ควรรู้ตัวเองตามความเป็นจริง
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
การรู้ความจริงของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เป็นการเตือนสติให้อบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้ชัดว่าขณะใดเป็นกุศล และขณะใดเป็นอกุศล เราต้องตรงต่อตัวเองจริงๆ และควรรู้ว่ากุศลย่อมเกิดขึ้นน้อยกว่าอกุศล
ประโยชน์ของการยอมรับความจริงคือ เมื่อโศกเศร้า ย่อมโศกเศร้าไม่นาน เมื่อเพลิดเพลินอยู่ย่อมรู้ว่าความเพลิดเพลินนั้น อยู่ไม่นานเช่นกัน
เมื่อใดเกิดความเข้าใจผิดย่อมเป็นผู้ควรแก่คำตักเตือนของกัลยาณมิตร
เมื่อรู้ตามความจริงว่ายังเป็นปุถุชน ไม่ใช่บัณฑิต อกุศลจิตเกิดบ่อย เกิดง่ายย่อมเตือนตนให้ระวังอกุศลจิตของตนไว้ และไม่ไปก้าวก่ายอกุศลจิตของผู้อื่น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เป็นเครื่องเตือนสำหรับพุทธบริษัททุกกาลสมัย ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ไม่ได้ฟังพระธรรม การที่จะเป็นผู้มีความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ อกุศลจิตเกิดก็ไม่รู้ว่าเป็นอกุศล กุศลจิตเกิดก็ไม่รู้ว่าเป็นกุศล เพราะฉะนั้นจึงต้องเริ่มด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่า พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น เป็นความจริงทุกประการ กุศลจิต อกุศลจิตก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นจริงตามการสั่งสมมาของแต่ละบุคคล ความเข้าใจที่ถูกต้องนี้เองจะเป็นเครื่องชำระล้างหรือขัดเกลาอกุศล ข้ดเกลาความเห็นผิด ข้ดเกลาความไม่รู้ให้ออกไปจากจิตใจ ในแต่ละวัน ควรที่จะเป็นโอกาสของการอบรมเจริญปัญญา เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรม ดีกว่าที่จะอยู่ไปวันๆ โดยที่ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ถ้าหากว่าชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้อบรมเจริญปัญญา เมื่อวันสุดท้ายของชีวิตมาถึงก็จะจากโลกนี้ไปด้วยความหลง ด้วยความมัวเมา เต็มไปด้วยอกุศลนานาประการจึงเป็นเรื่องที่น่าคิดน่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ต้องอบรมปัญญาจนกว่าจะรู้ว่า จิตมีราคะก็รู้ว่าจิตมีราคะ จิตปราศจากราคะก็รู้ว่าจิต
ปราศจากราคะ จิตมีโทสะก็รู้ว่าจิตมีโทสะ จิตปราศจากโทสะก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ
จิตมีโมหะก็รู้ว่าจิตมีโมหะ จิตปราศจากโมหะก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ ฯลฯ
เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต และเห็นธรรมในธรรม ทุกวัน ครับ
การอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้ว่าขณะใดจิตเป็นกุศลจิต ขณะใดจิตเป็นอกุศลจิตเป็นสิ่ง สำคัญมากที่ควรพิจารณาให้เข้าใจ เราสั่งสมกิเลสมามากมายในอดีตนับภพชาติไม่ได้เป็นเหตุให้ในชีวิตปัจจุบันอกุศลจิตเกิดมากเกือบทั้งวัน กุศลจิตเกิดยากมาก เราต้องตรงต่อตัวเองจริงๆ ที่จะรู้ตามความเป็นจริง เป็นผู้ไม่ประมาทที่จะอบรมเจริญปัญญาเพื่อค่อยๆ ขัดเกลากิเลสในแต่ละวัน
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง
...เตือนสติ...
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
สำหรับปุถุชน...
กุศลย่อมเกิดน้อยกว่าอกุศลเป็นปกติ
แม้แต่ในวันทีรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจเป็นที่สุด
ขออนุโมนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ถ้าไม่รู้จักตัวเอง ไม่ตรงต่อตัวเอง ไม่ตรงต่อความจริงอกุศลก็จะทำให้คิดเข้าข้างตัวเอง ทำให้เป็นไปด้วยอคติครับ...ขออนุโมทนาครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขณะใดรู้ตัวเองตามความเป็นจริง ขณะใดไม่รู้ตัวเองตามความเป็นจริงขณะที่รู้ตัวเองตามความเป็นจริงคือ ขณะที่ปัญญาเกิด เราก็อาจกล่าวว่ามีอกุศลมาก แต่ขณะไหนเป็นอกุศล ขณะไหนไม่ใช่อกุศล ดังนั้นจึงต้องเป็นปัญญาที่รู้ทันสภาพธรรมในขณะที่สภาพธรรมนั้นเกิดจริงๆ ที่เป็นสติปัฏฐานจึงเข้าใจถูกว่า ขณะนั้นเป็นอกุศล ขณะนั้นเป็นกุศล จึงเป็นเรื่องของปัญญาที่รู้ตามความเป็นจริงไม่ใช่การคิดนึกถึงสภาพธรรมที่ดับไปแล้วครับ
เมื่อปัญญาเกิด รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมขณะนั้น จึงชื่อว่าเป็นผู้ตรง รู้ตัวเองตามความเป็นจริงเพราะรู้ตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรมในขณะนั้นว่าเป็นธรรมและเป็นกุศลหรืออกุศลในขณะนั้นอย่างถูกต้อง
ขออนุโมทนาครับอุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
พระธรรมสอนให้รู้จักตัวเองตามความเป็นจริงการรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงคือ รู้ว่าที่เรียกว่า"ตัวเอง"คือ จิต เจตสิก รูป...ขันธ์ ๕และถ้าไม่เป็นผู้ตรงต่อตนเอง ด้วยปัญญาจะไม่มีทางรู้จัก อกุศล และกุศล ได้เลยเมื่อไม่รู้จัก ก็ไม่เห็นโทษเมื่อไม่เห็นโทษ ก็ละไม่ได้แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะการอบรมปัญญา เป็นจิรกาลภาวนา
อนุโมทนาค่ะ