......ข้ามสิ่งที่กำลังปรากฏหรือเปล่า ?

 
พุทธรักษา
วันที่  26 ส.ค. 2551
หมายเลข  9676
อ่าน  1,683

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปฏิบัติธรรม ๒๕ -๒-๕๐

ท่านผู้ฟัง ท่านอาจารย์คะที่ว่าเรามาศึกษา ก็ให้อบรมเจริญปัญญาให้เข้าใจสภาพธัมมะที่ปรากฏและมีอยู่ เมื่อกี้ ท่านอาจารย์ก็พูดเหมือนว่าเราก็ข้ามไปข้ามมาในสภาพธัมมะ (สภาพธัมมะเกิดตลอด แต่สติไม่ระลึก) ทีนี้ ความเป็นอนัตตาของปัญญาที่มีน้อยมาก และมีอวิชชามาก คำถามก็คือ มีวิธีที่จะไม่ข้ามไปข้ามมาไหม (คือมีวิธีที่สติจะเกิด ระลึกรู้สภาพธัมมะไหม)

ท่านอาจารย์ มาอีกแล้วไงคะ หาวิธี หรือว่าฟังให้เข้าใจก็คือ ละความไม่เข้าใจทีละเล็กทีละน้อยค่ะ

ท่านผู้ฟัง คือทางที่ถูก ก็คือฟังให้เข้าใจว่าธัมมะมีอยู่จริง

ท่านอาจารย์ อนัตตา บังคับบัญชาอะไรไม่ได้เมื่อเข้าใจแล้ว ฟังอีก เข้าใจขึ้นอีก หรือเปล่า ค่อยๆ เข้าใจขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่า

ท่านผู้ฟัง เข้าใจขึ้นเรื่อยๆ แต่มันเหมือนกับเป็นเรื่องราว และก็เป็นชื่อ

ท่านอาจารย์ รู้ ใช่ไหมคะ ว่ามีสภาพธัมมะแต่ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธัมมะต้องฟังให้เข้าใจเรื่องของสภาพธัมมะก่อน และก็ไม่ต้องมีใคร ไปตั้งต้นทำอะไรทั้งสิ้นเมื่อถึงเวลา มีเหตุปัจจัยพร้อม และสติและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธัมมะเมื่อไหร่ก็จะรู้ว่า นั่นคืออนัตตาจริงๆ ความจริง ธัมมะแสดงความเป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ ไม่รู้ความจริงนั้น

ท่านผู้ฟัง เพราะฉะนั้น เราต้องมั่นคงว่าเป็นสภาพธัมมะก่อนที่เราจะได้ฟังก็ไม่เคยรู้ว่าขณะนี้มีจิต เจตสิก รูป กำลังเกิดดับ เห็น ได้ยินเป็นธัมมะ พอเราได้ฟังก็เป็นปัญญาขั้นการฟังว่าเป็นอย่างนี้ เมื่ออบรมเจริญปัญญามากขึ้น ก็จะรู้มากขึ้น

ท่านอาจารย์ ค่ะ

ท่านผู้ฟัง กราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า กิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์ ไม่มีต้น ไม่มีปลาย ใช่ไหมคะ อะไรเกิดก่อน อะไรเกิดทีหลัง

ท่านอาจารย์ ค่ะ ข้ามสิ่งที่กำลังปรากฏหรือเปล่า ก็ไปหาอย่างอื่น สิ่งอื่นหมดเลยนะคะ เหมือนกับไม่ว่าพระผู้มีพระภาคจะทรงแสดงอะไรก็จะเข้าใจไปทุกอย่างไม่ได้คิดว่า ปัญญาของเรานี้แค่ไหนทั้งๆ ที่ทรงอุปมาว่าเหมือนกับ จะงอยปากยุง จุ่มลงไปในมหาสมุทร (หมายถึง ปัญญาของเราเหมือนปากยุงรู้ได้นิดเดียว ไม่มีทางที่จะรู้ได้หมดเหมือนมหาสมุทร)

ทุกสูตรที่เราอ่านไม่ได้หมายความว่าเราจะรู้ได้หมดค่ะ เพราะฉะนั้น เราจะต้องรู้ว่าเราสามารถเข้าใจอะไรได้แค่ไหน ในเมื่อสิ่งที่กำลังปรากฏมีอยู่ ถ้าคิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ (เรื่องราว) ก็จะไม่มีทางรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ แล้วก็จะลืมไป (หลงลืมสติ) และคิดถึงเรื่องอื่น ต่อๆ ไปอีกค่ะ

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลให้คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์

เหตุปัจจัยแห่งการเป็นผู้มีศรัทธา

การคบบัณฑิตหรือสัตบุรุษ การฟังธรรมของสัตบุรุษ การพิจารณาธรรมที่ได้ฟังมา การประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 26 ส.ค. 2551

ค่ะ...ข้ามสิ่งที่กำลังปรากฏหรือเปล่า...

ในเมื่อสิ่งที่กำลังปรากฏมีอยู่

ขอกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 26 ส.ค. 2551

รู้ ใช่ไหมคะ? ว่ามีสภาพธัมมะแต่ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธัมมะต้องฟังให้เข้าใจเรื่องของสภาพธัมมะก่อน

และก็ไม่ต้องมีใคร ไปตั้งต้นทำอะไรทั้งสิ้นเมื่อถึงเวลามีเหตุปัจัยพร้อม และสติและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธัมมะเมื่อไหร่ก็จะรู้ว่านั่นคืออนัตตาจริงๆ ความจริงธัมมะแสดงความเป็นอนัตตาอยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่รู้ความจริงนั้น

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 27 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 27 ส.ค. 2551

ข้ามสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะสั่งสมอวิชชา และกิเลสต่างๆ มานานมากถ้ายังไม่อบรมเจริญปัญญา ก็จะหาวิธี แล้วก็ข้ามการรู้ความจริงต่อไป

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 27 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornpaon
วันที่ 28 ส.ค. 2551

กราบขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 28 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 28 ส.ค. 2551

ไม่ขาดการฟังธรรม ไม่ขาดการพิจารณาธรรมบ่อยๆ ว่าเป็นธรรมทั้งหมด ไม่ใช่เรา พิจารณาอย่างนี้บ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับไม่ข้ามขั้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
nida
วันที่ 30 ส.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 13 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ