หนูชื่ออะไรลูก ...

 
Pararawee
วันที่  28 ส.ค. 2551
หมายเลข  9690
อ่าน  1,368

ภาพที่เคยได้เห็นกันทุกคนคือมารดาที่กำลังเลี้ยงดูบุตรของตนเอง อย่างรักใคร่และเมตตา มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ได้ยินกันคุณแม่ทั้งหลายพูดบ่อยๆ เช่นกันคือ "หนูชื่ออะไรลูก บอกคุณป้าซิคะ" เพราะเหตุนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต สัญญาได้จำสิ่งนี้ไว้แน่นคือ ชื่อนี้ของเรา ตั้งแต่เป็น เด็กหญิง, เด็กชาย, นางสาว, นาย และบางท่านก็เปลี่ยนไปเป็นนาง กายนี้ก็ของเรา

เมื่อได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทำให้ได้ศึกษาว่าในร่างกายของเรา มีอวัยวะอะไร ทำงานอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้น หากไม่ได้ศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ก็จะไม่มีโอกาสที่จะรู้ความจริงเลยว่า เรานั้นไม่มี มีแต่สภาพธรรม เพราะเหตุนี้การที่จะละการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล นั้นเป็นของยาก บุคคลใดที่มีโอกาสได้รู้จักและศึกษาพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง ส่วนบุคคลที่ไม่สนใจนั้น ก็ไม่มีโอกาสละคลายความติดข้องจากทุกๆ สิ่งในสังสารว้ฎนี้ได้เลย ธรรมะเป็นของยาก และไม่ใช่ของสาธารณะ ท่านอาจารย์ย้ำเสมอๆ ว่าต้องอาศัยขันติมากและเจริญปัญญาทีละเล็กละน้อยตามลำดับ จะเห็นว่าตั้งแต่เล็กจนโต (ชาติก่อนๆ ด้วย) ได้สะสมอวิชชามาตลอด ส่วนเวลาที่เหลือของชาตินี้จุติจิตจะเกิดเมื่อไหร่ไม่รู้เหมือนกันนะคะ

อนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 29 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 29 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปริศนา
วันที่ 29 ส.ค. 2551

อนุโมทนาค่ะ การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยากเมื่อได้พบพระสัทธรรมนับว่าเป็นชาติที่ประเสริฐ.

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 29 ส.ค. 2551

เพราะว่าเป็นปุถุชนมาแล้ว แสนโกฏิกัปป์นับไม่ถ้วนหลงยึดถือมานาน จนเคยชิน จนคล่องที่จะจำได้ว่าเป็นเรา เป็นของเราคล่องที่จะจำได้ว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาชาตินี้ก็ยังมีเชื้อเดิมที่สะสมไว้ในอดีต ติดมาเป็นปัจจัยให้เกิดการหลงลืมสติ แล้วก็ยึดถือต่อๆ ไปอีกใครก็ช่วยคลายให้น้อยลงหรือช่วยแกะออกให้ไม่ได้

"ปัญญาเท่านั้น" เริ่มจากขั้นของการฟังฟังให้เข้าใจในความเป็น "ธรรมะ" ก่อน

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 29 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Noparat
วันที่ 29 ส.ค. 2551

การที่จะละการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล นั้นเป็นของยาก บุคคลใดที่มีโอกาสได้รู้จักและศึกษาพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง ธรรมะเป็นของยาก และไม่ใช่ของสาธารณะ ต้องอาศัยขันติมากและเจริญปัญญาทีละเล็กละน้อยตามลำดับ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wirat.k
วันที่ 29 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 29 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

ยังดีที่มีคำนี้เกิดขึ้นกับทุกคน สำหรับผมแล้วตั้งแต่เล็กจนโตไม่มีครับ ไม่เคยมีความรู้สึกที่ได้รับความอบอุ่นจากพ่อแม่เลย เจริญมรณานุสติทุกลมหายใจ ตั้งแต่ตื่น จนหลับครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 29 ส.ค. 2551

แต่ชีวิตนี้ยังดี ที่ได้มาเจอพระธรรม และกัลยามิตรที่ดี

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 29 ส.ค. 2551

ชื่อย่อมครอบงำสิ่งทั้งปวง สิ่งทั้งปวงที่ยิ่งไปกว่าชื่อไม่มี สิ่งทั้งปวงเป็นไปตามอำนาจอันหนึ่งคือชื่อ สรุป สัตว์หรือสังขารที่พ้นจากชื่ออันเป็นกิตติศัพท์ไม่มี ไม่มีอะไรไม่มีชื่อค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ปริศนา
วันที่ 30 ส.ค. 2551

ผู้ใดไม่มีกังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่นผู้นั้น เมื่อไม่ถือว่า เป็นของเราจึงไม่มีความเศร้าโศกว่าของเรา ไม่มี ดังนี้ (พระโอววทานุสาสนี)

เวลาที่ข้าพเจ้ากังวลมักจะระลึกถึงคาถานี้เพื่อบรรเทาความกังวล. เพราะตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังต้องเป็นเรา เป็นของเราอยู่เป็นธรรมดา แต่โดยสัจธรรมแล้วแม้พ่อแม่ก็ไม่ใช่ของเรา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ปริศนา
วันที่ 30 ส.ค. 2551

หากคุณ "เจริญในธรรม"ได้พบกัลยาณมิตรแล้ว น้อมใจลงสดับฟังพระธรรมแล้วพิจารณาดีแล้วจะเข้าใจในเรื่องกรรม และผลของกรรมวิบากที่ที่ดี ย่อมมาจากกรรมดีเท่านั้นชาตินี้มีโอกาสเจริญกุศลก็อย่าประมาทแม้กุศลเพียงเล็กน้อยกุศลทุกขั้นให้ผลเป็นสุขมีหลายคนที่เป็นเช่นคุณ และอาจยิ่งกว่าคุณ

แต่เมื่อคุณเห็นคุณค่าของพระธรรมและมีความมั่นคงในหนทางแห่งพระธรรมพระธรรมจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของคุณค่ะ

สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดมาที่จะไม่ทุกข์ ไม่มีเลยความทุกข์ ความสุข ก็เป็นอนัตตาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุ ตามปัจจัยเพราะผู้ที่ไม่มีทุกข์ มีแต่ผู้ที่ไม่เกิด เท่านั้น

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
suwit02
วันที่ 30 ส.ค. 2551

ที่นี่น่ารื่นรมย์

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
paderm
วันที่ 30 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

หนูชื่ออะไรลูก สะสมความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์บุคคล มาเนิ่นนาน ไม่ใช่เพียงชาตินี้เท่านั้น แต่สะสมมานับไม่ถ้วนในอดีต เพราะมีอนุสัยความเห็นผิดอยู่ แม้ไม่มีใครถามก็มีความยินดี พอใจด้วยความเป็นเรา ยึดถือว่ามีเราจริงๆ แล้ว เพราะสะสมมาในอดีตครับ แต่แม้จะสะสมความเห็นผิดมามากก็ตาม แต่ก็อบรมปัญญาค่อยๆ เข้าใจถูกว่าเป็นธรรม แม้ขั้นการฟัง แต่เมื่อปัญญาเจริญก็สามารถดับความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์ บุคคลได้จนหมด และเมื่อดับความเห็นผิดหมดแล้ว หากมีใครถามว่าหนูชื่ออะไร ก็คงตอบตามที่สมมติแต่ขณะนั้นก็ไม่ได้มีความเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคลจริงๆ คงไม่ตอบว่า หนูไม่มี มีแต่ขันธ์ ๕ คนถามคงงงแน่เลยครับ ซึ่งสามารถอบรมปัญญาได้ในชีวิตประจำวัน อาศัยสมมติเพื่อเข้าใจปรมัตที่มีในขณะนี้

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
paderm
วันที่ 30 ส.ค. 2551

ไม่ละทิ้งสมมติทางโลก

พ. ภิกษุใดเป็นผู้ไกลจากกิเลสมีกิจทำเสร็จแล้ว มีอาสวะสิ้นแล้วเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งร่างกายอันมีในที่สุด ภิกษุนั้นพึงกล่าวว่า เราพูดดังนี้บ้างบุคคลทั้งหลายอื่นพูดกะเราดังนี้บ้างภิกษุนั้นฉลาด ทราบคำพูดในโลก พึงกล่าวตามสมมติที่พูดกัน.

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรคเล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ ๑๓๕ อรหันตสูตร

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
pornpaon
วันที่ 30 ส.ค. 2551

เกิดขึ้นมาก็ไม่ได้มาตัวเปล่า เอากิเลสอวิชชาติดมาด้วยห่อหุ้มไว้อย่างหนาแน่น จึงเห็นแต่ความเป็นเรา เขา สัตว์ ตัวตน บุคคลไม่อาจมองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นจริงตามสภาพธรรมแต่เพราะสภาพธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะได้ปรมัตถธรรมมีจริง จึงต้องมีบัญญัติเพื่อประโยชน์ในการศึกษา เพื่อความเข้าใจในสภาพธรรมแต่ส่วนการติดในชื่อนั้นมันเป็นเรื่องอวิชชาล้วนๆ เป็นตัวเราเต็มๆ และถึงแม้อย่างนั้นก็เป็นธรรมะค่ะ

ฉะนั้น จิรกาลภาวนา อดทน ไม่ท้อถอย ค่อยๆ ขัดเกลา พระธรรมอันเกิดแต่พระปัญญาของพระผู้มีพระภาคนั้น ไม่สาธารณะกับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้สะสมและไม่อดทนที่จะฟัง

ขออนุโมทนาคุณพาราระวี ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
สุภาพร
วันที่ 1 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
คุณ
วันที่ 3 ก.ย. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Komsan
วันที่ 6 ก.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ