ์นั้นๆ ก็ไม่มีการรับรู้อะไรทั้งสิ้น ดีหรือไม่ดี ต้องคิด ต้องพิจารณา
ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งส่ายหน้า....บอกว่าไม่ดีใช่ไหมคะ.?เพราะฉะนั้น ก็ยังต้องมีการเห็น ตลอดไปจนถึง การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสแต่ทุกขณะนั้นไม่เที่ยง ท่านชินกับการเห็น การได้ยิน....ตลอดไปจนถึง การกระทบสัมผัสชินที่จะคิดนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ในวันหนึ่ง ชาติต่างๆ ในความเป็นบุคคลหนึ่งในชาติหนึ่ง ภพหนึ่งจนกระทั่งเห็นว่า...ถ้าไม่มีการเห็น การได้ยิน ตลอดไปจนถึงการกระทบสัมผัสไม่มีการคิดนึกเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้นแล้ว...ไม่ดี
คิดว่าอย่างนั้น ใช่ไหม แต่ว่าความเป็นจริง เพียงจิต ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปไม่มีการเห็น ตลอดไปจนถึง การกระทบสัมผัสไม่มีการคิดนึกถึงเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ
จะสงบไหม ไม่ต้องมีอะไรปรากฏเลย ดับสนิท ต้องการอย่างนี้หรือเปล่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงให้รู้ลักษณะของของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อให้เห็นความจริงว่าสภาพธรรมที่ปรากฏ ย่อมเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
จึงไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แล้วสภาพธรรมที่เป็นใหญ่ เป็นประธาน ในการรู้อารมณ์คือในขณะที่กำลังเห็นสิ่งที่กำงปรากฏทางตา เป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ตัวตน จะต้องศึกษาจนเข้าใจชัดเจน ในลักษณะของสภาพรู้ หรือธาตุรู้ ซึ่งเป็นจิต ที่กำลังเกิดดับจนกว่าจะ ประจักษ์ชัด
ขออนุโมทนาขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่ญาติมิตรที่ล่วงลับ และสรรพชีวิตที่ล่วงรู้ได้อนุโมทนาร่วมกันค่ะ
จะคิดว่า...ดี...เพราะ... หรือ จะคิดว่า...ไม่ดี...เพราะ...แต่ธรรมะที่ดับไปแล้ว...ที่มีอยู่...และที่กำลังจะเกิดไม่มีใครเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามที่คิดได้เพราะธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตาอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น...
ขออนุโมทนาครับ...
ปัญญาเป็นไปเพื่อละ ความไม่รู้ละแม้แต่ความต้องการที่จะสงบ เพราะความต้องการ...ไม่ใช่ปัญญา
จะต้องศึกษาจนเข้าใจชัดเจน ในลักษณะของสภาพรู้ หรือธาตุรู้ซึ่งเป็นจิต ที่กำลังเกิดดับจนกว่าจะ ประจักษ์ชัด จนกว่าสติจะเกิดระลึกรู้ในลักษณะของสภาพรู้ หรือธาตุรู้ซึ่งเป็นจิตว่าเป็นเพียงสภาพรู้ หรือธาตุรู้ที่กำลังเกิดดับไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนใดๆ เลยซึ่งกว่าจะประจักษ์ชัดถึงสภาพรู้ หรือธาตุรู้ที่กำลังเกิดดับว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนเลยคงอีกนานแสนนาน แต่เมื่อได้เข้าใจหนทางที่ถูกต้องก็จะอดทนค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาต่อไปค่ะ
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ