ทำไมร่างกายมนุษย์จึงมีอนุภาพ มากกว่า สัตว์ในวัฏฏสงสาร

 
MAMMAYMEAN
วันที่  29 ส.ค. 2551
หมายเลข  9698
อ่าน  1,714

รบกวน ครูบาอาจารย์ ตอบปัญหาด้วยนะค่ะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้า ขอให้ธรรมะคุ้มครองทุกท่าน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 30 ส.ค. 2551

สัตว์ที่ท่องเที่ยวเวียนตายเวียนเกิดในวัฏฏสงสาร มีหลายจำพวกคือ สัตว์ที่เกิดในอบายภูมิก็มี สัตว์ที่เกิดเป็นมนุษย์ก็มี สัตว์ที่เกิดเป็นเทวดาก็มี สัตว์ที่เกิดเป็นพรหมก็มี สัตว์ที่เกิดในอบายเกิดจากอกุศลกรรม เป็นอเหตุกสัตว์ ไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยในขณะเกิด มนุษย์บางพวกเป็นอเหตุก บางพวกเป็นทวิเหตุกบางพวกเป็นติเหตุกะ การได้เกิดเป็นมนุษย์ประเสริฐกว่าสัตว์ในอบายภูมิ เพราะเป็นผลของกุศล และบางพวกมีปัญญาเกิดร่วมด้วย จึงมีอนุภาพคือฉลาดกว่าสัตว์ แม้พวกเทวดาและพรหมก็ประณีตกว่าพวกมนุษย์ เพราะเกิดจากผลของบุญที่ประณีตกว่า แต่ทั้งหมดก็ไม่เที่ยง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
prakaimuk.k
วันที่ 30 ส.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 30 ส.ค. 2551

กำเนิดวิจิตรเพราะกรรมวิจิตร ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์เป็นผลของกุศลกรรม แต่กรรมก็วิจิตร จำแนกสัตว์ให้แตกต่างกันออกไป เช่น รูปงาม รูปไม่งาม มีปัญญาประกอบ ไม่มีปัญญา ประกอบ มั่งมีหรือยากจน ฯลฯ ส่วนการเกิดในอบายภูมิเป็นผลของอกุศลกรรมเท่านั้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 30 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทำไมร่างกายมนุษย์จึงมีอนุภาพ มากกว่า สัตว์ในวัฏสงสาร?

การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นผลของกุศลกรรม แม้การเกิดเป็นเทวดาและพรหมก็เป็นผลของกุศลกรรมเช่นกัน แต่มนุษย์นั้นประเสริฐกว่าสัตว์ในภพภูมิอื่น ตรงที่มนุษย์นั้นโดยเฉพาะมนุษย์ในชมพูทวีปคือ ในทวีปนี้ที่เราอยู่ ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทวีปอื่นๆ เพราะสามารถอบรมเจริญอริยมรรคมีองค์แปด (อบรมปัญญา) ได้ดี เพราะพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ทรงอุบัติในภพภูมิมนุษย์และในชมพูทวีปเท่านั้นครับ และมนุษย์นั้นยังเป็นภพภูมิที่สามารถเจริญกุศลได้มากกว่าภพภูมิอื่นๆ หากมีความเข้าใจ พระโพธิสัตว์เมื่อเกิดเป็นเทวดาแล้วก็จะลงมาบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งในภพภูมิมนุษย์ ในเทวดาคงไม่มีเทวดาขอทาน แต่ในภพภูมิมนุษย์นั้นมีหลากหลายให้เห็นผลของกุศลกรรมและได้เจริญกุศลทุกๆ ประการ หากมีความเข้าใจครับ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีป ประเสริฐกว่าพวกมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและเทวดาชั้นดาวดึงส์ด้วยฐานะ ๓ ประการ ๓ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้กล้า ๑ เป็นผู้มีสติ ๑ เป็นผู้อยู่ประพฤติพรหมจรรย์อันเยี่ยม (อริยมรรค 8) ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีปประเสริฐกว่าพวกมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและพวกเทวดา ชั้นดาวดึงส์ ด้วยฐานะ ๓ ประการนี้แล

(ฐานศุตร เล่ม ๓๗ หน้า ๗๙๐)

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 30 ส.ค. 2551


ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งหมดได้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัณหาและอวิชชา การเวียนว่ายตายเกิด จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ย่อมไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สัตว์ในวัฏฏสงสาร ไม่พ้นไปจากผู้ที่ยังมีการเกิดในภพภูมิต่างๆ กล่าวคือเกิดในอบายภูมิ (เป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน) อันเป็นผลของอกุศลกรรม, เกิดในสุคติภูมิเป็นมนุษย์หรือเป็นเทวดา อันเป็นผลของกุศลกรรม หรือแม้กระทั่งการเกิดเป็นพรหมบุคคล ทั้งรูปพรหม ในรูปพรหมภูมิและอรูปพรหมบุคคล ในอรูปพรหมภูมิซึ่งเป็นผลจากการอบรมเจริญกุศลในขั้นฌานซึ่งเป็นความสงบของจิต ทั้งหมดเป็นสัตว์ในวัฏฏสงสาร การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นของยาก เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวันค่อยๆ สั่งสมความรู้ความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย (จนกว่าปัญญาจะคมกล้า สามารถที่จะดับกิเลส บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ได้) ย่อมเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ประเสริฐในชีวิต ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 30 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 30 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ajarnkruo
วันที่ 31 ส.ค. 2551

ร่างกายของมนุษย์ก็เป็นแต่เพียงรูปธรรมที่เกิดจากสมุฏฐาน (ที่เกิด) ต่างๆ เท่านั้น ไม่ใช่สภาพที่รู้อะไรครับ แต่ที่มีความแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งเป็นไปตาม"กรรม" ที่กระทำให้ร่างกายนี้วิจิตร ทั้งทางฝ่ายของกุศลกรรมและทางฝ่ายของอกุศลกรรม แต่ถ้าหากไม่มีสภาพรู้ที่เป็นจิตและเจตสิกแล้ว ความคิดที่ว่า "ร่างกายมนุษย์มีอานุภาพ" นั้น จะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะว่าไม่มีสภาพที่รู้ถึงความวิจิตรของสิ่งที่ปรากฏ คือไม่มีการคิดเป็นร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ต่างๆ หลังจากที่เห็น แต่ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิต เจตสิก รูป มีปัจจัยที่เนื่องกันอย่างละเอียด เช่น จิตที่เกิดกับเจตสิกฝ่ายดี เป็นปัจจัยให้เกิดรูปธรรมที่มีการไหวไปเพื่อการกระทำกุศลทางกาย มีการไหว้ด้วยมือมีการกราบ ฯลฯ ทางวาจา มีการพูดคำที่เป็นความจริง คำที่เป็นประโยชน์ ฯลฯ ส่วนจิตที่เกิดกับเจตสิกฝ่ายไม่ดีก็โดยนัยตรงกันข้าม

อวัยวะที่กรรมทำให้เกิดขึ้นนั้น เป็นทางที่จิตจะทำให้เกิดอาการน้อมไป ตามกำลังของกุศล/อกุศลที่เกิดในขณะนั้นได้ ซึ่งถ้าเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน มือที่จะไหว้ก็กระทำได้แสนยาก (สัตว์บางชนิดก็ไม่มีมือ) ครั้นจะพูดเป็นภาษาที่จะช่วยให้ผู้อื่นเกิดกุศลจิตก็ยิ่งยากครับ ด้วยเหตุนี้ การเกิดเป็นมนุษย์จึงมีอนุภาพ แต่ที่จะเริ่มเห็นอนุภาพของกุศลกรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ได้จริง ก็ต่อเมื่อเกิดปัญญาที่จะเห็นโทษหรือคุณค่าของการเกิดว่า เกิดมาเพื่ออะไร? เพื่อที่ได้จะพอกพูนอกุศล เช่น โลภะ โทสะ โมหะ ต่อๆ ไปหรือว่า เพื่อที่จะได้เจริญกุศลทุกประการ มีการฟัง มีการศึกษาพระธรรม เป็นต้น ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ปริศนา
วันที่ 31 ส.ค. 2551

ที่สำคัญไม่มีอะไรที่เราสมมติขึ้นจะพ้นจากความเป็นจริงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงปรมัตถธรรม สภาพธรรมทั้งหลายตามความจริงแล้วคือ มีแต่นามธรรมและรูปธรรมเท่านั้นค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Noparat
วันที่ 1 ก.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ