ปรินิพพานแล้ว ไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อีกแล้ว
สมัยนี้บางท่านกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ก็ยังมีตัวตนอยู่ และกล่าวว่าได้ไปเฝ้าและถวายภัตตาหารแก่พระผุ้มีพระภาคซึ่งก็ควรจะได้พิจารณาข้อความในพระไตรปิฏก คือ ในสังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ผัคคุณสูตรข้อ ๙๙ ครั้งนั้นแล ท่านพระผัคคุณะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ....
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลเมื่อจะบัญญัติพึงบัญญัติพระพุทธเจ้าผู้ตัดตัณหาเครื่องให้เนิ่นช้าแล้ว ตัดทางได้แล้ว ครอบงำวัฏฏะได้แล้ว ล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวง ปรินิพพานล่วงไปแล้วด้วยจักขุใด จักขุนั้น มีอยู่หรือหนอ ฯลฯ... บุคคลเมื่อจะบัญญัติ พึงบัญญัติพระพุทธเจ้า ผู้ตัดตัณหาเครื่องให้เนิ่นช้าแล้ว ครอบงำวัฏฏะได้แล้วล่วงทุกข์ทั้งปวง ปรินิพพานล่วงไปแล้ว ด้วยใจใดใจนั้นมีอยู่หรือหนอ พระพุทธเจ้าข้า (คือ ทูลถามว่า เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ยังจะมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อยู่อีกหรือไม่)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร ผัคคุณะ บุคคลเมื่อจะบัญญัติ พึงบัญญัติพระพุทธเจ้าผู้ตัดตัณหาเครื่องให้เนิ่นช้าแล้วตัดทางได้แล้ว ครอบงำวัฏฏะได้แล้ว ล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวง ปรินิพพานล่วงไปแล้ว ด้วยจักขุใด จักขุนั้น ไม่มีเลยฯลฯ … บุคคลเมื่อจะบัญญัติ พึงบัญญัติพระพุทธเจ้าผู้ตัดตัณหาเครื่องให้เนิ่นช้าแล้ว ตัดทางได้แล้ว ครอบงำวัฏฏะได้แล้ว ล่วงทุกข์ทั้งปวง ปรินิพพานล่วงไปแล้วด้วยใจใด ใจนั้นไม่มีเลย
เมื่อปรินิพพานแล้ว ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไม่มีอีกเลย ไม่ใช่ว่าปรินิพพานแล้วก็ไปสู่สถานที่หนึ่งสถานที่ใด แล้วมาเป็นประมุขของการทำบุญถวายทาน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ไม่พ้นจากโลก เพราะยังมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเกิดดับ จึงยังต้องมีทุกข์ จึงยังพ้นทุกข์ไม่ได้
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป