ทุกอย่างเป็นธรรมะ
ท่านใดมีปัญหาในการรับชมและรับฟังกรุณาแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ
สำหรับสหายธรรมที่รับชมรายการบ้านธัมมะที่ตัดต่อมาผ่านกระทู้นี้ไม่ได้ ท่านสามารถอ่านข้อความที่ถอดแล้วด้านล่างได้ครับ
สุ. ฟังให้รู้ว่าธรรม คือ สิ่งที่มีจริง
ด. ใช่ครับ
สุ. ค่ะ เดี๋ยวนี้ มีสิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม
ด. ครับ
สุ. ค่ะ ฟังให้เข้าใจจนกว่าจะเป็นธรรม
ด. มันก็เป็นธรรมอยู่แล้วนะท่านอาจารย์ฮะ
สุ. เข้าใจว่าเป็นธรรมเหรอคะ?
ด. ครับ เข้าใจว่าเป็น...
สุ. แล้วคุณเด่นพงษ์จะไปทำอะไร
ด. คือถ้าผมคิดว่า มันเป็น ...
สุ. เดี๋ยวค่ะ เป็นธรรมแล้วคุณเด่นพงษ์จะไปทำอะไร รู้แล้วว่าเป็นธรรม ไม่ใช่คุณเด่นพงษ์ แล้วจะไปทำอะไรถ้ารู้แล้ว
ด. ก็มันก็เป็นแค่ธรรม ก็ไม่รู้เรื่อง อาจารย์พูดกับผม ก็ไม่ได้ตอบคำถาม ...
สุ. มิได้ค่ะ "ไม่รู้เรื่อง" เป็นธรรมหรือเปล่า
ด. เป็นครับ
สุ. เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเป็นธรรมหรือยัง
ด. อ๋อ เป็นฮะ
สุ. เป็นแล้วเหรอคะ
ด. เป็น
สุ. เป็นแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร
ด. เอ้า...
สุ. ก็เป็นแล้วนี่ค่ะ จะไปทำอะไรอีกล่ะคะ
ด. คือผมนึกว่า เหมือนผมใส่หมวกสองใบ ใบหนึ่งกำลังคิดปัญหาเรื่องธรรม ใบหนึ่งกำลังคิดเรื่องพูดคุยกับอาจารย์
สุ. เพราะฉะนั้น ไม่ได้ฟังว่า "ทุกอย่างเป็นธรรมค่ะ" คำนี้หายไปแล้ว
ด. ทุกอย่างเป็นธรรม
สุ. ค่ะ จนกว่าทุกอย่างเป็นธรรมจริงๆ ไม่ใช่เพียงฟังแล้วก็จำว่าเป็นธรรม แต่ลักษณะของสิ่งที่มีทั้งหมด เป็นลักษณะของธรรมแต่ละลักษณะ แต่ละอย่าง สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรม ลักษณะที่ปรากฏให้เห็น เสียงเป็นธรรมเป็นลักษณะที่ปรากฏให้ได้ยิน คิดนึกเป็นธรรม เป็นลักษณะที่กำลังคิดเรื่องราวต่างๆ
ด. ถ้าเช่นนั้น หมายความว่า กระผมทวนความเข้าใจของผมครับ ขณะที่กระผมกราบเรียนถามท่านอาจารย์อยู่ขณะนี้ ทั้งเห็นอาจารย์ด้วย ทั้งได้ยินเสียงพูดอาจารย์ด้วยเนี่ย...
สุ. เป็นธรรมทั้งหมดเลย
ด. คิดว่าเป็นธรรม
สุ. ค่ะ ทั้งหมดเลย
ด. ทั้งหมดเลย
สุ. ค่ะ คิดก็เป็นธรรม
ด. แล้วก็ผมก็...เข้าใจของผมไปด้วย
สุ. ไม่มีผมเข้าใจของผม เพราะเป็นธรรม
ด. คือไม่มีผม
สุ. แน่นอนค่ะ จนกว่าจะไม่มี
ด. จนกว่าจะไม่มี...
สุ. (ไม่มี) สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง นอกจากเป็นธรรมที่เกิดขึ้น ปรากฏ แล้วหมดไป
ด. เพราะฉะนั้น มันก็เป็นเหมือนเพื่อนสหายธรรมทั้งหลายอะ มันก็ทำยังไง มันก็หนีไม่พ้น มันก็ยังเป็นผม เป็นคุณอรวรรณ คุณสุกัญญาอยู่อย่างเงี้ย
สุ. ถ้ายังงั้น ฟังธรรมเพื่ออะไรคะ
ด. นั่นหนะสิฮะ
สุ. ฟังธรรมเพื่ออะไร
ด. นอกจากจะหลอกลวงตัวว่า นี่มันแค่ธรรมนะ
สุ. เดี๋ยวก่อนค่ะ ฟังเพื่ออะไรคะ
ด. ฟังเพื่อเข้าใจครับ
สุ. ค่ะ แล้วเข้าใจอย่างนี้หรือเปล่า
ด. เข้าใจครับ
สุ. เข้าใจหมดหรือยัง
ด. เข้าใจตามอรรถครับ อาจารย์
สุ. หมดหรือยัง
ด. หมดแปลว่าไรฮะ
สุ. จนกระทั่งถ่องแท้ค่ะ ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ใช่ธรรมะ
ด. อ๋อ มันก็มีบางครั้งเหมือนกัน อาจารย์
สุ. ค่ะ ก็ยังไม่พอ
ด. แต่ทางนี้ถูกแล้วนะฮะ คือ มันยังไง้..มันก็อดคิดไม่ได้
สุ. เอ๊ะ คุณเด่นพงษ์คะ ดิฉันก็รู้สึกว่า การฟังธรรมเนี่ยนะคะ เพื่อเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อถามใคร ถ้าถามเมื่อไรหมายความว่าไม่เข้าใจเมื่อนั้น จึงถาม ...
ด. ถามเพื่อให้เข้าใจ
สุ. ไม่ค่ะ ไม่ใช่ว่า (ถามคำถามที่ว่าอย่างนี้) ........ใช่มั้ย ค่ะ
อย่างสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาเนี่ย มีจริงๆ ตั้งแต่เกิดจนตายมีใครรู้ ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น เพราะไม่รู้จึงฟังไงคะ ฟังให้มีความเข้าใจ ว่าจริงหรือเปล่า สิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้ เพราะมีจักขุปสาทรูป ถ้าเพียงตาบอดเมื่อไร สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาขณะนี้ แม้มีก็ไม่ปรากฏ เพราะฉะนั้น สิ่งนี้เป็นความจริง ลักษณะที่แท้จริงของสิ่งนี้ก็คือว่า เป็นสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็น ตั้งแต่เกิดมากี่ภพกี่ชาตินะคะ กว่าจะมีความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ปรากฏทางตาจริงๆ ที่จะรู้ว่าเห็น กำลังมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น ไม่ใช่คิดนึก ไม่ใช่ไปจำว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่จำสิ่งที่ปรากฏ แน่นอน แล้วหลังจากเห็นแล้วก็คิดค่ะ เพราะว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาเนี่ย สั้นมาก มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ จะเร็วสักแค่ไหน เปรียบเทียบอุปมาก็คือ จิตเห็นกับจิตได้ยินเนี่ยห่างไกลเกิน ๑๗ ขณะ ยังเหมือนพร้อมกัน เพราะฉะนั้น รูปๆ หนึ่งที่เกิดเนี่ย ดับแล้วดับหมดถ้าไม่ปรากฏ ถ้าเวลาปรากฏ ก็ปรากฏสั้นมากแล้วก็ดับไป จริงหรือเปล่า
นี่คือการเข้าใจธรรมะ เริ่มจากการฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏ ซึ่งไม่เคยรู้มาตลอดชีวิตนะคะ ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น แล้วก็จำว่าเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วหลงติดในสิ่งนั้นว่าเที่ยง แล้วรู้ด้วยความเข้าใจผิดว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ยั่งยืน
เพราะฉะนั้น การฟังธรรมะก็คือฟังให้เข้าใจธรรมะค่ะ เราคิดเองไม่ได้แน่นอนค่ะ ต้องเป็นการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระมหากรุณาแสดงให้บุคคลอื่นได้เกิดความเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ตั้งแต่เกิดจนตาย ...ตายแล้วเกิดอีก ก็เป็นอย่างนี้อีก เกิดอีกก็เป็นอย่างนี้อีก คือไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เพียงปรากฏให้เห็น แล้วก็นึกคิดเป็นเรื่องราวต่างๆ ปรากฏให้ได้ยิน แล้วก็จำไว้เป็นเรื่องราวต่างๆ เสร็จแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ไปเรื่อยๆ ทุกขณะในสังสารวัฏฏ์ ...ฟังให้เข้าใจธรรมะค่ะ
ด. คือกระผมยังคิด... เดี๋ยวนี้ก็ยัง... มันก็ยัง...ยังไม่ยอมนะฮะอาจารย์ ยังไม่ยอม คือเหมือนกับมีคนอยู่สองคนในตัวผมเนี่ยฮะ
สุ. ขอโทษค่ะ ไม่ใช่ให้ใครยอม ...แต่เข้าใจมั้ย
ด. เข้าใจ
สุ. ค่ะ เท่านั้นเองค่ะ
ด. คือ...คือ...
สุ. เดี๋ยวค่ะ เข้าใจมั้ย ไม่ใช่ให้ยอมนะคะ ไม่ใช่มีตัวเราไปยอม ไปจำนน ไปอะไรอย่างนั้น แต่ฟังแล้วเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
ด. โดยสัจจ์จริง ท่านอาจารย์ ที่ท่านอาจารย์พูด ผมก็เข้าใจตามอรรถ ตามคำอธิบาย
สุ. ไม่ใช่ผมเข้าใจ ....ลืมแล้ว
ด. ลืมแล้ว
สุ. ทุกอย่างที่มีจริง เป็นธรรมะ มีเข้าใจกับไม่เข้าใจ สองอย่าง เลือกไม่ได้ว่าจะให้อะไรเกิดขึ้นเมื่อไร ทั้งๆ ที่ฟังเนี่ยไม่เข้าใจก็ได้ หรือฟังเนี่ย เข้าใจก็ได้ บังคับบัญชาไม่ได้เลย เป็นธรรมะที่เพียงเกิดขึ้น เปลี่ยนลักษณะนั้นให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้
ด. คือ.. คือถ้าอย่างนั้นก็... ก็ค่อนข้างจะชัดเจนขึ้นว่าไม่ต้องไปนั่งอยู่คนเดียว แล้วก็ไปคิด เพราะว่า ขณะที่พูดคุยกันเนี่ย ..ธรรมะ กินข้าวอยู่ก็ธรรมะ ทำอะไรอยู่ก็ธรรมะ ธรรมะ เข้าใจอย่างนี้เป็นธรรม ฟังไปๆ เหมือนหลอกลวงตัวเองเลยท่านอาจารย์ครับ มัน...มันพูดตามที่อาจารย์สอนหนะ
สุ. เพราะว่าคุณเด่นพงษ์ต้องเป็นคนที่ตรง และจริงใจ
ด. ผมก็ว่าผมจริงใจนะเนี่ย พูดยังงี้...
สุ. ค่ะ
ด. คือ ..คือ ...คือ ..มันขัดใจอยู่ มันก็เด่นพงษ์พูดกับอาจารย์
สุ. เดี๋ยวค่ะ คือ คุณเด่นพงษ์ เป็นคนบอกว่า คุณเด่นพงษ์เป็นคนตรงและจริงใจ ทุกอย่างเป็นธรรมะ อะไรก็เป็นธรรมะ รับประทานอาหารก็เป็นธรรมะ แต่ผมไม่ยอม?
ด. พูดตามอาจารย์หนะฮะ
สุ. แล้วจริงใจ ตรงหรือเปล่าคะ
ด. กราบท่านอาจารย์ด้วยความเคารพจริงๆ
สุ. ค่ะ
ด. มัน ...มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ครับ
สุ. เพราะเหตุว่าเป็น "ธรรมะอย่างนั้น" จะให้เป็นอื่นไม่ได้ กำลังรู้สึกอย่างนั้น จะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ กำลังไม่เข้าใจ กำลังยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ก็จะเปลี่ยนไม่ได้เลยค่ะเปลี่ยนสภาพที่เป็นความเห็นผิด ให้เป็นความเห็นถูกไม่ได้
ด. ก็มันนานนะฮะ ...ความเข้าใจอย่างเงี้ย
สุ. ความเห็นถูก คือ เห็นถูก (ความ) เห็นผิด คือ เห็นผิด เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะเพื่ออะไรไงคะ ถามแล้วถามอีก
ด. เพื่อเข้าใจครับ
สุ. แล้วตอนนี้ เข้าใจว่าอะไร
ด. ก็เนี่ย ถ้างั้นก็ยังไม่เข้าใจ
สุ. ถูกต้อง
ด. ครับผม
สุ. ถูกต้องค่ะ
ด. ครับ กราบขอบพระคุณครับ
กราบขอบพระคุณเช่นกันค่ะ ข้อความทีคัดมาแจ่มแจ้งช้ดเจนมากค่ะขออนุโมทนาในกุศลวิริยะและความกรุณาของผู้นำเสนออีกครั้งนะขอรับ.
ขออนุโมทนาคุณแช่มชื่น และ บ้านธัมมะค่ะ ได้ฟังจนจบชัดเจนมากค่ะ
ขออนุโมทนาคุณแช่มชื่นในกุศลวิริยะครับ อยากทราบว่า DhPTV ย่อมาจากอะไร และเป็นส่วนหนึ่งของรายการบ้านธัมมะวันพุธ ช่อง NBT ใช่ไหมครับ
D = Dhamma = ธัมมะ h = home = บ้าน P = Program = รายการ TV = Television = โทรทัศน์ Dhammahome Program TV = รายการบ้านธัมมะทางโทรทัศน์ ส่วนใหญ่เป็นส่วนที่ตัดมาจากรายการบ้านธัมมะช่อง NBT ครับ
ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณสุวิทย์ (กรรมการบ้านธัมมะ) ท่านจะตื่นแต่เช้ามืดขึ้นมาอัดรายการบ้านธัมมะทางช่อง NBT ต้ดต่อแล้วส่งให้ทางบ้านธัมมะเก็บต้นฉบับไว้ ที่ใช้ชื่อนี้ เพื่อสะดวกในการค้นหาข้อมูลของท่านผู้ชมครับ เป็นชื่อย่อ ไม่ยาวเกินไปเหมาะแก่การตั้งกระทู้ เพราะถ้าใช้คำว่า รายการบ้านธัมมะ ช่อง NBT จะยาวมากจนไม่เหลือเนื้อที่ให้พิมพ์ชื่อหัวข้อที่เป็นสาระของคลิปครับ แต่ชื่อก็ไม่สำคัญเท่ากับสาระที่ท่านอาจารย์ และท่านวิทยากรของมูลนิธิฯ รวมทั้งสหายธรรมะทั้งหลายที่ได้ร่วมสนทนาเกื้อกูลด้วยคำถามที่เป็นประโยชน์แก่ทุกๆ ท่านครับ
ขออนุโมทนาครับ